From this page you can:
Home |
Publisher details
Publisher
located at
Available items(s) from this publisher
Add the result to your basket Make a suggestion Refine your search Apply to external sourcesSIU Thesis. คุณลักษณะสำคัญของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ประสบความสำเร็จในหมวดการค้า / วินัย วารมา / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU Thesis Title : คุณลักษณะสำคัญของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ประสบความสำเร็จในหมวดการค้า Original title : Essential Characteristic of Successful SMEs Entrepreneurs in Trade Section Material Type: printed text Authors: วินัย วารมา, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; เพชรรัตน์ โล้วิชากรติกุล, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: ix, 110 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU THE-T: SOM-DBA-2017-07
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2560Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ผู้ประกอบการ
[LCSH]วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมKeywords: คุณลักษณะผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม Abstract: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์องค์ประกอบสำคัญของคุณลักษณะของผู้ประกอบการและความสำเร็จของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและพยากรณ์รูปแบบความสัมพันธ์ขององค์ประกอบคุณลักษณะของผู้ประกอบการที่มีผลต่อความสำเร็จของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในหมวดการค้าโดยใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ประกอบการของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในหมวดการค้าที่ประกอบธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกจำนวน 400 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณา และการวิเคราะห์ค่าความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA) ในการทดสอบความสัมพันธ์ของตัวแปรและทดสอบสมมุติฐาน
ผลการศึกษาเกี่ยวกับคุณลักษณะของผู้ประกอบการที่สำคัญ พบว่ามีความสำคัญเรียงตามลำดับ คือ ความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหาของผู้ประกอบการ ทักษะในการสื่อสารและการสนทนากับลูกค้า ความคิดสร้างสรรค์ ทักษะในด้านการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ ศิลปะในการจูงใจลูกค้าความสามารถในการนำเสนอสินค้าให้เวลาในการบริหารงาน ความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ความสามารถในการวางแผน ทักษะด้านการคำนวณและดูแลสุขภาพร่างกาย ผลจากการวิจัยด้านกลยุทธ์ด้านการตลาดพบว่า ผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านการส่งเสริมการตลาด ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ ปัจจัยด้านช่องทางการจัดจำหน่าย และปัจจัยด้านราคาเรียงตามลำดับความสำคัญ นอกจากนี้ผลจากการทดสอบความสัมพันธ์ของตัวแปรสามารถนำมาสรุปได้ว่า คุณลักษณะของผู้ประกอบการมีความสัมพันธ์กับความสำเร็จของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางหรือขนาดย่อมในหมวดการค้า อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยจากคุณลักษณะของผู้ประกอบการทั้ง 16 องค์ประกอบ ที่ทำการทดสอบ พบว่ามี 11 องค์ประกอบ ประกอบด้วย ด้านสุขภาพ ด้านเวลาในการบริหารงาน ด้านศิลปะในการจูงใจลูกค้า ด้านทักษะในการสื่อสาร ด้านการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้านการนำเสนอสินค้า ด้านการคำนวน ด้านการวิเคราะห์ปัญหา ด้านตัดสินใจ ด้านลักษณะผู้นำ และด้านการสร้างเครือข่าย มีความสัมพันธ์กับความสำเร็จในการประกอบธุรกิจในหมวดการค้า อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ทั้ง 4 ด้าน คือ ความสำเร็จทางธุรกิจ แนวโน้มของจำนวนพนักงาน แนวโน้มของจำนวนลูกค้า และแนวโน้มของยอดขายCurricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27318 SIU Thesis. คุณลักษณะสำคัญของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ประสบความสำเร็จในหมวดการค้า = Essential Characteristic of Successful SMEs Entrepreneurs in Trade Section [printed text] / วินัย วารมา, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; เพชรรัตน์ โล้วิชากรติกุล, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - ix, 110 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU THE-T: SOM-DBA-2017-07
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2560
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ผู้ประกอบการ
[LCSH]วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมKeywords: คุณลักษณะผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม Abstract: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์องค์ประกอบสำคัญของคุณลักษณะของผู้ประกอบการและความสำเร็จของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและพยากรณ์รูปแบบความสัมพันธ์ขององค์ประกอบคุณลักษณะของผู้ประกอบการที่มีผลต่อความสำเร็จของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในหมวดการค้าโดยใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ประกอบการของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในหมวดการค้าที่ประกอบธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกจำนวน 400 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณา และการวิเคราะห์ค่าความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA) ในการทดสอบความสัมพันธ์ของตัวแปรและทดสอบสมมุติฐาน
ผลการศึกษาเกี่ยวกับคุณลักษณะของผู้ประกอบการที่สำคัญ พบว่ามีความสำคัญเรียงตามลำดับ คือ ความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหาของผู้ประกอบการ ทักษะในการสื่อสารและการสนทนากับลูกค้า ความคิดสร้างสรรค์ ทักษะในด้านการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ ศิลปะในการจูงใจลูกค้าความสามารถในการนำเสนอสินค้าให้เวลาในการบริหารงาน ความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ความสามารถในการวางแผน ทักษะด้านการคำนวณและดูแลสุขภาพร่างกาย ผลจากการวิจัยด้านกลยุทธ์ด้านการตลาดพบว่า ผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านการส่งเสริมการตลาด ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ ปัจจัยด้านช่องทางการจัดจำหน่าย และปัจจัยด้านราคาเรียงตามลำดับความสำคัญ นอกจากนี้ผลจากการทดสอบความสัมพันธ์ของตัวแปรสามารถนำมาสรุปได้ว่า คุณลักษณะของผู้ประกอบการมีความสัมพันธ์กับความสำเร็จของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางหรือขนาดย่อมในหมวดการค้า อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยจากคุณลักษณะของผู้ประกอบการทั้ง 16 องค์ประกอบ ที่ทำการทดสอบ พบว่ามี 11 องค์ประกอบ ประกอบด้วย ด้านสุขภาพ ด้านเวลาในการบริหารงาน ด้านศิลปะในการจูงใจลูกค้า ด้านทักษะในการสื่อสาร ด้านการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้านการนำเสนอสินค้า ด้านการคำนวน ด้านการวิเคราะห์ปัญหา ด้านตัดสินใจ ด้านลักษณะผู้นำ และด้านการสร้างเครือข่าย มีความสัมพันธ์กับความสำเร็จในการประกอบธุรกิจในหมวดการค้า อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ทั้ง 4 ด้าน คือ ความสำเร็จทางธุรกิจ แนวโน้มของจำนวนพนักงาน แนวโน้มของจำนวนลูกค้า และแนวโน้มของยอดขายCurricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27318 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000595320 SIU THE-T: SOM-DBA-2017-07 c.1 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available 32002000595296 SIU THE-T: SOM-DBA-2017-07 c.2 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available SIU Thesis. ความสัมพันธ์ระหว่างความจงรักภักดีกับการคงอยู่ของพนักงาน ธนาคารพาณิชย์ไทย / พรทิวา บัญชาพัฒนศักดา / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU Thesis Title : ความสัมพันธ์ระหว่างความจงรักภักดีกับการคงอยู่ของพนักงาน ธนาคารพาณิชย์ไทย Original title : Relationships between Loyalty and Employee Retaining of Thai Commercial Banks’ Employees Material Type: printed text Authors: พรทิวา บัญชาพัฒนศักดา, Author ; เพชรรัตน์ โล้วิชากรติกุล, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 General note: SIU THE-T: SOM-DBA-2017-08
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2560Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ธนาคารพาณิชย์ -- พนักงาน Keywords: ความจงรักภักดี,
การคงอยู่,
พนักงานธนาคารพาณิชย์Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความจงรักภักดีกับการคงอยู่ของพนักงานธนาคารพาณิชย์ไทย เครื่องมือวิจัยคือแบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่างคือ พนักงานของธนาคารพาณิชย์ไทย จำนวน 400 คน ด้วยวิธีสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิตามสัดส่วน วิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนาเพื่อหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมานการวิเคราะห์ค่าความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) และการวิเคราะห์การถดถอย (Regression analysis) ในการทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรและทดสอบสมมุติฐาน
ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 36 - 40 ปี มีรายได้รวมเฉลี่ยต่อเดือน 15,001 - 30,000 บาท การศึกษาระดับปริญญาโท สถานภาพสมรส ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ มีอายุงานในงานปัจจุบันอยู่ในช่วง 2 - 4 ปี และมีอายุงานรวมกับการทำงานที่ธนาคารพาณิชย์อื่นๆ 6 - 10 ปี ผลการวิจัยยังพบว่าปัจจัยแวดล้อมในการทำงาน ปัจจัยการสร้างแรงจูงใจ ปัจจัยการบริหารองค์กร ปัจจัยค่านิยมร่วม มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับสูง เรียงตามลำดับ ส่วนเรื่องความจงรักภักดีด้านจิตใจพบว่าพนักงานมีความเต็มใจทุ่มเทและอุทิศตนให้กับองค์กรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในระดับสูงโดยความจงรักภักดีด้านบรรทัดฐานพบว่าพนักงานยอมทำตามความต้องการขององค์กรเพื่อให้ได้ผลตอบแทนในระดับสูง ด้านการคงอยู่พบว่าพนักงานมีความจงรักภักดีกับองค์กรอยู่ในระดับสูง ผลการทดสอบความสัมพันธ์ของตัวแปรพบว่าปัจจัยส่วนบุคคลของพนักงานธนาคารพาณิชย์ไทยมีความสัมพันธ์กับการรับรู้เกี่ยวกับความภักดีในองค์กร ปัจจัยแวดล้อมในการทำงานมีผลต่อความภักดีในองค์กรด้านจิตใจและด้านบรรทัดฐาน ปัจจัยด้านการบริหารองค์กรมีอิทธิพลต่อความจงรักภักดีของพนักงานทั้งด้านจิตใจ และด้านบรรทัดฐาน ปัจจัยค่านิยมร่วมมีอิทธิพลต่อความจงรักภักดีของพนักงานด้านจิตใจและด้านบรรทัดฐาน ปัจจัยการสร้างแรงจูงใจของพนักงานมีอิทธิพลต่อความจงรักภักดีของพนักงานด้านจิตใจและด้านบรรทัดฐาน นอกจากนี้ผลการวิจัยพบว่าความผูกพันด้านจิตใจ และความผูกพันด้านบรรทัดฐาน มีความสัมพันธ์กับการคงอยู่ของพนักงานธนาคารพาณิชย์ไทยCurricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27319 SIU Thesis. ความสัมพันธ์ระหว่างความจงรักภักดีกับการคงอยู่ของพนักงาน ธนาคารพาณิชย์ไทย = Relationships between Loyalty and Employee Retaining of Thai Commercial Banks’ Employees [printed text] / พรทิวา บัญชาพัฒนศักดา, Author ; เพชรรัตน์ โล้วิชากรติกุล, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017.
SIU THE-T: SOM-DBA-2017-08
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2560
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ธนาคารพาณิชย์ -- พนักงาน Keywords: ความจงรักภักดี,
การคงอยู่,
พนักงานธนาคารพาณิชย์Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความจงรักภักดีกับการคงอยู่ของพนักงานธนาคารพาณิชย์ไทย เครื่องมือวิจัยคือแบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่างคือ พนักงานของธนาคารพาณิชย์ไทย จำนวน 400 คน ด้วยวิธีสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิตามสัดส่วน วิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนาเพื่อหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมานการวิเคราะห์ค่าความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) และการวิเคราะห์การถดถอย (Regression analysis) ในการทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรและทดสอบสมมุติฐาน
ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 36 - 40 ปี มีรายได้รวมเฉลี่ยต่อเดือน 15,001 - 30,000 บาท การศึกษาระดับปริญญาโท สถานภาพสมรส ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ มีอายุงานในงานปัจจุบันอยู่ในช่วง 2 - 4 ปี และมีอายุงานรวมกับการทำงานที่ธนาคารพาณิชย์อื่นๆ 6 - 10 ปี ผลการวิจัยยังพบว่าปัจจัยแวดล้อมในการทำงาน ปัจจัยการสร้างแรงจูงใจ ปัจจัยการบริหารองค์กร ปัจจัยค่านิยมร่วม มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับสูง เรียงตามลำดับ ส่วนเรื่องความจงรักภักดีด้านจิตใจพบว่าพนักงานมีความเต็มใจทุ่มเทและอุทิศตนให้กับองค์กรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในระดับสูงโดยความจงรักภักดีด้านบรรทัดฐานพบว่าพนักงานยอมทำตามความต้องการขององค์กรเพื่อให้ได้ผลตอบแทนในระดับสูง ด้านการคงอยู่พบว่าพนักงานมีความจงรักภักดีกับองค์กรอยู่ในระดับสูง ผลการทดสอบความสัมพันธ์ของตัวแปรพบว่าปัจจัยส่วนบุคคลของพนักงานธนาคารพาณิชย์ไทยมีความสัมพันธ์กับการรับรู้เกี่ยวกับความภักดีในองค์กร ปัจจัยแวดล้อมในการทำงานมีผลต่อความภักดีในองค์กรด้านจิตใจและด้านบรรทัดฐาน ปัจจัยด้านการบริหารองค์กรมีอิทธิพลต่อความจงรักภักดีของพนักงานทั้งด้านจิตใจ และด้านบรรทัดฐาน ปัจจัยค่านิยมร่วมมีอิทธิพลต่อความจงรักภักดีของพนักงานด้านจิตใจและด้านบรรทัดฐาน ปัจจัยการสร้างแรงจูงใจของพนักงานมีอิทธิพลต่อความจงรักภักดีของพนักงานด้านจิตใจและด้านบรรทัดฐาน นอกจากนี้ผลการวิจัยพบว่าความผูกพันด้านจิตใจ และความผูกพันด้านบรรทัดฐาน มีความสัมพันธ์กับการคงอยู่ของพนักงานธนาคารพาณิชย์ไทยCurricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27319 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000595346 SIU THE-T: SOM-DBA-2017-08 c.1 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available 32002000595312 SIU THE-T: SOM-DBA-2017-08 c.2 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ผลสัมฤทธิ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการขอทานต่างด้าวกัมพูชา ตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 / สมชาย สาริกบุตร / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU IS-T Title : ผลสัมฤทธิ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการขอทานต่างด้าวกัมพูชา ตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 Original title : The Result of Protection and Problem-Solving about Alien’s Cambodian Beggar by Panhandle Control Act, B.E.2559 (2016) Material Type: printed text Authors: สมชาย สาริกบุตร, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: viii, 96 น. Layout: ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-16
Independent Study [MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ขอทาน -- กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ
[LCSH]พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559Keywords: ขอทานต่างด้าว,
ขบวนการ,
พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559Abstract: การศึกษาค้นคว้าอิสระเรื่อง “ผลสัมฤทธิ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการขอทานต่างด้าวกัมพูชาตาม พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559” เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยมีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาถึงสาเหตุของขอทานต่างด้าวกัมพูชาที่ลักลอบเข้าเมืองมาเพื่อขอทานในประเทศไทย (2) เพื่อศึกษาถึงปัญหาและอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาขอทานต่างด้าวกัมพูชาตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2484 (3) เพื่อศึกษาว่า พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 สามารถแก้ไขปัญหาขอทานต่างด้าวกัมพูชาได้หรือไม่ โดยการศึกษาครั้งนี้ใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างหรือการสัมภาษณ์แบบเป็นทางการ (structured interview or formal interview) และข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาโดยการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น รายงานการศึกษาวิจัย วิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ เอกสารทางราชการ รวมทั้งข้อมูลจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ แล้วนำข้อมูลที่ได้มานำเสนอตามวัตถุประสงค์
ผลการศึกษาพบว่า ด้วยปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศกัมพูชาที่ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน จึงทำให้คนกัมพูชาลักลอบเข้ามาขอทานในประเทศไทยจำนวนมาก จากเหตุผลเข้ามาขอทานเพราะมีฐานะยากจน เปลี่ยนเป็นเข้ามาขอทานเป็นอาชีพ มีขบวนการนำคนต่างด้าวกัมพูชาเข้ามาขอทานทั้งที่สมัครใจและโดนบังคับ ก่อให้เกิดปัญหาการค้ามนุษย์ตามมา ด้วยพระราชบัญญัติควบคุมคนขอทาน พ.ศ. 2484 ไม่ได้กำหนดบทลงโทษสำหรับคนที่มาขอทาน โดยเฉพาะคนต่างด้าวเมื่อถูกจับกุมก็ไม่ต้องถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด กฎหมายกำหนดเพียงให้ทำการผลักดันกลับประเทศต้นทาง ทำให้คนต่างด้าวไม่เกิดความเกรงกลัวต่อการจับกุมและลักลอบมาขอทานอีก ส่งผลให้ไม่สามารถแก้ปัญหาขอทานต่างด้าวได้ จึงจำเป็นต้องออกกฎหมายพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 ให้การขอทานเป็นความผิด มีโทษทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งมีบทลงโทษกับขบวนการที่นำคนต่างด้าวมาขอทาน เมื่อมีการนำกฎหมายมาบังคับใช้กับขอทานต่างด้าวอย่างจริงจังทำให้คนต่างด้าวเกิดความเกรงกลัวไม่กล้าที่จะมาขอทาน
ข้อเสนอแนะจากการวิจัย (1) ควรมีการศึกษาและติดตามผลการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติ ควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559 ว่าสามารถแก้ไขปัญหาขอทานต่างด้าวกัมพูชาได้หรือไม่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการในการทำงานเชิงรุก กวดขัน และปราบปราม ดำเนินคดีกับผู้ที่มาขอทานหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและไม่เลือกปฏิบัติ เมื่อมีการบังคับใช้กฎหมายอย่าง จริงจังก็จะทำให้จำนวนขอทานต่างด้าวลดน้อยลงไปได้ในอนาคต (2) ควรมีการศึกษาและประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 กับการแก้ปัญหาขอทานต่างด้าวกัมพูชาว่าพฤติการณ์ของขอทานต่างด้าวกัมพูชามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และ (3) ควรมีการศึกษาถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาขอทานต่างด้าวกัมพูชาสัมฤทธิ์ผลตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27323 SIU IS-T. ผลสัมฤทธิ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการขอทานต่างด้าวกัมพูชา ตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 = The Result of Protection and Problem-Solving about Alien’s Cambodian Beggar by Panhandle Control Act, B.E.2559 (2016) [printed text] / สมชาย สาริกบุตร, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - viii, 96 น. : ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-16
Independent Study [MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ขอทาน -- กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ
[LCSH]พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559Keywords: ขอทานต่างด้าว,
ขบวนการ,
พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559Abstract: การศึกษาค้นคว้าอิสระเรื่อง “ผลสัมฤทธิ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการขอทานต่างด้าวกัมพูชาตาม พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559” เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยมีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาถึงสาเหตุของขอทานต่างด้าวกัมพูชาที่ลักลอบเข้าเมืองมาเพื่อขอทานในประเทศไทย (2) เพื่อศึกษาถึงปัญหาและอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาขอทานต่างด้าวกัมพูชาตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2484 (3) เพื่อศึกษาว่า พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 สามารถแก้ไขปัญหาขอทานต่างด้าวกัมพูชาได้หรือไม่ โดยการศึกษาครั้งนี้ใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างหรือการสัมภาษณ์แบบเป็นทางการ (structured interview or formal interview) และข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาโดยการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น รายงานการศึกษาวิจัย วิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ เอกสารทางราชการ รวมทั้งข้อมูลจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ แล้วนำข้อมูลที่ได้มานำเสนอตามวัตถุประสงค์
ผลการศึกษาพบว่า ด้วยปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศกัมพูชาที่ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน จึงทำให้คนกัมพูชาลักลอบเข้ามาขอทานในประเทศไทยจำนวนมาก จากเหตุผลเข้ามาขอทานเพราะมีฐานะยากจน เปลี่ยนเป็นเข้ามาขอทานเป็นอาชีพ มีขบวนการนำคนต่างด้าวกัมพูชาเข้ามาขอทานทั้งที่สมัครใจและโดนบังคับ ก่อให้เกิดปัญหาการค้ามนุษย์ตามมา ด้วยพระราชบัญญัติควบคุมคนขอทาน พ.ศ. 2484 ไม่ได้กำหนดบทลงโทษสำหรับคนที่มาขอทาน โดยเฉพาะคนต่างด้าวเมื่อถูกจับกุมก็ไม่ต้องถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด กฎหมายกำหนดเพียงให้ทำการผลักดันกลับประเทศต้นทาง ทำให้คนต่างด้าวไม่เกิดความเกรงกลัวต่อการจับกุมและลักลอบมาขอทานอีก ส่งผลให้ไม่สามารถแก้ปัญหาขอทานต่างด้าวได้ จึงจำเป็นต้องออกกฎหมายพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 ให้การขอทานเป็นความผิด มีโทษทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งมีบทลงโทษกับขบวนการที่นำคนต่างด้าวมาขอทาน เมื่อมีการนำกฎหมายมาบังคับใช้กับขอทานต่างด้าวอย่างจริงจังทำให้คนต่างด้าวเกิดความเกรงกลัวไม่กล้าที่จะมาขอทาน
ข้อเสนอแนะจากการวิจัย (1) ควรมีการศึกษาและติดตามผลการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติ ควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559 ว่าสามารถแก้ไขปัญหาขอทานต่างด้าวกัมพูชาได้หรือไม่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการในการทำงานเชิงรุก กวดขัน และปราบปราม ดำเนินคดีกับผู้ที่มาขอทานหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและไม่เลือกปฏิบัติ เมื่อมีการบังคับใช้กฎหมายอย่าง จริงจังก็จะทำให้จำนวนขอทานต่างด้าวลดน้อยลงไปได้ในอนาคต (2) ควรมีการศึกษาและประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 กับการแก้ปัญหาขอทานต่างด้าวกัมพูชาว่าพฤติการณ์ของขอทานต่างด้าวกัมพูชามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และ (3) ควรมีการศึกษาถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาขอทานต่างด้าวกัมพูชาสัมฤทธิ์ผลตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27323 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000595387 SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-16 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000595379 SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-16 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. การพัฒนารูปแบบการสร้างสื่อการเรียนการสอนหมากรุกไทย ผ่านเว็บ www.playok.com กรณีศึกษา: ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย / กรฎา บุตรชน / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU IS-T Title : การพัฒนารูปแบบการสร้างสื่อการเรียนการสอนหมากรุกไทย ผ่านเว็บ www.playok.com กรณีศึกษา: ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย Original title : Development of the Model for Teaching and Learning Thai Chess through www.playok.com Case Study: Board Game Clubs in Thai Universities Material Type: printed text Authors: กรฎา บุตรชน, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: xv, 91 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-04
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2017.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]สื่อการสอน
[LCSH]หมากรุกไทยKeywords: การพัฒนารูปแบบการสร้างสื่อการเรียนการสอนหมากรุกไทย,
ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทยAbstract: วัตถุประสงค์ในการศึกษาครั้งนี้เพื่อ 1) เพื่อศึกษาลักษณะประชากรของผู้เล่นหมากรุกไทย
ที่มีความต้องการูปแบบการเรียนการสอนหมากรุกไทยผ่านเว็บ www.playok.com ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย 2) เพื่อกระตุ้นอาจารย์ นักศึกษา เกิดความสนใจในการเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้รูปแบบการสร้างสื่อการเรียนการสอนหมากรุกไทยผ่านเว็บ www.playok.com ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย และ 3) เพื่อจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหมากรุกไทยของผู้สอน โดยรูปแบบการเรียนการสอนผ่านเว็บ www.playok.com ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ผู้เรียนชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย 5 สถาบัน จำนวน 100 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ ได้แก่ แบบสอบถามผ่าน Online สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ t- test การวิเคราะห์ค่าความแปรปรวนจำแนวทางเดียว (One-way analysis of variance--ANOVA) และการเปรียบเทียบเชิงซ้อนรายคู่ (multiple-comparison) ของ LSD
ผลการศึกษาพบว่า
ด้านลักษณะประชากร พบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง ช่วงอายุ 20-24 ปี เรียนปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ อาชีพ นักเรียน/นักศึกษา นับถือศาสนาพุทธ
ด้านพฤติกรรม ส่วนใหญ่เล่นหมากรุกผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ แต่เล่นผ่านเว็บ www.playok.com นาน ๆ ครั้ง ในแต่ละครั้ง 1-2 ชั่วโมง ช่วงเวลา 18.01-20.00 น. บุคคลที่เล่นด้วยมากสุด คือ เพื่อน/รุ่นพี่/รุ่นน้อง
ด้านความสนใจนิยมเล่นเพราะสนุกสนาน ประสบการณ์เล่นหมากรุกไทย 1-2 ปี มีพัฒนาการในระดับปานกลาง ส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าช่วยให้พัฒนาฝีมือขึ้น ถ้าฝึกซ้อมผ่านเว็บ www.playok.com และส่วนใหญ่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬามหาลัย ผลการแข่งขันอยู่ในระดับดีมาก
ด้านเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการสร้างสื่อการเรียนการสอน พบว่า ส่วนใหญ่ควรเสริมความรู้ และเพิ่มหัวข้อ ด้านการเปิดหมาก ในแต่ละครั้งควรฝึกซ้อม นานมากกว่า 6 ชั่วโมง และควรพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน ด้านการบันทึกหมากและวิเคราะห์เกมของท่านหลังฝึกซ้อมเสร็จ และนำบันทึกหมากที่เหมาะกับสไตล์ของท่านมาฝึกฝน
ด้านการจัดกิจกรรการเรียนการสอน ผู้เรียนส่วนใหญ่อยู่ในระดับฝีมือ เริ่มต้น-ปานกลาง รองลงมา ดี-ดีมาก
ระดับฝีมือเริ่มต้น-ปานกลาง ข้อที่มากที่สุดคือ การทบทวนท้ายชั่วโมง รองลงมาคือ การฝึกฝนปลายกระดานร่วมกัน และข้อที่น้อยที่สุดคือ การนำเสนอภาพประกอบการเล่น เช่น
รูปหมากต่าง ๆ เป็นต้น
ระดับฝีมือดี-ดีมาก ข้อที่มากที่สุดคือ ปัจจัยด้านการทบทวนท้ายชั่วโมง รองลงมาคือ ปัจจัยด้านการฝึกฝนปลายกระดานร่วมกัน และข้อที่น้อยที่สุดคือ ปัจจัยด้านเว็บไซด์มีประสิทธิภาพ
ข้อเสนอแนะ
ถึงแม้ว่าการเรียนการสอนออนไลน์จะได้ผลในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถทดแทนการเรียนการสอนแบบตัวต่อตัวได้หรือการฝึกในรูปแบบชมรมที่มีการพบปะกันอย่างสม่ำเสมอ แต่สามารถควบคู่ไปในทิศทางเดียวกันได้Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27447 SIU IS-T. การพัฒนารูปแบบการสร้างสื่อการเรียนการสอนหมากรุกไทย ผ่านเว็บ www.playok.com กรณีศึกษา: ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย = Development of the Model for Teaching and Learning Thai Chess through www.playok.com Case Study: Board Game Clubs in Thai Universities [printed text] / กรฎา บุตรชน, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - xv, 91 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-04
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2017.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]สื่อการสอน
[LCSH]หมากรุกไทยKeywords: การพัฒนารูปแบบการสร้างสื่อการเรียนการสอนหมากรุกไทย,
ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทยAbstract: วัตถุประสงค์ในการศึกษาครั้งนี้เพื่อ 1) เพื่อศึกษาลักษณะประชากรของผู้เล่นหมากรุกไทย
ที่มีความต้องการูปแบบการเรียนการสอนหมากรุกไทยผ่านเว็บ www.playok.com ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย 2) เพื่อกระตุ้นอาจารย์ นักศึกษา เกิดความสนใจในการเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้รูปแบบการสร้างสื่อการเรียนการสอนหมากรุกไทยผ่านเว็บ www.playok.com ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย และ 3) เพื่อจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหมากรุกไทยของผู้สอน โดยรูปแบบการเรียนการสอนผ่านเว็บ www.playok.com ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ผู้เรียนชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย 5 สถาบัน จำนวน 100 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ ได้แก่ แบบสอบถามผ่าน Online สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ t- test การวิเคราะห์ค่าความแปรปรวนจำแนวทางเดียว (One-way analysis of variance--ANOVA) และการเปรียบเทียบเชิงซ้อนรายคู่ (multiple-comparison) ของ LSD
ผลการศึกษาพบว่า
ด้านลักษณะประชากร พบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง ช่วงอายุ 20-24 ปี เรียนปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ อาชีพ นักเรียน/นักศึกษา นับถือศาสนาพุทธ
ด้านพฤติกรรม ส่วนใหญ่เล่นหมากรุกผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ แต่เล่นผ่านเว็บ www.playok.com นาน ๆ ครั้ง ในแต่ละครั้ง 1-2 ชั่วโมง ช่วงเวลา 18.01-20.00 น. บุคคลที่เล่นด้วยมากสุด คือ เพื่อน/รุ่นพี่/รุ่นน้อง
ด้านความสนใจนิยมเล่นเพราะสนุกสนาน ประสบการณ์เล่นหมากรุกไทย 1-2 ปี มีพัฒนาการในระดับปานกลาง ส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าช่วยให้พัฒนาฝีมือขึ้น ถ้าฝึกซ้อมผ่านเว็บ www.playok.com และส่วนใหญ่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬามหาลัย ผลการแข่งขันอยู่ในระดับดีมาก
ด้านเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการสร้างสื่อการเรียนการสอน พบว่า ส่วนใหญ่ควรเสริมความรู้ และเพิ่มหัวข้อ ด้านการเปิดหมาก ในแต่ละครั้งควรฝึกซ้อม นานมากกว่า 6 ชั่วโมง และควรพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน ด้านการบันทึกหมากและวิเคราะห์เกมของท่านหลังฝึกซ้อมเสร็จ และนำบันทึกหมากที่เหมาะกับสไตล์ของท่านมาฝึกฝน
ด้านการจัดกิจกรรการเรียนการสอน ผู้เรียนส่วนใหญ่อยู่ในระดับฝีมือ เริ่มต้น-ปานกลาง รองลงมา ดี-ดีมาก
ระดับฝีมือเริ่มต้น-ปานกลาง ข้อที่มากที่สุดคือ การทบทวนท้ายชั่วโมง รองลงมาคือ การฝึกฝนปลายกระดานร่วมกัน และข้อที่น้อยที่สุดคือ การนำเสนอภาพประกอบการเล่น เช่น
รูปหมากต่าง ๆ เป็นต้น
ระดับฝีมือดี-ดีมาก ข้อที่มากที่สุดคือ ปัจจัยด้านการทบทวนท้ายชั่วโมง รองลงมาคือ ปัจจัยด้านการฝึกฝนปลายกระดานร่วมกัน และข้อที่น้อยที่สุดคือ ปัจจัยด้านเว็บไซด์มีประสิทธิภาพ
ข้อเสนอแนะ
ถึงแม้ว่าการเรียนการสอนออนไลน์จะได้ผลในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถทดแทนการเรียนการสอนแบบตัวต่อตัวได้หรือการฝึกในรูปแบบชมรมที่มีการพบปะกันอย่างสม่ำเสมอ แต่สามารถควบคู่ไปในทิศทางเดียวกันได้Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27447 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000595775 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-04 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000595783 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-04 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ความคาดหวังของผู้ใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอต่อสื่อสังคมออนไลน์ ในเขตกรุงเทพมหานคร / อรญาฎา บุญศิริ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU IS-T Title : ความคาดหวังของผู้ใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอต่อสื่อสังคมออนไลน์ ในเขตกรุงเทพมหานคร Original title : Expectations of Users of Wedding Studios on Social Media in Bangkok Areas Material Type: printed text Authors: อรญาฎา บุญศิริ, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: xii, 77 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-05
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2017.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]สื่อสังคมออนไลน์ -- กรุงเทพฯ Keywords: ความคาดหวัง,
ผู้ใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอ,
สื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานครAbstract: วัตถุประสงค์ในการศึกษาครั้งนี้เพื่อ 1) ศึกษาลักษณะประชากรของผู้ใช้บริการเวดดิ้งสตูดิโอทางสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษาความสำคัญในการเลือกร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่อใช้ในงานแต่งงานจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร 3) เพื่อศึกษาการตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร และ 4) เพื่อศึกษาความคาดหวังในการใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ประชากรคู่แต่งงานที่เป็นผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 100 คู่ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ ได้แก่ แบบสอบถาม Online สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ t-test การวิเคราะห์ค่าความแปรปรวนจำแนวทางเดียว (One-way Analysis of Variance-ANOVA) และการเปรียบเทียบเชิงซ้อนรายคู่ (Multiple-Comparison) ของ LSD
ผลการศึกษาพบว่า
1) ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง มีอายุ 20-30 ปี มีการศึกษาในระดับปริญญาตรี มีอาชีพ พนักงานบริษัทเอกชน/รับจ้าง มีรายได้ต่อเดือน 20001-30000 บาท และนับถือศาสนาพุทธ
2) ผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับความสำคัญในการเลือกร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่อใช้ในงานแต่งงานจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ส่วนใหญ่ตั้งใจเลือกใช้ร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่องานแต่งงานของท่าน ตั้งใจว่าต้องใช้ร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่องานแต่งงานเท่านั้น ใช้เวลานานเท่าใดในการตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่องานแต่งงาน คิดว่าร้านเวดดิ้งสตูดิโอ ควรให้บริการในด้านใดเพิ่มเติมจากที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน และคิดว่าในภาพรวมการจัดงานแต่งงานจากร้านเวดดิ้งสตูดิโอกับจัดงานแต่งงานกันเองอย่างไหนดีกว่ากัน
3) ผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับเกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ส่วนใหญ่การตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก และคาดหวังในการใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก
4) การทดสอบสมมุติฐาน
4.1 การเปรียบเทียบลักษณะประชากรของผู้ใช้บริการเวดดิ้งสตูดิโอทางสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานครต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการในการใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า จำแนกตามอายุ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ จำแนกตามอาชีพ มีความแตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .01 ส่วนด้านเพศ ระดับการศึกษา รายได้ต่อเดือน และด้านศาสนา พบว่า ไม่แตกต่างกัน
4.2 การเปรียบเทียบลักษณะประชากรของผู้ใช้บริการเวดดิ้งสตูดิโอทางสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานครต่อความคาดหวังในการใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ไม่แตกต่างกัน
4.3 การเปรียบเทียบความสำคัญในการเลือกร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่อใช้ในงานแต่งงานจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานครต่อ การตัดสินใจเลือกใช้บริการ และความคาดหวังในการใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ไม่แตกต่างกันCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27448 SIU IS-T. ความคาดหวังของผู้ใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอต่อสื่อสังคมออนไลน์ ในเขตกรุงเทพมหานคร = Expectations of Users of Wedding Studios on Social Media in Bangkok Areas [printed text] / อรญาฎา บุญศิริ, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - xii, 77 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-05
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2017.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]สื่อสังคมออนไลน์ -- กรุงเทพฯ Keywords: ความคาดหวัง,
ผู้ใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอ,
สื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานครAbstract: วัตถุประสงค์ในการศึกษาครั้งนี้เพื่อ 1) ศึกษาลักษณะประชากรของผู้ใช้บริการเวดดิ้งสตูดิโอทางสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษาความสำคัญในการเลือกร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่อใช้ในงานแต่งงานจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร 3) เพื่อศึกษาการตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร และ 4) เพื่อศึกษาความคาดหวังในการใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ประชากรคู่แต่งงานที่เป็นผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 100 คู่ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ ได้แก่ แบบสอบถาม Online สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ t-test การวิเคราะห์ค่าความแปรปรวนจำแนวทางเดียว (One-way Analysis of Variance-ANOVA) และการเปรียบเทียบเชิงซ้อนรายคู่ (Multiple-Comparison) ของ LSD
ผลการศึกษาพบว่า
1) ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง มีอายุ 20-30 ปี มีการศึกษาในระดับปริญญาตรี มีอาชีพ พนักงานบริษัทเอกชน/รับจ้าง มีรายได้ต่อเดือน 20001-30000 บาท และนับถือศาสนาพุทธ
2) ผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับความสำคัญในการเลือกร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่อใช้ในงานแต่งงานจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ส่วนใหญ่ตั้งใจเลือกใช้ร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่องานแต่งงานของท่าน ตั้งใจว่าต้องใช้ร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่องานแต่งงานเท่านั้น ใช้เวลานานเท่าใดในการตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่องานแต่งงาน คิดว่าร้านเวดดิ้งสตูดิโอ ควรให้บริการในด้านใดเพิ่มเติมจากที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน และคิดว่าในภาพรวมการจัดงานแต่งงานจากร้านเวดดิ้งสตูดิโอกับจัดงานแต่งงานกันเองอย่างไหนดีกว่ากัน
3) ผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับเกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ส่วนใหญ่การตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก และคาดหวังในการใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก
4) การทดสอบสมมุติฐาน
4.1 การเปรียบเทียบลักษณะประชากรของผู้ใช้บริการเวดดิ้งสตูดิโอทางสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานครต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการในการใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า จำแนกตามอายุ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ จำแนกตามอาชีพ มีความแตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .01 ส่วนด้านเพศ ระดับการศึกษา รายได้ต่อเดือน และด้านศาสนา พบว่า ไม่แตกต่างกัน
4.2 การเปรียบเทียบลักษณะประชากรของผู้ใช้บริการเวดดิ้งสตูดิโอทางสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานครต่อความคาดหวังในการใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ไม่แตกต่างกัน
4.3 การเปรียบเทียบความสำคัญในการเลือกร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่อใช้ในงานแต่งงานจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานครต่อ การตัดสินใจเลือกใช้บริการ และความคาดหวังในการใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ไม่แตกต่างกันCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27448 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000595809 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-05 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000595791 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-05 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชนในกรุงเทพมหานคร กรณีศึกษา: พื้นที่เขตพญาไท / อัมพรศิริ เอื้อวัฒนานุกูล / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชนในกรุงเทพมหานคร กรณีศึกษา: พื้นที่เขตพญาไท Original title : Factors Affecting the Selection of Mobile Networks of People in Bangkok Metropolis Case Study: Areas of Phayathai District Material Type: printed text Authors: อัมพรศิริ เอื้อวัฒนานุกูล, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: ix, 71 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-06
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2017.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]โทรศัพท์เคลื่อนที่
[LCSH]โทรศัพท์เคลื่อนที่ -- พฤติกรรมผู้ใช้บริการKeywords: เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่,
ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่,
พฤติกรรมของผู้ใช้บริการAbstract: วัตถุประสงค์ในการศึกษาครั้งนี้เพื่อ 1) ศึกษาลักษณะประชากรของผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีผลต่อการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกรุงเทพมหานคร 2) ศึกษาพฤติกรรมการใช้ของประชาชนที่มีผลต่อการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกรุงเทพมหานคร 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิภาพการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชนกับการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชนในกรุงเทพมหานคร
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ประชาชนผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในกรุงเทพมหานคร เขตพญาไท จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ ได้แก่ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ t test การวิเคราะห์ค่าความแปรปรวนจำแนกทางเดียว (One-way analysis of variance – ANOVA) และเปรียบเทียบเชิงซ้อนรายคู่ (multiple-comparison) ของ Scheffe ในกรณีที่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 400 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 20-24 ปี สถานภาพโสด ประกอบอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน/รับจ้าง การศึกษาสูงสุดระดับปริญญาตรี รายได้ต่อเดือน 10,001-20,000 บาท และนับถือศาสนาพุทธ ส่วนใหญ่มีจำนวนเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้งาน 1 เครือข่าย เป็นระบบรายเดือน (Postpaid) เครือข่าย AIS และไม่เคยเปลี่ยนเครือข่ายการใช้งาน ปัจจัยที่ทำให้มีแนวโน้มการเปลี่ยนเครือข่าย คือ ประสิทธิภาพเครือข่ายที่ดีกว่า โดยระยะเวลาในการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่เฉลี่ยต่อวัน มากกว่า 4 ชั่วโมง ใช้งานในช่วงเวลา 16.01 – 21.00 น. ค่าใช้บริการเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 501 – 1,000 บาท กิจกรรมที่ใช้งานบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่วนใหญ่ใช้งานสังคมออนไลน์ เช่น Facebook, Twitter บุคคลที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ คือตนเอง ส่วนของข้อมูลเกี่ยวกับระดับปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์ เคลื่อนที่ โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน สามารถเรียงจากมากไปน้อยได้ดังนี้ ด้านประสิทธิภาพสัญญาณ รองลงมา คือ ด้านความสะดวกและการให้บริการ ด้านบุคลากร ด้านราคา ด้านภาพลักษณ์ของเครือข่ายผู้ให้บริการ ด้านสถานที่จัดจำหน่าย และด้านการส่งเสริมการตลาด ตามลำดับCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27449 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชนในกรุงเทพมหานคร กรณีศึกษา: พื้นที่เขตพญาไท = Factors Affecting the Selection of Mobile Networks of People in Bangkok Metropolis Case Study: Areas of Phayathai District [printed text] / อัมพรศิริ เอื้อวัฒนานุกูล, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - ix, 71 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-06
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2017.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]โทรศัพท์เคลื่อนที่
[LCSH]โทรศัพท์เคลื่อนที่ -- พฤติกรรมผู้ใช้บริการKeywords: เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่,
ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่,
พฤติกรรมของผู้ใช้บริการAbstract: วัตถุประสงค์ในการศึกษาครั้งนี้เพื่อ 1) ศึกษาลักษณะประชากรของผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีผลต่อการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกรุงเทพมหานคร 2) ศึกษาพฤติกรรมการใช้ของประชาชนที่มีผลต่อการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกรุงเทพมหานคร 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิภาพการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชนกับการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชนในกรุงเทพมหานคร
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ประชาชนผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในกรุงเทพมหานคร เขตพญาไท จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ ได้แก่ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ t test การวิเคราะห์ค่าความแปรปรวนจำแนกทางเดียว (One-way analysis of variance – ANOVA) และเปรียบเทียบเชิงซ้อนรายคู่ (multiple-comparison) ของ Scheffe ในกรณีที่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 400 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 20-24 ปี สถานภาพโสด ประกอบอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน/รับจ้าง การศึกษาสูงสุดระดับปริญญาตรี รายได้ต่อเดือน 10,001-20,000 บาท และนับถือศาสนาพุทธ ส่วนใหญ่มีจำนวนเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้งาน 1 เครือข่าย เป็นระบบรายเดือน (Postpaid) เครือข่าย AIS และไม่เคยเปลี่ยนเครือข่ายการใช้งาน ปัจจัยที่ทำให้มีแนวโน้มการเปลี่ยนเครือข่าย คือ ประสิทธิภาพเครือข่ายที่ดีกว่า โดยระยะเวลาในการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่เฉลี่ยต่อวัน มากกว่า 4 ชั่วโมง ใช้งานในช่วงเวลา 16.01 – 21.00 น. ค่าใช้บริการเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 501 – 1,000 บาท กิจกรรมที่ใช้งานบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่วนใหญ่ใช้งานสังคมออนไลน์ เช่น Facebook, Twitter บุคคลที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ คือตนเอง ส่วนของข้อมูลเกี่ยวกับระดับปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์ เคลื่อนที่ โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน สามารถเรียงจากมากไปน้อยได้ดังนี้ ด้านประสิทธิภาพสัญญาณ รองลงมา คือ ด้านความสะดวกและการให้บริการ ด้านบุคลากร ด้านราคา ด้านภาพลักษณ์ของเครือข่ายผู้ให้บริการ ด้านสถานที่จัดจำหน่าย และด้านการส่งเสริมการตลาด ตามลำดับCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27449 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000595817 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-06 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000595825 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-06 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. พฤติกรรมการซื้อสินค้าในเกมและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ของวัยรุ่นที่ศึกษาในกรุงเทพมหานคร / สาลินี จันทวงศ์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU IS-T Title : พฤติกรรมการซื้อสินค้าในเกมและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ของวัยรุ่นที่ศึกษาในกรุงเทพมหานคร Original title : Behaviors of Purchasing On-Line Game Products and Using Game Services on Smartphones by Teenagers Who Study in Areas in Bangkok Metropolis Material Type: printed text Authors: สาลินี จันทวงศ์, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: ix, 56 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-07
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2017.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]พฤติกรรมผู้บริโภค -- กรุงเทพฯ
[LCSH]เกมออนไลน์Keywords: ผู้ผลิตเกมออนไลน์,
พฤติกรรมซื้อสินค้าในเกม,
บริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่Abstract: วัตถุประสงค์การวิจัย 1) เพื่อศึกษาลักษณะประชากรของวัยรุ่นต่อการเล่นเกมบนโทรศัพท์
เคลื่อนที่ในกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการซื้อสินค้าในเกมและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ของวัยรุ่นที่ศึกษาในกรุงเทพมหานคร 3) เพื่อศึกษาความสนใจของการเลือกซื้อสินค้าในเกมและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ของวัยรุ่นที่ศึกษาในกรุงเทพมหานคร การทำวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจประชากรวัยรุ่นที่มีอายุ 18-23 ปีที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครและเล่นเกมออนไลน์เป็นประจำจำนวน 400 คนโดยแบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลจำนวน 400 ชุด ในเขตกรุงเทพมหานคร ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ความถี่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การประมาณค่าทางสถิติ เพื่อทดสอบสมมติฐาน วิธีวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับความพึงพอใจ โดยใช้ t-test ทดสอบของกลุ่มตัวอย่างที่มีสองกลุ่ม ใช้ One – Way ANOVA (F-test) ทดสอบของกลุ่มตัวอย่างที่มีมากกว่าสองกลุ่ม โดยกำหนดค่านัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
ผลการวิจัย พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย นับถือศาสนาพุทธ เป็นช่วงอายุ 18-19 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรี มีจำนวนสมาชิกในครอบครัว 1-3 คน ผู้ปกครองอาชีพมีอาชีพรับจ้าง ผู้ปกครองมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001 - 40,000 บาท โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เล่นเกม RPG (เก็บเลเวล) มีแรงบันดาลใจจากการเล่นตามเพื่อนมากที่สุด และมีปัจจัยที่ดึงดูดในเกมคือเนื้อหามากที่สุด จะเล่นเกมตามความสนใจของตนเองมากที่สุด ชื่นชอบการออกแบบการพัฒนาการของตัวละครและสนใจระบบซื้อของเพื่อพัฒนาตัวละครมากที่สุด และอยากให้บริษัทผู้ผลิตเกมออนไลน์พัฒนาภาพที่แสดงสมจริงมากขึ้น
วัยรุ่นในกรุงเทพมหานคร มีพฤติกรรมซื้อสินค้าในเกมและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่
อยู่ในระดับสูงที่สุด คือ คาดหวังก่อนซื้อของในเกมเสมอ มีขอบเขตในการเลือกซื้อของในเกม และวางแผนการใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อของในเกมทุกครั้ง มีระดับพฤติกรรมอยู่ในระดับสูง
ส่วนระดับพฤติกรรมซื้อสินค้าและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ในระดับต่ำที่สุด คือ เลือกซื้อของในเกมตามกระแสนิยมCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27450 SIU IS-T. พฤติกรรมการซื้อสินค้าในเกมและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ของวัยรุ่นที่ศึกษาในกรุงเทพมหานคร = Behaviors of Purchasing On-Line Game Products and Using Game Services on Smartphones by Teenagers Who Study in Areas in Bangkok Metropolis [printed text] / สาลินี จันทวงศ์, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - ix, 56 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-07
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2017.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]พฤติกรรมผู้บริโภค -- กรุงเทพฯ
[LCSH]เกมออนไลน์Keywords: ผู้ผลิตเกมออนไลน์,
พฤติกรรมซื้อสินค้าในเกม,
บริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่Abstract: วัตถุประสงค์การวิจัย 1) เพื่อศึกษาลักษณะประชากรของวัยรุ่นต่อการเล่นเกมบนโทรศัพท์
เคลื่อนที่ในกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการซื้อสินค้าในเกมและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ของวัยรุ่นที่ศึกษาในกรุงเทพมหานคร 3) เพื่อศึกษาความสนใจของการเลือกซื้อสินค้าในเกมและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ของวัยรุ่นที่ศึกษาในกรุงเทพมหานคร การทำวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจประชากรวัยรุ่นที่มีอายุ 18-23 ปีที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครและเล่นเกมออนไลน์เป็นประจำจำนวน 400 คนโดยแบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลจำนวน 400 ชุด ในเขตกรุงเทพมหานคร ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ความถี่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การประมาณค่าทางสถิติ เพื่อทดสอบสมมติฐาน วิธีวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับความพึงพอใจ โดยใช้ t-test ทดสอบของกลุ่มตัวอย่างที่มีสองกลุ่ม ใช้ One – Way ANOVA (F-test) ทดสอบของกลุ่มตัวอย่างที่มีมากกว่าสองกลุ่ม โดยกำหนดค่านัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
ผลการวิจัย พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย นับถือศาสนาพุทธ เป็นช่วงอายุ 18-19 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรี มีจำนวนสมาชิกในครอบครัว 1-3 คน ผู้ปกครองอาชีพมีอาชีพรับจ้าง ผู้ปกครองมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001 - 40,000 บาท โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เล่นเกม RPG (เก็บเลเวล) มีแรงบันดาลใจจากการเล่นตามเพื่อนมากที่สุด และมีปัจจัยที่ดึงดูดในเกมคือเนื้อหามากที่สุด จะเล่นเกมตามความสนใจของตนเองมากที่สุด ชื่นชอบการออกแบบการพัฒนาการของตัวละครและสนใจระบบซื้อของเพื่อพัฒนาตัวละครมากที่สุด และอยากให้บริษัทผู้ผลิตเกมออนไลน์พัฒนาภาพที่แสดงสมจริงมากขึ้น
วัยรุ่นในกรุงเทพมหานคร มีพฤติกรรมซื้อสินค้าในเกมและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่
อยู่ในระดับสูงที่สุด คือ คาดหวังก่อนซื้อของในเกมเสมอ มีขอบเขตในการเลือกซื้อของในเกม และวางแผนการใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อของในเกมทุกครั้ง มีระดับพฤติกรรมอยู่ในระดับสูง
ส่วนระดับพฤติกรรมซื้อสินค้าและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ในระดับต่ำที่สุด คือ เลือกซื้อของในเกมตามกระแสนิยมCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27450 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000595841 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-07 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000595833 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-07 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU THE-T. ปัจจัยที่อธิบายความพร้อมของหน่วยงานหลักในการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2555–2559 เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี / วันชัย จึงวิบูลย์สถิตย์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU THE-T Title : ปัจจัยที่อธิบายความพร้อมของหน่วยงานหลักในการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2555–2559 เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี Original title : Factors Illustrating the Readiness of Core Organizations Performing along the Strategies of 2012–2016 National Tourism Plan for Developing Tourism of Pattaya City, Chonburi Material Type: printed text Authors: วันชัย จึงวิบูลย์สถิตย์, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: xv, 236 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU THE-T: IPAG-DPA-2017-04
Thesis. [DPA [รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต.ปร.ด]] มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ยุทธศาสตร์
[LCSH]แผนพัฒนาการท่องเที่ยว -- ชลบุรี -- พัทยาKeywords: คำสำคัญ แผนพัฒนาการท่องเที่ยว.
การปฏิบัติตามยุทธศาสตร์.
เมืองพัทยา.Abstract: การท่องเที่ยวนับว่าเป็นสินค้าประเภทหนึ่ง ที่สามารถทำรายได้อย่างมหาศาลให้กับประเทศ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ลงทุนต่ำแต่ได้ผลกำไรสูง ดังที่หลาย ๆ ประเทศต่างหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาการท่องเที่ยวของตน และทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำอยู่ก็ตาม ประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและมีชื่อเสียงระดับโลกไม่แพ้ประเทศใด เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา ฯลฯ เป็นต้น โดยศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้น่าจะทำรายได้เพิ่มขึ้นจากที่เป็นอยู่ รัฐบาลจึงออกพระราชกฤษฎีกากำหนดแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2555-2559 ขึ้น และในแผนนี้ได้กำหนดยุทธศาสตร์การปฏิบัติงานที่เน้นการร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐผนวกกับภาคเอกชนในการขับเคลื่อนแผนนี้เพื่อกระตุ้นให้การท่องเที่ยวในภาพรวมพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามการนำนโยบายต่าง ๆ ไปปฏิบัติของหน่วยงานภาครัฐมักมีปัญหาในด้านความล่าช้า ความไม่มีประสิทธิภาพ หรือล้มเหลว การศึกษาครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่ง (1) ศึกษาระดับความพร้อมของหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2555 -2559 เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองพัทยา (2) ศึกษาระดับผลการพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ที่เกิดจากการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2555 -2559 (3) เพื่อหาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ของแผน และ 4) เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาการท่องเที่ยวซึ่งเหมาะสมกับพื้นที่ของเมืองพัทยา ซึ่งข้อมูลที่ได้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวให้มีศักยภาพสูงขึ้นและสามารถทำรายได้ให้กับประเทศสูงขึ้น กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ได้จากการกำหนดโควตา สำหรับตัวแทนหน่วยงานหลักภาครัฐ จำนวน 115 หน่วย การสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงจากภาครัฐ และเอกชน ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2555-2559 โดยกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างที่ระดับความเชื่อมั่น 95% จำนวน 276 คน/หน่วย รวม 391 คน/หน่วย เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณเป็นแบบสอบถามมาตรประเมินค่ามีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.947 และค่าความเที่ยงตรงเท่ากับ 0.95 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ส่วนเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาเชิงคุณภาพเป็นการสัมภาษณ์เชิงลึกแบบมีโครงสร้าง
ผลการศึกษา พบว่า (1) ระดับความพร้อมของหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2555 -2559 เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองพัทยาอยู่ในระดับมีความพร้อมมาก (2) ระดับผลการพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ที่เกิดจากการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2555-2559 อยู่ในระดับสูง (3) ตัวแปรอิสระด้านการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง การสื่อสารภายในองค์การและระหว่างองค์การ ความสามารถของหน่วยงาน/องค์การ ความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน/องค์การ ความพอเพียงของทรัพยากรของหน่วยงาน/องค์การ และการติดตามและประเมินผลของหน่วยงาน/องค์การ มีความสัมพันธ์กับตัวแปรตาม ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการท่องเที่ยว การพัฒนาและฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืน การพัฒนาสินค้าบริการและปัจจัยสนับสนุนการท่องเที่ยว การส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของภาครัฐภาคประชาชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการบริหารจัดการทรัพยากรการท่องเที่ยว การสร้างความเชื่อมั่นและส่งเสริมการท่องเที่ยว และการส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคประชาชน ในการบริหารทรัพยากรการท่องเที่ยว ไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (4) ตัวแปรอิสระทุกตัวมีอิทธิพลต่อตัวแปรตาม โดยเรียงลำดับจากมากที่สุดไปหาน้อยที่สุดดังนี้ การสื่อสารภายในองค์การและระหว่างองค์การ การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ความร่วมมือระหว่างองค์การ ความพอเพียงของทรัพยากรของหน่วยงาน/องค์การ การติดตามและประเมินผลของหน่วยงาน/องค์การ และความสามารถของหน่วยงาน/องค์การ ส่วนผลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกพบว่าผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ให้ความเห็นว่าหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2555-2559 เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองพัทยามีความพร้อมในการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ ส่วนผลการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ ของแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2555-2559 อยู่ในระดับน่าพึงพอใจเช่นกัน
การวิจัยครั้งนี้ มีข้อเสนอแนะดังนี้ ต้องรีบดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีผลกระทบโดยตรงกับการท่องเที่ยว ต้องมีการวางแผนสำรวจแหล่งท่องเที่ยวที่เสื่อมโทรมเพื่อรีบฟื้นฟูให้กลับสภาพเดิมโดยเร็ว ทั้งนี้เพื่อรักษาภาพของการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก ให้พิจารณาเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวเป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจากจะมีผลกระทบเชิงลบอย่างมากถ้านักท่องเที่ยวถูกทำร้าย หรือถูกประทุษร้ายต่อทรัพย์สินบ่อย ๆ ให้มีการอบรมบุคลากรเกี่ยวกับการประเมินผลการปฏิบัติงาน ให้มีความ สามารถประเมินหน่วยงานของตนเองและหน่วยงานอื่นที่ร่วมกันปฏิบัติงาน และการจัดสรรงบประมาณเพื่อปฏิบัติงานพัฒนาการท่องเที่ยวควรจัดไว้เป็นการเฉพาะ เนื่องจากหน่วยงานแต่ละหน่วยงานก็มีเรื่องใช้งบประมาณของตนเอง หรืออีกกรณีหนึ่งคือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการท่องเที่ยวตั้งงบประมาณในหน่วยของตนเองเพื่อปฏิบัติงานการพัฒนาการท่องเที่ยวCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27506 SIU THE-T. ปัจจัยที่อธิบายความพร้อมของหน่วยงานหลักในการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2555–2559 เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี = Factors Illustrating the Readiness of Core Organizations Performing along the Strategies of 2012–2016 National Tourism Plan for Developing Tourism of Pattaya City, Chonburi [printed text] / วันชัย จึงวิบูลย์สถิตย์, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - xv, 236 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU THE-T: IPAG-DPA-2017-04
Thesis. [DPA [รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต.ปร.ด]] มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ยุทธศาสตร์
[LCSH]แผนพัฒนาการท่องเที่ยว -- ชลบุรี -- พัทยาKeywords: คำสำคัญ แผนพัฒนาการท่องเที่ยว.
การปฏิบัติตามยุทธศาสตร์.
เมืองพัทยา.Abstract: การท่องเที่ยวนับว่าเป็นสินค้าประเภทหนึ่ง ที่สามารถทำรายได้อย่างมหาศาลให้กับประเทศ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ลงทุนต่ำแต่ได้ผลกำไรสูง ดังที่หลาย ๆ ประเทศต่างหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาการท่องเที่ยวของตน และทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำอยู่ก็ตาม ประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและมีชื่อเสียงระดับโลกไม่แพ้ประเทศใด เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา ฯลฯ เป็นต้น โดยศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้น่าจะทำรายได้เพิ่มขึ้นจากที่เป็นอยู่ รัฐบาลจึงออกพระราชกฤษฎีกากำหนดแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2555-2559 ขึ้น และในแผนนี้ได้กำหนดยุทธศาสตร์การปฏิบัติงานที่เน้นการร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐผนวกกับภาคเอกชนในการขับเคลื่อนแผนนี้เพื่อกระตุ้นให้การท่องเที่ยวในภาพรวมพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามการนำนโยบายต่าง ๆ ไปปฏิบัติของหน่วยงานภาครัฐมักมีปัญหาในด้านความล่าช้า ความไม่มีประสิทธิภาพ หรือล้มเหลว การศึกษาครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่ง (1) ศึกษาระดับความพร้อมของหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2555 -2559 เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองพัทยา (2) ศึกษาระดับผลการพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ที่เกิดจากการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2555 -2559 (3) เพื่อหาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ของแผน และ 4) เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาการท่องเที่ยวซึ่งเหมาะสมกับพื้นที่ของเมืองพัทยา ซึ่งข้อมูลที่ได้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวให้มีศักยภาพสูงขึ้นและสามารถทำรายได้ให้กับประเทศสูงขึ้น กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ได้จากการกำหนดโควตา สำหรับตัวแทนหน่วยงานหลักภาครัฐ จำนวน 115 หน่วย การสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงจากภาครัฐ และเอกชน ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2555-2559 โดยกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างที่ระดับความเชื่อมั่น 95% จำนวน 276 คน/หน่วย รวม 391 คน/หน่วย เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณเป็นแบบสอบถามมาตรประเมินค่ามีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.947 และค่าความเที่ยงตรงเท่ากับ 0.95 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ส่วนเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาเชิงคุณภาพเป็นการสัมภาษณ์เชิงลึกแบบมีโครงสร้าง
ผลการศึกษา พบว่า (1) ระดับความพร้อมของหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2555 -2559 เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองพัทยาอยู่ในระดับมีความพร้อมมาก (2) ระดับผลการพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ที่เกิดจากการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2555-2559 อยู่ในระดับสูง (3) ตัวแปรอิสระด้านการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง การสื่อสารภายในองค์การและระหว่างองค์การ ความสามารถของหน่วยงาน/องค์การ ความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน/องค์การ ความพอเพียงของทรัพยากรของหน่วยงาน/องค์การ และการติดตามและประเมินผลของหน่วยงาน/องค์การ มีความสัมพันธ์กับตัวแปรตาม ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการท่องเที่ยว การพัฒนาและฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืน การพัฒนาสินค้าบริการและปัจจัยสนับสนุนการท่องเที่ยว การส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของภาครัฐภาคประชาชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการบริหารจัดการทรัพยากรการท่องเที่ยว การสร้างความเชื่อมั่นและส่งเสริมการท่องเที่ยว และการส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคประชาชน ในการบริหารทรัพยากรการท่องเที่ยว ไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (4) ตัวแปรอิสระทุกตัวมีอิทธิพลต่อตัวแปรตาม โดยเรียงลำดับจากมากที่สุดไปหาน้อยที่สุดดังนี้ การสื่อสารภายในองค์การและระหว่างองค์การ การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ความร่วมมือระหว่างองค์การ ความพอเพียงของทรัพยากรของหน่วยงาน/องค์การ การติดตามและประเมินผลของหน่วยงาน/องค์การ และความสามารถของหน่วยงาน/องค์การ ส่วนผลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกพบว่าผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ให้ความเห็นว่าหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2555-2559 เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองพัทยามีความพร้อมในการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ ส่วนผลการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ ของแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2555-2559 อยู่ในระดับน่าพึงพอใจเช่นกัน
การวิจัยครั้งนี้ มีข้อเสนอแนะดังนี้ ต้องรีบดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีผลกระทบโดยตรงกับการท่องเที่ยว ต้องมีการวางแผนสำรวจแหล่งท่องเที่ยวที่เสื่อมโทรมเพื่อรีบฟื้นฟูให้กลับสภาพเดิมโดยเร็ว ทั้งนี้เพื่อรักษาภาพของการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก ให้พิจารณาเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวเป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจากจะมีผลกระทบเชิงลบอย่างมากถ้านักท่องเที่ยวถูกทำร้าย หรือถูกประทุษร้ายต่อทรัพย์สินบ่อย ๆ ให้มีการอบรมบุคลากรเกี่ยวกับการประเมินผลการปฏิบัติงาน ให้มีความ สามารถประเมินหน่วยงานของตนเองและหน่วยงานอื่นที่ร่วมกันปฏิบัติงาน และการจัดสรรงบประมาณเพื่อปฏิบัติงานพัฒนาการท่องเที่ยวควรจัดไว้เป็นการเฉพาะ เนื่องจากหน่วยงานแต่ละหน่วยงานก็มีเรื่องใช้งบประมาณของตนเอง หรืออีกกรณีหนึ่งคือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการท่องเที่ยวตั้งงบประมาณในหน่วยของตนเองเพื่อปฏิบัติงานการพัฒนาการท่องเที่ยวCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27506 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000595874 SIU THE-T: IPAG-DPA-2017-04 c.1 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available 32002000595882 SIU THE-T: IPAG-DPA-2017-04 c.2 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available SIU THE-T. ความคุ้มทุนในการลงทุนพลังงานทดแทนที่ได้รับการสนับสนุนระบบการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากรัฐ / สุจิตรา ปานพุ่ม / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU THE-T Title : ความคุ้มทุนในการลงทุนพลังงานทดแทนที่ได้รับการสนับสนุนระบบการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากรัฐ Original title : Cost Effectiveness in Renewable Energy Investment Supported by Government Electricity Generating Investment System Material Type: printed text Authors: สุจิตรา ปานพุ่ม, Author ; ปิยพร ณ นคร, Associated Name ; อภิชาต ประดิษฐสมานนท์, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: xviii, 305 p. Layout: ill, Tables Size: 30 cm. Price: 500.00 General note: SIU THE-T: SOMT-MSMT-2017-01
THE. [MSMT.[Management Technology]] -- Shinawatra University, 2017.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การลงทุน
[LCSH]พลังงานทดแทนKeywords: ความคุ้มทุน,
พลังงานทดแทน,
ระบบการลงทุนผลิตไฟฟ้าAbstract: การวิจัยเรื่อง ความคุ้มทุนในการลงทุนพลังงานทดแทนที่ได้รับการสนับสนุนระบบการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากรัฐ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อหาชนิดพลังงานทดแทนที่มีความคุ้มทุนในการลงทุนพลังงานทดแทนที่ได้รับการสนับสนุนระบบการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากรัฐ 2) เพื่อเปรียบเทียบความคุ้มทุนในการลงทุนพลังงานทดแทนที่ได้รับการสนับสนุนระบบการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากรัฐและ 3) เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการลงทุนพลังงานทดแทนที่ได้รับการสนับสนุนระบบการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากรัฐ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ประกอบด้วยการศึกษาถึงประเภทและการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ระเบียบและกฎเกณฑ์การรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กระทรวงพลังงาน การสนับสนุนจากภาครัฐ นำมาวิเคราะห์ถึงชนิดพลังงานทดแทนที่มีความคุ้มทุนพร้อมทั้งปัญหาและอุปสรรคในการลงทุนพลังงานทดแทนที่ได้รับการสนับสนุนระบบการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากรัฐ กับทฤษฎีการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการ การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการพร้อมทั้งสัมภาษณ์ ผู้บริหารและบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการลงทุนพลังงานทดแทนที่ได้รับการสนับสนุนระบบการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากรัฐ
ผลการวิจัย พบว่า พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานชีวมวล ที่ได้รับการสนับสนุนระบบการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากรัฐ มีความคุ้มทุนในการลงทุนพลังงานทดแทนทั้ง 3 ชนิด เนื่องจากนโยบายการรับซื้อพลังงานทดแทนที่รัฐสามารถเลือกกำหนด feed-in tariff ให้มีความสมดุลในด้านการลดค่าใช้จ่ายภาครัฐ และคงความน่าลงทุนในพลังงานทดแทนได้โดยไม่ส่งผลกระทบที่มีนัยสำคัญต่อภาคธุรกิจและผู้บริโภค และไม่มีข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบในการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเมื่อเทียบความคุ้มทุนในการลงทุนพลังงานทดแทนที่ได้รับการสนับสนุนระบบการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากรัฐ เนื่องจากมีการวิเคราะห์ด้านเทคนิค ด้านสังคม ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านเศรษฐศาสตร์ และการเงินก่อนการลงทุน แต่พบว่าการประกอบกิจการพลังงานทดแทนมีปัญหาและอุปสรรคในการลงทุนหลายประการ 1) มีปัญหาด้านต้นทุนการผลิตต่อหน่วยยังอยู่ในระดับค่อนข้างสูง 2) ปัญหาด้านข้อกฎหมาย ประกาศ กฎ ระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานทดแทน 3) ปัญหาในขั้นตอนของการบริหารจัดการและการขอใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้า 4) ปัญหาการจัดโครงสร้างองค์กรด้านพลังงานทดแทนที่มีความสลับซับซ้อนในอำนาจหน้าที่ 5) ข้อจำกัดของระบบสายจำหน่าย 6) การวิจัยและพัฒนาพลังงานทดแทนยังไม่เพียงพอ 7) ปัญหาด้านข้อกฎหมายในพื้นที่ที่ตั้งโรงไฟฟ้า 8) ปัญหาด้านการทับซ้อนการทำธุรกิจพลังงาน 9) ปัญหาด้านระบบโคร้างสร้างพื้นฐาน และ 10) ปัญหาการสนับสนุนด้านการเงินในการลงทุนในกิจการพลังงานทดแทน ซึ่งปัญหาเหล่านี้รัฐควรเร่งดำเนินการแก้ไขเพื่อให้พลังงานทดแทนสามารถแข่งขันกับพลังงานจากฟอสซิลได้ในอนาคตCurricular : BSMT/MSMT Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27507 SIU THE-T. ความคุ้มทุนในการลงทุนพลังงานทดแทนที่ได้รับการสนับสนุนระบบการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากรัฐ = Cost Effectiveness in Renewable Energy Investment Supported by Government Electricity Generating Investment System [printed text] / สุจิตรา ปานพุ่ม, Author ; ปิยพร ณ นคร, Associated Name ; อภิชาต ประดิษฐสมานนท์, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - xviii, 305 p. : ill, Tables ; 30 cm.
500.00
SIU THE-T: SOMT-MSMT-2017-01
THE. [MSMT.[Management Technology]] -- Shinawatra University, 2017.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การลงทุน
[LCSH]พลังงานทดแทนKeywords: ความคุ้มทุน,
พลังงานทดแทน,
ระบบการลงทุนผลิตไฟฟ้าAbstract: การวิจัยเรื่อง ความคุ้มทุนในการลงทุนพลังงานทดแทนที่ได้รับการสนับสนุนระบบการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากรัฐ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อหาชนิดพลังงานทดแทนที่มีความคุ้มทุนในการลงทุนพลังงานทดแทนที่ได้รับการสนับสนุนระบบการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากรัฐ 2) เพื่อเปรียบเทียบความคุ้มทุนในการลงทุนพลังงานทดแทนที่ได้รับการสนับสนุนระบบการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากรัฐและ 3) เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการลงทุนพลังงานทดแทนที่ได้รับการสนับสนุนระบบการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากรัฐ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ประกอบด้วยการศึกษาถึงประเภทและการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ระเบียบและกฎเกณฑ์การรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กระทรวงพลังงาน การสนับสนุนจากภาครัฐ นำมาวิเคราะห์ถึงชนิดพลังงานทดแทนที่มีความคุ้มทุนพร้อมทั้งปัญหาและอุปสรรคในการลงทุนพลังงานทดแทนที่ได้รับการสนับสนุนระบบการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากรัฐ กับทฤษฎีการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการ การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการพร้อมทั้งสัมภาษณ์ ผู้บริหารและบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการลงทุนพลังงานทดแทนที่ได้รับการสนับสนุนระบบการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากรัฐ
ผลการวิจัย พบว่า พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานชีวมวล ที่ได้รับการสนับสนุนระบบการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากรัฐ มีความคุ้มทุนในการลงทุนพลังงานทดแทนทั้ง 3 ชนิด เนื่องจากนโยบายการรับซื้อพลังงานทดแทนที่รัฐสามารถเลือกกำหนด feed-in tariff ให้มีความสมดุลในด้านการลดค่าใช้จ่ายภาครัฐ และคงความน่าลงทุนในพลังงานทดแทนได้โดยไม่ส่งผลกระทบที่มีนัยสำคัญต่อภาคธุรกิจและผู้บริโภค และไม่มีข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบในการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเมื่อเทียบความคุ้มทุนในการลงทุนพลังงานทดแทนที่ได้รับการสนับสนุนระบบการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากรัฐ เนื่องจากมีการวิเคราะห์ด้านเทคนิค ด้านสังคม ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านเศรษฐศาสตร์ และการเงินก่อนการลงทุน แต่พบว่าการประกอบกิจการพลังงานทดแทนมีปัญหาและอุปสรรคในการลงทุนหลายประการ 1) มีปัญหาด้านต้นทุนการผลิตต่อหน่วยยังอยู่ในระดับค่อนข้างสูง 2) ปัญหาด้านข้อกฎหมาย ประกาศ กฎ ระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานทดแทน 3) ปัญหาในขั้นตอนของการบริหารจัดการและการขอใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้า 4) ปัญหาการจัดโครงสร้างองค์กรด้านพลังงานทดแทนที่มีความสลับซับซ้อนในอำนาจหน้าที่ 5) ข้อจำกัดของระบบสายจำหน่าย 6) การวิจัยและพัฒนาพลังงานทดแทนยังไม่เพียงพอ 7) ปัญหาด้านข้อกฎหมายในพื้นที่ที่ตั้งโรงไฟฟ้า 8) ปัญหาด้านการทับซ้อนการทำธุรกิจพลังงาน 9) ปัญหาด้านระบบโคร้างสร้างพื้นฐาน และ 10) ปัญหาการสนับสนุนด้านการเงินในการลงทุนในกิจการพลังงานทดแทน ซึ่งปัญหาเหล่านี้รัฐควรเร่งดำเนินการแก้ไขเพื่อให้พลังงานทดแทนสามารถแข่งขันกับพลังงานจากฟอสซิลได้ในอนาคตCurricular : BSMT/MSMT Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27507 Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000596401 SIU THE-T: SOMT-MSMT-2017-01 c.1 SIU Thesis and Dissertation Main Library Library Counter Not for loan 32002000595908 SIU THE-T: SOMT-MSMT-2017-01 c.2 SIU Thesis and Dissertation Main Library Library Counter Not for loan SIU IS-T. ความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ / ประภารัตน์ ปิ่นประดับ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ Original title : People’s Opinion on Services of the Immigration Police’s Arrival Inspection at Suvarnabhumi Airport Material Type: printed text Authors: ประภารัตน์ ปิ่นประดับ, Author ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name ; สมชาย รัตนโกมุท, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: vii, 83 น. Layout: ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-07
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง Keywords: การให้บริการ,
ตรวจคนเข้าเมืองAbstract: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และศึกษาหาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา คือ ประชาชนคนไทยที่มารับบริการจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 400 คน สุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ (Accidental Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล คือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา ทดสอบสมมติฐานโดยใช้สถิติไคสแควร์ (Chi-Square) สำหรับการหาความเชื่อมั่นของแบบสอบถามใช้วิธีหาค่าอัลฟ่าสัมประสิทธิ์ของครอนบาค (Cronbach’s Alpha Coefficient) กำหนดค่านัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ผลการศึกษาพบว่า ความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในภาพรวมมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ประชาชนผู้มารับบริการมีความคิดเห็นต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าอยู่ในระดับมาก ทั้ง 4 ด้าน ซึ่งได้แก่ ด้านประสิทธิภาพของการให้บริการ (ร้อยละ 90.75) ด้านความพร้อมเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ (ร้อยละ 76.25) ด้านการอำนวยความสะดวก (ร้อยละ 90.75) และด้านสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติหน้าที่ (ร้อยละ 82.75)
ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าในภาพรวมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ ความถี่ของการเดินทาง ช่วงเวลาในการเดินทาง และการรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับระเบียบการตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27536 SIU IS-T. ความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ = People’s Opinion on Services of the Immigration Police’s Arrival Inspection at Suvarnabhumi Airport [printed text] / ประภารัตน์ ปิ่นประดับ, Author ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name ; สมชาย รัตนโกมุท, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - vii, 83 น. : ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-07
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง Keywords: การให้บริการ,
ตรวจคนเข้าเมืองAbstract: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และศึกษาหาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา คือ ประชาชนคนไทยที่มารับบริการจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 400 คน สุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ (Accidental Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล คือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา ทดสอบสมมติฐานโดยใช้สถิติไคสแควร์ (Chi-Square) สำหรับการหาความเชื่อมั่นของแบบสอบถามใช้วิธีหาค่าอัลฟ่าสัมประสิทธิ์ของครอนบาค (Cronbach’s Alpha Coefficient) กำหนดค่านัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ผลการศึกษาพบว่า ความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในภาพรวมมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ประชาชนผู้มารับบริการมีความคิดเห็นต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าอยู่ในระดับมาก ทั้ง 4 ด้าน ซึ่งได้แก่ ด้านประสิทธิภาพของการให้บริการ (ร้อยละ 90.75) ด้านความพร้อมเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ (ร้อยละ 76.25) ด้านการอำนวยความสะดวก (ร้อยละ 90.75) และด้านสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติหน้าที่ (ร้อยละ 82.75)
ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าในภาพรวมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ ความถี่ของการเดินทาง ช่วงเวลาในการเดินทาง และการรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับระเบียบการตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27536 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000596435 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-07 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000596468 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-07 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. แรงจูงใจในการรับการสนับสนุนการปฏิบัติงานในการปราบปรามยาเสพติด กรณีศึกษา กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด / บรรจบ ศรีวิชัยยศ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : แรงจูงใจในการรับการสนับสนุนการปฏิบัติงานในการปราบปรามยาเสพติด กรณีศึกษา กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด Original title : Motivation to Support Suppression in Combating Drug Trafficking : A Case Study of the Suppression Division 3, Narcotics Suppression Bureau, Royal Thai Police Material Type: printed text Authors: บรรจบ ศรีวิชัยยศ, Author ; ประยุทธ์ สวัสดิ์เรียวกุล, Associated Name ; สมชาย รัตนโกมุท, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: ix, 57 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-06
Independent Study [MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การจูงใจ (จิตวิทยา)
[LCSH]ยาเสพติดKeywords: การปราบปรามยาเสพติด,
การรับการสนับสนุนการปฏิบัติงาน,
แรงจูงใจในการปฏิบัติงานAbstract: การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเพื่อศึกษาและทราบถึงระดับแรงจูงใจในการรับการสนับสนุนการปฏิบัติงานในการปราบปรามยาเสพติด กรณีศึกษาเฉพาะกองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นการศึกษาเชิงปริมาณโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวม กล่าวโดยสรุปจากแบบสอบถามผลการวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคลของกลุ่มตัวอย่างประกอบไปด้วย เพศ อายุ สถานภาพการสมรสระดับการศึกษา ระดับชั้นยศ ประสบการณ์ในการทำงาน รายได้/เงินเดือน โดยแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ใช้การวิเคราะห์ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดเป็นเพศชายจำนวน 73 คน ส่วนใหญ่กลุ่มอายุระหว่าง 41 – 50 ปี ส่วนใหญ่สถานภาพสมรส มีจำนวน 43 คน ส่วนใหญ่มีระดับการศึกษา ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี มีจำนวน 35 คน ส่วนใหญ่มีระดับชั้นยศ จ.ส.ต.- ด.ต. จำนวน 54 คน มีประสบการณ์ในการทำงาน ส่วนใหญ่อยู่ที่ 16 - 20 ปี มีจำนวน 35 คน ส่วนใหญ่มีรายได้/เงินเดือน 20,001 – 30,000 บาท มีจำนวน 45 คน ผลวิเคราะห์แบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลด้านแรงจูงใจในการปราบปรามยาเสพติด พิจารณารายด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ได้แก่ ด้านแรงจูงใจที่ส่งผลต่อตนเอง เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อเรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ได้รับความสำเร็จในงานที่ปฏิบัติ อยู่ในระดับมากผลวิเคราะห์แบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลด้านการรับการสนับสนุนการปฏิบัติงานในการปราบปรามยาเสพติด พิจารณารายได้ที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ได้แก่ การรับรู้การสนับสนุนทางบทบาทหน้าที่ เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อเรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ได้รับค่าครองชีพ ในการปฏิบัติงานนอกสถานที่อยู่ในระดับมาก Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27537 SIU IS-T. แรงจูงใจในการรับการสนับสนุนการปฏิบัติงานในการปราบปรามยาเสพติด กรณีศึกษา กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด = Motivation to Support Suppression in Combating Drug Trafficking : A Case Study of the Suppression Division 3, Narcotics Suppression Bureau, Royal Thai Police [printed text] / บรรจบ ศรีวิชัยยศ, Author ; ประยุทธ์ สวัสดิ์เรียวกุล, Associated Name ; สมชาย รัตนโกมุท, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - ix, 57 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-06
Independent Study [MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การจูงใจ (จิตวิทยา)
[LCSH]ยาเสพติดKeywords: การปราบปรามยาเสพติด,
การรับการสนับสนุนการปฏิบัติงาน,
แรงจูงใจในการปฏิบัติงานAbstract: การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเพื่อศึกษาและทราบถึงระดับแรงจูงใจในการรับการสนับสนุนการปฏิบัติงานในการปราบปรามยาเสพติด กรณีศึกษาเฉพาะกองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นการศึกษาเชิงปริมาณโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวม กล่าวโดยสรุปจากแบบสอบถามผลการวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคลของกลุ่มตัวอย่างประกอบไปด้วย เพศ อายุ สถานภาพการสมรสระดับการศึกษา ระดับชั้นยศ ประสบการณ์ในการทำงาน รายได้/เงินเดือน โดยแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ใช้การวิเคราะห์ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดเป็นเพศชายจำนวน 73 คน ส่วนใหญ่กลุ่มอายุระหว่าง 41 – 50 ปี ส่วนใหญ่สถานภาพสมรส มีจำนวน 43 คน ส่วนใหญ่มีระดับการศึกษา ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี มีจำนวน 35 คน ส่วนใหญ่มีระดับชั้นยศ จ.ส.ต.- ด.ต. จำนวน 54 คน มีประสบการณ์ในการทำงาน ส่วนใหญ่อยู่ที่ 16 - 20 ปี มีจำนวน 35 คน ส่วนใหญ่มีรายได้/เงินเดือน 20,001 – 30,000 บาท มีจำนวน 45 คน ผลวิเคราะห์แบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลด้านแรงจูงใจในการปราบปรามยาเสพติด พิจารณารายด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ได้แก่ ด้านแรงจูงใจที่ส่งผลต่อตนเอง เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อเรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ได้รับความสำเร็จในงานที่ปฏิบัติ อยู่ในระดับมากผลวิเคราะห์แบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลด้านการรับการสนับสนุนการปฏิบัติงานในการปราบปรามยาเสพติด พิจารณารายได้ที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ได้แก่ การรับรู้การสนับสนุนทางบทบาทหน้าที่ เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อเรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ได้รับค่าครองชีพ ในการปฏิบัติงานนอกสถานที่อยู่ในระดับมาก Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27537 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000596484 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-06 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000596450 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-06 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ประสิทธิภาพการสื่อสารภายในองค์กรของพนักงานฝ่ายข่าว: สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 / ณธภัฐน์ วงษ์สะอาด / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU IS-T Title : ประสิทธิภาพการสื่อสารภายในองค์กรของพนักงานฝ่ายข่าว: สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 Original title : The Effective Organizational Communication of the News Department Staff: A Case of the television station channel 8 Material Type: printed text Authors: ณธภัฐน์ วงษ์สะอาด, Author ; เพชรรัตน์ โล้วิชากรติกุล, Associated Name ; อุษณีย์ เสวกวัชรี, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: vii, 61 น. Layout: ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2017-03
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2017.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การสื่อสาร
[LCSH]สถานีโทรทัศน์ -- ช่อง 8Keywords: ประสิทธิภาพ,
การสื่อสารภายในองค์กร,
พนักงานฝ่ายข่าวAbstract: การวิจัยเรื่องประสิทธิภาพของการสื่อสารองค์กรของพนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 มีจุดมุ่งหมาย 1) เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อประสิทธิภาพการสื่อสารภายในองค์กรของพนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรโดยจำแนกตามลักษณะส่วนบุคคลของพนักงานได้แก่เพศ อายุ ระดับการศึกษา ตำแหน่งงาน และระยะเวลาในการปฏิบัติงาน ประชากรที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ พนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ในปี พ.ศ. 2559 จำนวน 100 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลครั้งนี้ได้แก่ แบบสอบถามเกี่ยวกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของบุคลากร 5 ด้านสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ได้แก่ ค่าร้อยละค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่มใช้การทดสอบที (t - Test) ส่วนการทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยจากกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 2 กลุ่มใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One - Way ANOVA)
ผลการวิจัยพบว่าพนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่มีเพศต่างกันมีปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรไม่แตกต่างกันพนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่มีอายุต่างกันมีปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรแตกต่างกันยกเว้นด้านข้อมูลข่าวสาร ด้านช่องทางการสื่อสาร และด้านประสิทธิภาพในการสื่อสารในองค์กร พนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่มีระดับการศึกษาต่างกันมีปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรแตกต่างกันยกเว้นด้านข้อมูลข่าวสาร พนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่มีตำแหน่งงานต่างกันมีปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรแตกต่างกัน ยกเว้นด้านประสิทธิภาพในการสื่อสารในองค์กร พนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่มีระยะเวลาในการปฏิบัติงานต่างกันมีปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรแตกต่างกัน ยกเว้นด้านข้อมูลข่าวสารและด้านช่องทางการสื่อสารCurricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27542 SIU IS-T. ประสิทธิภาพการสื่อสารภายในองค์กรของพนักงานฝ่ายข่าว: สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 = The Effective Organizational Communication of the News Department Staff: A Case of the television station channel 8 [printed text] / ณธภัฐน์ วงษ์สะอาด, Author ; เพชรรัตน์ โล้วิชากรติกุล, Associated Name ; อุษณีย์ เสวกวัชรี, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - vii, 61 น. : ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOM-MBA-2017-03
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2017.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การสื่อสาร
[LCSH]สถานีโทรทัศน์ -- ช่อง 8Keywords: ประสิทธิภาพ,
การสื่อสารภายในองค์กร,
พนักงานฝ่ายข่าวAbstract: การวิจัยเรื่องประสิทธิภาพของการสื่อสารองค์กรของพนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 มีจุดมุ่งหมาย 1) เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อประสิทธิภาพการสื่อสารภายในองค์กรของพนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรโดยจำแนกตามลักษณะส่วนบุคคลของพนักงานได้แก่เพศ อายุ ระดับการศึกษา ตำแหน่งงาน และระยะเวลาในการปฏิบัติงาน ประชากรที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ พนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ในปี พ.ศ. 2559 จำนวน 100 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลครั้งนี้ได้แก่ แบบสอบถามเกี่ยวกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของบุคลากร 5 ด้านสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ได้แก่ ค่าร้อยละค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่มใช้การทดสอบที (t - Test) ส่วนการทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยจากกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 2 กลุ่มใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One - Way ANOVA)
ผลการวิจัยพบว่าพนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่มีเพศต่างกันมีปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรไม่แตกต่างกันพนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่มีอายุต่างกันมีปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรแตกต่างกันยกเว้นด้านข้อมูลข่าวสาร ด้านช่องทางการสื่อสาร และด้านประสิทธิภาพในการสื่อสารในองค์กร พนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่มีระดับการศึกษาต่างกันมีปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรแตกต่างกันยกเว้นด้านข้อมูลข่าวสาร พนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่มีตำแหน่งงานต่างกันมีปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรแตกต่างกัน ยกเว้นด้านประสิทธิภาพในการสื่อสารในองค์กร พนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่มีระยะเวลาในการปฏิบัติงานต่างกันมีปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรแตกต่างกัน ยกเว้นด้านข้อมูลข่าวสารและด้านช่องทางการสื่อสารCurricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27542 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000596567 SIU IS-T: SOM-MBA-2017-03 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000596534 SIU IS-T: SOM-MBA-2017-03 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. การศึกษาการแพร่กระจายของไวรัสคอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่ายโซเชียลมีเดีย / อติราช ศุภกุล / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU IS-T Title : การศึกษาการแพร่กระจายของไวรัสคอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่ายโซเชียลมีเดีย Original title : A study on computer virus spreading through social media network Material Type: printed text Authors: อติราช ศุภกุล, Author ; เอกวุฒิ สุจเร, Associated Name ; กฤษดา มาลีวงศ์, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: v, 23 น. Layout: ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOIT-MSIT-2017-02
Independent Study. [M.S.[Information Technology]]--Shinawatra University, 2017Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]เครือข่ายสังคมแบบออนไลน์
[LCSH]ไวรัสคอมพิวเตอร์Keywords: ไวรัส,
เครือข่าย,
โซเชียลมีเดียCurricular : BSCS/GE/MSIT Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27543 SIU IS-T. การศึกษาการแพร่กระจายของไวรัสคอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่ายโซเชียลมีเดีย = A study on computer virus spreading through social media network [printed text] / อติราช ศุภกุล, Author ; เอกวุฒิ สุจเร, Associated Name ; กฤษดา มาลีวงศ์, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - v, 23 น. : ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOIT-MSIT-2017-02
Independent Study. [M.S.[Information Technology]]--Shinawatra University, 2017
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]เครือข่ายสังคมแบบออนไลน์
[LCSH]ไวรัสคอมพิวเตอร์Keywords: ไวรัส,
เครือข่าย,
โซเชียลมีเดียCurricular : BSCS/GE/MSIT Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27543 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000596583 SIU IS-T: SOIT-MSIT-2017-02 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000596575 SIU IS-T: SOIT-MSIT-2017-02 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU THE-T. รูปแบบการบริหารจัดการที่ส่งผลต่อความสำเร็จของสถาบันการศึกษาพยาบาล / รุ่งนภา กุลภักดี / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU THE-T Title : รูปแบบการบริหารจัดการที่ส่งผลต่อความสำเร็จของสถาบันการศึกษาพยาบาล Original title : Management Model Affecting the Success in Nursing Education Institutions Material Type: printed text Authors: รุ่งนภา กุลภักดี, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; อุษณีย์ เสวกวัชรี, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: xii, 255 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU THE-T: SOM-DBA-2017-10
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2560Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การบริหารจัดการ
[LCSH]ผู้นำ -- คุณลักษณะKeywords: ความสำเร็จของสถาบัน,
การบริหารจัดการ,
คุณลักษณะผู้นำ,
สถาบันการศึกษาพยาบาลAbstract: การวิจัยเชิงพรรณนานี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณและคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์หาความสัมพันธ์เชิงสาเหตุที่เกี่ยวข้องระหว่างคุณลักษณะผู้นำและการบริหารจัดการสถาบันที่ส่งผลต่อความสำเร็จของสถาบันการศึกษาพยาบาล และกำหนดรูปแบบการบริหารจัดการที่ส่งผลต่อความสำเร็จของสถาบันการศึกษาพยาบาล กลุ่มตัวอย่างคณบดี/ผู้อำนวยการและอาจารย์พยาบาลปฏิบัติหน้าที่บริหารงานของสถาบันการศึกษาพยาบาลในการวิจัยเชิงปริมาณ จำนวน 365 คน และการวิจัยเชิงคุณภาพ จำนวน 15 คน เครื่องมือที่ใช้คือแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ ใช้สถิติเชิงพรรณนาได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบสมมติฐาน ได้แก่ สถิติวิเคราะห์เส้นทางอิทธิพล (path analysis) สถิติการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง (structural equation modeling : SEM) และการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา (content analysis)
ผลการวิจัยพบว่า คุณลักษณะผู้นำของผู้บริหารมีอิทธิพลทางตรงกับการบริหารจัดการ (DE=1.18) และคุณลักษณะผู้นำของผู้บริหารมีอิทธิพลทางตรงและทางอ้อมกับความสำเร็จของสถาบันการศึกษาพยาบาล (DE=-.52, IE=1.67) ส่วนการบริหารจัดการมีอิทธิพลทางตรงกับความสำเร็จของสถาบันการศึกษาพยาบาล (DE=1.42) และโมเดลสมการโครงสร้างความสัมพันธ์เชิงสาเหตุที่เกี่ยวข้องระหว่างคุณลักษณะผู้นำของผู้บริหารและการบริหารจัดการที่ส่งผลต่อความสำเร็จของสถาบันการศึกษาพยาบาลที่พัฒนาขึ้นมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ (χ2=5.909, df=6, P=.433, CMIN/df=.985, GFI=.996, AGFI=.976, RMSEA=.000) ซึ่งสามารถอธิบายผลสำเร็จของสถาบันการศึกษาพยาบาลได้ร้อยละ 54.10 ผลการวิจัยเชิงคุณภาพสอดคล้องกับเชิงปริมาณในทุกมิติ และเสนอแนะให้พัฒนาคุณลักษณะผู้นำของผู้บริหารที่เอื้อต่อความสำเร็จของสถาบันการศึกษาพยาบาล รวมทั้งการรวมกลุ่มกันเป็นเครือข่ายเพื่อพัฒนาศักยภาพและกำหนดทิศทางการพัฒนาร่วมกันในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับสถาบันการศึกษาพยาบาลCurricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27547 SIU THE-T. รูปแบบการบริหารจัดการที่ส่งผลต่อความสำเร็จของสถาบันการศึกษาพยาบาล = Management Model Affecting the Success in Nursing Education Institutions [printed text] / รุ่งนภา กุลภักดี, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; อุษณีย์ เสวกวัชรี, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - xii, 255 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU THE-T: SOM-DBA-2017-10
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2560
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การบริหารจัดการ
[LCSH]ผู้นำ -- คุณลักษณะKeywords: ความสำเร็จของสถาบัน,
การบริหารจัดการ,
คุณลักษณะผู้นำ,
สถาบันการศึกษาพยาบาลAbstract: การวิจัยเชิงพรรณนานี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณและคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์หาความสัมพันธ์เชิงสาเหตุที่เกี่ยวข้องระหว่างคุณลักษณะผู้นำและการบริหารจัดการสถาบันที่ส่งผลต่อความสำเร็จของสถาบันการศึกษาพยาบาล และกำหนดรูปแบบการบริหารจัดการที่ส่งผลต่อความสำเร็จของสถาบันการศึกษาพยาบาล กลุ่มตัวอย่างคณบดี/ผู้อำนวยการและอาจารย์พยาบาลปฏิบัติหน้าที่บริหารงานของสถาบันการศึกษาพยาบาลในการวิจัยเชิงปริมาณ จำนวน 365 คน และการวิจัยเชิงคุณภาพ จำนวน 15 คน เครื่องมือที่ใช้คือแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ ใช้สถิติเชิงพรรณนาได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบสมมติฐาน ได้แก่ สถิติวิเคราะห์เส้นทางอิทธิพล (path analysis) สถิติการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง (structural equation modeling : SEM) และการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา (content analysis)
ผลการวิจัยพบว่า คุณลักษณะผู้นำของผู้บริหารมีอิทธิพลทางตรงกับการบริหารจัดการ (DE=1.18) และคุณลักษณะผู้นำของผู้บริหารมีอิทธิพลทางตรงและทางอ้อมกับความสำเร็จของสถาบันการศึกษาพยาบาล (DE=-.52, IE=1.67) ส่วนการบริหารจัดการมีอิทธิพลทางตรงกับความสำเร็จของสถาบันการศึกษาพยาบาล (DE=1.42) และโมเดลสมการโครงสร้างความสัมพันธ์เชิงสาเหตุที่เกี่ยวข้องระหว่างคุณลักษณะผู้นำของผู้บริหารและการบริหารจัดการที่ส่งผลต่อความสำเร็จของสถาบันการศึกษาพยาบาลที่พัฒนาขึ้นมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ (χ2=5.909, df=6, P=.433, CMIN/df=.985, GFI=.996, AGFI=.976, RMSEA=.000) ซึ่งสามารถอธิบายผลสำเร็จของสถาบันการศึกษาพยาบาลได้ร้อยละ 54.10 ผลการวิจัยเชิงคุณภาพสอดคล้องกับเชิงปริมาณในทุกมิติ และเสนอแนะให้พัฒนาคุณลักษณะผู้นำของผู้บริหารที่เอื้อต่อความสำเร็จของสถาบันการศึกษาพยาบาล รวมทั้งการรวมกลุ่มกันเป็นเครือข่ายเพื่อพัฒนาศักยภาพและกำหนดทิศทางการพัฒนาร่วมกันในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับสถาบันการศึกษาพยาบาลCurricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27547 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000596674 SIU THE-T: SOM-DBA-2017-10 c.1 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available 32002000596682 SIU THE-T: SOM-DBA-2017-10 c.2 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available SIU THE-T. การพัฒนากีฬาเพื่อเป็นกลยุทธ์การตลาดของมหาวิทยาลัยเอกชน / มณฑิรา ชุนลิ้ม / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU THE-T Title : การพัฒนากีฬาเพื่อเป็นกลยุทธ์การตลาดของมหาวิทยาลัยเอกชน Original title : Sport Development’s Contribution to the Marketing Strategy of Private University Material Type: printed text Authors: มณฑิรา ชุนลิ้ม, Author ; อุษณีย์ เสวกวัชรี, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: ix, 156 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU THE-T: SOM-DBA-2017-11
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2560Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]กลยุทธ์การตลาด
[LCSH]กีฬาKeywords: รูปแบบการพัฒนากีฬา,
กลยุทธ์การตลาด,
มหาวิทยาลัยเอกชน,
วิจัยเชิงคุณภาพAbstract: การศึกษาวิจัยเรื่องการพัฒนากีฬาเพื่อเป็นกลยุทธ์การตลาดของมหาวิทยาลัยเอกชนมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาลักษณะการใช้กีฬาเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดของมหาวิทยาลัยเอกชน 2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกและ/หรือสมัครเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเอกชน 3) เพื่อพัฒนารูปแบบการพัฒนากีฬาที่มีผลต่อการส่งเสริมกลยุทธ์ด้านการตลาดของมหาวิทยาลัยเอกชน ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้วิจัยทำการวิจัยในครั้งนี้
การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) โดยวิธีการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก ที่มีการกำหนดกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะ (Purposive Sampling) จากสถาบันอุดมศึกษาเอกชน จำนวน 8 แห่ง ที่มีระดับผลการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 42 แบ่งเป็นกลุ่มสถาบันที่ได้รับเหรียญรางวัลมาก เหรียญรางวัลปานกลาง และเหรียญรางวัลน้อย โดยใช้รูปแบบการสัมภาษณ์คำถามแบบกึ่งโครงสร้าง (Semi-Structured) กับผู้บริหารฝ่ายกิจการนักศึกษาหรือด้านสำนักกีฬา สถาบันละ 2 คน จำนวน 16 คน การเก็บรวบรวมข้อมูลผู้วิจัยทำการส่งหนังสือขออนุญาตเข้าสัมภาษณ์พร้อมส่งข้อคำถาม ประเด็นการสัมภาษณ์กับผู้ให้ข้อมูลสำคัญและขออนุญาตทำการบันทึกเสียงร่วมกับการจดบันทึกในระหว่างการสัมภาษณ์ และถอดเทปการบันทึกการสัมภาษณ์โดยผู้วิจัยและนำมาวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ในแต่ละประเด็น ร่วมกับจากการศึกษาเอกสาร แนวคิด ทฤษฎี แล้วนำมาสรุปและอภิปรายผลของการวิจัยตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย
ผลการวิเคราะห์ของการวิจัย พบว่า สภาวะการแข่งขันทางการกีฬาของสถาบันอุดมศึกษานั้น มีลักษณะการแข่งขันกันในรูปแบบมหาวิทยาลัยของรัฐกับมหาวิทยาลัยเอกชนและในกลุ่มของมหาวิทยาลัยเอกชนด้วยกัน โดยมีระบบการให้ทุนการศึกษาความสามารถพิเศษด้านกีฬาเช่นเดียวกัน โดยมีลักษณะการแข่งขันมุ่งเน้นเหรียญรางวัลและระดับของจำนวนเหรียญรางวัลเพื่อเพิ่ม หรือรักษาระดับของมหาวิทยาลัย (Ranking) และประชาสัมพันธ์ชื่อมหาวิทยาลัย ซึ่งผลงานจากการพัฒนากีฬาของมหาวิทยาลัยมีผลต่อการตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียน รูปแบบการพัฒนากีฬาของมหาวิทยาลัยเอกชนสามารถแบ่งออกตาม 7 Ps คือ 1) ด้านผลิตภัณฑ์ (Product) ประเภทกีฬาที่ส่งเสริม หลักสูตรการเรียนการสอน หลักสูตรการฝึกอบรมระยะสั้น 2) ด้านผลตอบแทนที่ได้รับจากการเข้ามาศึกษาในมหาวิทยาลัย (Price) ทุนการศึกษา ระบบจูงใจค่าตอบแทน สวัสดิการ 3) ด้านช่องทางการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในการรับนักศึกษา (Place) สถานที่ตั้งมหาวิทยาลัย การจัดการเรียนการสอน เวลาการให้บริการของเจ้าหน้าที่ 4) ด้านการส่งเสริม (Promotions) โครงการ/กิจกรรมด้านกีฬา การให้บริการด้านอาคาร สนามกีฬาและสิ่งอำนวยความสะดวก 5) ด้านบุคลากร (People) มีคณาจารย์และผู้ฝึกสอนที่มีชื่อเสียง 6) ด้านกายภาพและการนำเสนอ (Physical Evidence/Environment and Presentation) สนามกีฬาและอาคารกีฬา สิ่งอำนวยความสะดวกด้านกีฬา 7) ด้านกระบวนการ (Process) ระบบดูแลเรื่องการเรียน ระบบการฝึกซ้อม การประสานความร่วมมือกับสมาคมกีฬานอกจากนี้ ผลการวิจัยพบว่า มหาวิทยาลัยเอกชนใช้กีฬาเป็นกลยุทธ์การตลาดเพื่อการประชาสัมพันธ์ด้านการสร้างตราสินค้า (Brand Image) ของมหาวิทยาลัยและการให้ทุนการศึกษานักกีฬาที่มีชื่อเสียงเพื่อเป็นทูตตราสินค้า (Brand Ambassador) เพื่อเป็นแบบอย่างดึงดูดนักเรียนที่ชื่นชอบนักกีฬาเลือกเข้าศึกษาต่อได้Curricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27548 SIU THE-T. การพัฒนากีฬาเพื่อเป็นกลยุทธ์การตลาดของมหาวิทยาลัยเอกชน = Sport Development’s Contribution to the Marketing Strategy of Private University [printed text] / มณฑิรา ชุนลิ้ม, Author ; อุษณีย์ เสวกวัชรี, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - ix, 156 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU THE-T: SOM-DBA-2017-11
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2560
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]กลยุทธ์การตลาด
[LCSH]กีฬาKeywords: รูปแบบการพัฒนากีฬา,
กลยุทธ์การตลาด,
มหาวิทยาลัยเอกชน,
วิจัยเชิงคุณภาพAbstract: การศึกษาวิจัยเรื่องการพัฒนากีฬาเพื่อเป็นกลยุทธ์การตลาดของมหาวิทยาลัยเอกชนมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาลักษณะการใช้กีฬาเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดของมหาวิทยาลัยเอกชน 2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกและ/หรือสมัครเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเอกชน 3) เพื่อพัฒนารูปแบบการพัฒนากีฬาที่มีผลต่อการส่งเสริมกลยุทธ์ด้านการตลาดของมหาวิทยาลัยเอกชน ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้วิจัยทำการวิจัยในครั้งนี้
การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) โดยวิธีการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก ที่มีการกำหนดกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะ (Purposive Sampling) จากสถาบันอุดมศึกษาเอกชน จำนวน 8 แห่ง ที่มีระดับผลการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 42 แบ่งเป็นกลุ่มสถาบันที่ได้รับเหรียญรางวัลมาก เหรียญรางวัลปานกลาง และเหรียญรางวัลน้อย โดยใช้รูปแบบการสัมภาษณ์คำถามแบบกึ่งโครงสร้าง (Semi-Structured) กับผู้บริหารฝ่ายกิจการนักศึกษาหรือด้านสำนักกีฬา สถาบันละ 2 คน จำนวน 16 คน การเก็บรวบรวมข้อมูลผู้วิจัยทำการส่งหนังสือขออนุญาตเข้าสัมภาษณ์พร้อมส่งข้อคำถาม ประเด็นการสัมภาษณ์กับผู้ให้ข้อมูลสำคัญและขออนุญาตทำการบันทึกเสียงร่วมกับการจดบันทึกในระหว่างการสัมภาษณ์ และถอดเทปการบันทึกการสัมภาษณ์โดยผู้วิจัยและนำมาวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ในแต่ละประเด็น ร่วมกับจากการศึกษาเอกสาร แนวคิด ทฤษฎี แล้วนำมาสรุปและอภิปรายผลของการวิจัยตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย
ผลการวิเคราะห์ของการวิจัย พบว่า สภาวะการแข่งขันทางการกีฬาของสถาบันอุดมศึกษานั้น มีลักษณะการแข่งขันกันในรูปแบบมหาวิทยาลัยของรัฐกับมหาวิทยาลัยเอกชนและในกลุ่มของมหาวิทยาลัยเอกชนด้วยกัน โดยมีระบบการให้ทุนการศึกษาความสามารถพิเศษด้านกีฬาเช่นเดียวกัน โดยมีลักษณะการแข่งขันมุ่งเน้นเหรียญรางวัลและระดับของจำนวนเหรียญรางวัลเพื่อเพิ่ม หรือรักษาระดับของมหาวิทยาลัย (Ranking) และประชาสัมพันธ์ชื่อมหาวิทยาลัย ซึ่งผลงานจากการพัฒนากีฬาของมหาวิทยาลัยมีผลต่อการตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียน รูปแบบการพัฒนากีฬาของมหาวิทยาลัยเอกชนสามารถแบ่งออกตาม 7 Ps คือ 1) ด้านผลิตภัณฑ์ (Product) ประเภทกีฬาที่ส่งเสริม หลักสูตรการเรียนการสอน หลักสูตรการฝึกอบรมระยะสั้น 2) ด้านผลตอบแทนที่ได้รับจากการเข้ามาศึกษาในมหาวิทยาลัย (Price) ทุนการศึกษา ระบบจูงใจค่าตอบแทน สวัสดิการ 3) ด้านช่องทางการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในการรับนักศึกษา (Place) สถานที่ตั้งมหาวิทยาลัย การจัดการเรียนการสอน เวลาการให้บริการของเจ้าหน้าที่ 4) ด้านการส่งเสริม (Promotions) โครงการ/กิจกรรมด้านกีฬา การให้บริการด้านอาคาร สนามกีฬาและสิ่งอำนวยความสะดวก 5) ด้านบุคลากร (People) มีคณาจารย์และผู้ฝึกสอนที่มีชื่อเสียง 6) ด้านกายภาพและการนำเสนอ (Physical Evidence/Environment and Presentation) สนามกีฬาและอาคารกีฬา สิ่งอำนวยความสะดวกด้านกีฬา 7) ด้านกระบวนการ (Process) ระบบดูแลเรื่องการเรียน ระบบการฝึกซ้อม การประสานความร่วมมือกับสมาคมกีฬานอกจากนี้ ผลการวิจัยพบว่า มหาวิทยาลัยเอกชนใช้กีฬาเป็นกลยุทธ์การตลาดเพื่อการประชาสัมพันธ์ด้านการสร้างตราสินค้า (Brand Image) ของมหาวิทยาลัยและการให้ทุนการศึกษานักกีฬาที่มีชื่อเสียงเพื่อเป็นทูตตราสินค้า (Brand Ambassador) เพื่อเป็นแบบอย่างดึงดูดนักเรียนที่ชื่นชอบนักกีฬาเลือกเข้าศึกษาต่อได้Curricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27548 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000596708 SIU THE-T: SOM-DBA-2017-11 c.1 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available 32002000596690 SIU THE-T: SOM-DBA-2017-11 c.2 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available