From this page you can:
Home |
Author details
Author ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา
Available item(s) by this author
Add the result to your basket Make a suggestion Refine your search Apply to external sourcesSIU THE-T. ความเจริญของวัดไทยในต่างแดน / ปวรุตม์ ฐิติพงศิริกุล / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2018
Collection Title: SIU THE-T Title : ความเจริญของวัดไทยในต่างแดน Original title : The Prosperity of Thai Buddhist Temples in Overseas Material Type: printed text Authors: ปวรุตม์ ฐิติพงศิริกุล, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2018 Pagination: ix, 261 p. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU THE-T: IPAG-DPA-2018-02
Thesis. [DPA [รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต.ปร.ด]] มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2018Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]พระพุทธศาสนา
[LCSH]วัดไทย
[LCSH]วัดไทย -- จีน
[LCSH]วัดไทย -- สิงคโปร์Keywords: พระพุทธศาสนา,
ต่างแดน,
ความเจริญ,
วัดไทยAbstract: การศึกษาวิจัยนี้เป็นการศึกษาวัดไทยในต่างแดนว่ามีความเจริญรุ่งเรืองดำรงอยู่ได้เพราะอะไร และศึกษาแนวทางในการพัฒนาวัดไทยในต่างแดน เป็นการวิจัยแบบผสม มีกลุ่มเป้าหมายเป็นวัดจำนวน 2 พื้นที่คือวัดไทยในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และวัดไทยประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์ เนื่องจากเป็นวัดที่มีผู้ไปเยี่ยมเยียนเป็นจำนวนมาก ประกอบกับเป็นขอบเขตที่ผู้วิจัยจะทำการศึกษาได้ไม่ไกลจนเกินไป ในการวิจัยเชิงปริมาณใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยสอบถามพุทธศาสนิกชน ผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนาในเขตชุมชน รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่มาทำบุญ หรือเข้าร่วมจัดกิจกรรมที่วัด จำนวน 214 คน และการวิจัยเชิงคุณภาพ ทำการสัมภาษณ์เชิงลึก (Indepth-Interview) เจ้าอาวาสวัด/รองเจ้าอาวาส หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ให้ข้อมูลสำคัญ
ผลการศึกษา พบว่า วัดไทยในต่างแดนมีความเจริญขึ้น ด้วยเหตุผล 3 ประการคือประการที่หนึ่งด้านความเลื่อมใสศรัทธา ตามทฤษฎีปทัสถาน ประการที่สองด้านวัตถุ ตามทฤษฎีบริหารธุรกิจ เช่น คนเข้าวัดเพราะว่าอยากบูชาวัตถุมงคล เครื่องราง นำโชค มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด และประการสุดท้ายคือด้านการปรับตัว ตามทฤษฎีการปรับตัวขององค์การ และคนไปวัดเพราะว่าวัดรู้จักปรับตัวตามทฤษฎีการปรับตัวซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีการปรับตัวของ ทัลคอร์ต พาร์สัน ผลการวิจัยครั้งนี้พบว่า การที่จะสามารถปรับตัวที่ทำให้วัดไทยในต่างแดนมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นเพราะว่าจะต้องอิงกับธุรกิจบ้างเพื่อให้สามารถสนองตอบกับความต้องการของผู้มาทำบุญในต่างแดน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ แต่เพื่อให้พระพุทธศาสนาดำรงตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าจะต้องสนับสนุนและส่งเสริมในเรื่องของปทัสถานลงไปและจะต้องปรับตัวให้ทันตามความเจริญก้าวหน้าของสังคมและตามความต้องการของสังคม และโลกในยุคดิจิทัลCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27708 SIU THE-T. ความเจริญของวัดไทยในต่างแดน = The Prosperity of Thai Buddhist Temples in Overseas [printed text] / ปวรุตม์ ฐิติพงศิริกุล, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2018 . - ix, 261 p. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU THE-T: IPAG-DPA-2018-02
Thesis. [DPA [รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต.ปร.ด]] มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2018
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]พระพุทธศาสนา
[LCSH]วัดไทย
[LCSH]วัดไทย -- จีน
[LCSH]วัดไทย -- สิงคโปร์Keywords: พระพุทธศาสนา,
ต่างแดน,
ความเจริญ,
วัดไทยAbstract: การศึกษาวิจัยนี้เป็นการศึกษาวัดไทยในต่างแดนว่ามีความเจริญรุ่งเรืองดำรงอยู่ได้เพราะอะไร และศึกษาแนวทางในการพัฒนาวัดไทยในต่างแดน เป็นการวิจัยแบบผสม มีกลุ่มเป้าหมายเป็นวัดจำนวน 2 พื้นที่คือวัดไทยในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และวัดไทยประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์ เนื่องจากเป็นวัดที่มีผู้ไปเยี่ยมเยียนเป็นจำนวนมาก ประกอบกับเป็นขอบเขตที่ผู้วิจัยจะทำการศึกษาได้ไม่ไกลจนเกินไป ในการวิจัยเชิงปริมาณใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยสอบถามพุทธศาสนิกชน ผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนาในเขตชุมชน รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่มาทำบุญ หรือเข้าร่วมจัดกิจกรรมที่วัด จำนวน 214 คน และการวิจัยเชิงคุณภาพ ทำการสัมภาษณ์เชิงลึก (Indepth-Interview) เจ้าอาวาสวัด/รองเจ้าอาวาส หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ให้ข้อมูลสำคัญ
ผลการศึกษา พบว่า วัดไทยในต่างแดนมีความเจริญขึ้น ด้วยเหตุผล 3 ประการคือประการที่หนึ่งด้านความเลื่อมใสศรัทธา ตามทฤษฎีปทัสถาน ประการที่สองด้านวัตถุ ตามทฤษฎีบริหารธุรกิจ เช่น คนเข้าวัดเพราะว่าอยากบูชาวัตถุมงคล เครื่องราง นำโชค มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด และประการสุดท้ายคือด้านการปรับตัว ตามทฤษฎีการปรับตัวขององค์การ และคนไปวัดเพราะว่าวัดรู้จักปรับตัวตามทฤษฎีการปรับตัวซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีการปรับตัวของ ทัลคอร์ต พาร์สัน ผลการวิจัยครั้งนี้พบว่า การที่จะสามารถปรับตัวที่ทำให้วัดไทยในต่างแดนมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นเพราะว่าจะต้องอิงกับธุรกิจบ้างเพื่อให้สามารถสนองตอบกับความต้องการของผู้มาทำบุญในต่างแดน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ แต่เพื่อให้พระพุทธศาสนาดำรงตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าจะต้องสนับสนุนและส่งเสริมในเรื่องของปทัสถานลงไปและจะต้องปรับตัวให้ทันตามความเจริญก้าวหน้าของสังคมและตามความต้องการของสังคม และโลกในยุคดิจิทัลCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27708 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000597375 SIU THE-T: IPAG-DPA-2018-02 c.1 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available 32002000597409 SIU THE-T: IPAG-DPA-2018-02 c.2 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. คุณภาพการให้บริการประชาชนของศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม / โสริยา ต่วนจะโปะ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU IS-T Title : คุณภาพการให้บริการประชาชนของศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม Original title : Quality of Services Offered by Justice Service Link Material Type: printed text Authors: โสริยา ต่วนจะโปะ, Author ; ประยุทธ์ สวัสดิ์เรียวกุล, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: vii, 66 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-13
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]กระทรวงยุติธรรม
[LCSH]การบริการ
[LCSH]ความจำเป็นพื้นฐานKeywords: กระทรวงยุติธรรม,
คุณภาพบริการ,
ศูนย์บริการร่วมAbstract: การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณภาพการให้บริการประชาชนและศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อคุณภาพการให้บริการประชาชนของศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ ประชาชนที่มาใช้บริการ ณ ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม ในช่วงเวลา เดือนกันยายน 2559 ถึง เดือนพฤศจิกายน 2559 วิธีการวิจัยเป็นเชิงปริมาณ ในระดับบุคคลใช้การสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ จำนวน 250 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ แบบสอบถาม ใช้สถิติเชิงพรรณนาในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ข้อความรายข้อ (Item Analysis) โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปและทดสอบความแตกต่างระหว่าง
ค่าเฉลี่ยของตัวแปรที่เป็นอิสระต่อกัน โดยใช้สูตร t-test เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล
ผลการศึกษา พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุ 41 ปีขึ้นไป สถานภาพสมรส ระดับการศึกษาปริญญาตรี อาชีพค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด ผลการวิจัยยังพบว่า คุณภาพการให้บริการประชาชนของศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า คุณภาพการให้บริการประชาชนระดับมากที่สุด คือ การให้ความมั่นใจ รองลงมา คือ การตอบสนอง การเอาใจใส่สิ่งที่สัมผัสได้ และความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ ผลการทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปลพบว่า ผู้มาใช้บริการที่มีอายุ เพศ การศึกษา อาชีพ สถานภาพ และภูมิลำเนาที่แตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อคุณภาพการให้บริการของศูนย์บริการร่วมไม่แตกต่างกันCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26891 SIU IS-T. คุณภาพการให้บริการประชาชนของศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม = Quality of Services Offered by Justice Service Link [printed text] / โสริยา ต่วนจะโปะ, Author ; ประยุทธ์ สวัสดิ์เรียวกุล, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - vii, 66 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-13
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]กระทรวงยุติธรรม
[LCSH]การบริการ
[LCSH]ความจำเป็นพื้นฐานKeywords: กระทรวงยุติธรรม,
คุณภาพบริการ,
ศูนย์บริการร่วมAbstract: การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณภาพการให้บริการประชาชนและศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อคุณภาพการให้บริการประชาชนของศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ ประชาชนที่มาใช้บริการ ณ ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม ในช่วงเวลา เดือนกันยายน 2559 ถึง เดือนพฤศจิกายน 2559 วิธีการวิจัยเป็นเชิงปริมาณ ในระดับบุคคลใช้การสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ จำนวน 250 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ แบบสอบถาม ใช้สถิติเชิงพรรณนาในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ข้อความรายข้อ (Item Analysis) โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปและทดสอบความแตกต่างระหว่าง
ค่าเฉลี่ยของตัวแปรที่เป็นอิสระต่อกัน โดยใช้สูตร t-test เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล
ผลการศึกษา พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุ 41 ปีขึ้นไป สถานภาพสมรส ระดับการศึกษาปริญญาตรี อาชีพค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด ผลการวิจัยยังพบว่า คุณภาพการให้บริการประชาชนของศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า คุณภาพการให้บริการประชาชนระดับมากที่สุด คือ การให้ความมั่นใจ รองลงมา คือ การตอบสนอง การเอาใจใส่สิ่งที่สัมผัสได้ และความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ ผลการทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปลพบว่า ผู้มาใช้บริการที่มีอายุ เพศ การศึกษา อาชีพ สถานภาพ และภูมิลำเนาที่แตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อคุณภาพการให้บริการของศูนย์บริการร่วมไม่แตกต่างกันCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26891 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000593671 SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-13 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000593689 SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-13 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. คุณภาพการให้บริการประชาชนของสถานีตำรวจภูธร อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี / ณรงค์ฤทธิ์ นาคคง / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2014
Collection Title: SIU IS-T Title : คุณภาพการให้บริการประชาชนของสถานีตำรวจภูธร อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี Original title : Quality of Public Service at the Police Station in Phunphin District, Surat Thani Province Material Type: printed text Authors: ณรงค์ฤทธิ์ นาคคง, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2014 Pagination: vii, 61 หน้า Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-22
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ตำรวจ -- สุราษฎร์ธานี -- พุนพิน
[LCSH]บริการKeywords: คุณภาพการให้บริการ Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาระดับคุณภาพการให้บริการประชาชนของสถานีตำรวจภูธรพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ศึกษาข้อเสนอแนะ และแนวทางในการพัฒนาคุณภาพการให้
บริการประชาชนCurricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26115 SIU IS-T. คุณภาพการให้บริการประชาชนของสถานีตำรวจภูธร อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี = Quality of Public Service at the Police Station in Phunphin District, Surat Thani Province [printed text] / ณรงค์ฤทธิ์ นาคคง, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014 . - vii, 61 หน้า : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-22
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ตำรวจ -- สุราษฎร์ธานี -- พุนพิน
[LCSH]บริการKeywords: คุณภาพการให้บริการ Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาระดับคุณภาพการให้บริการประชาชนของสถานีตำรวจภูธรพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ศึกษาข้อเสนอแนะ และแนวทางในการพัฒนาคุณภาพการให้
บริการประชาชนCurricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26115 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000590339 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-22 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available 32002000590347 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-22 c.2 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. คุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการตำรวจ : กรณีศึกษา หน่วยงานระดับกองบังคับการขึ้นตรงต่อสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ / ณิชากร นาคทอง / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : คุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการตำรวจ : กรณีศึกษา หน่วยงานระดับกองบังคับการขึ้นตรงต่อสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ Original title : Quality of Work Life of Police Officers : Case Studies of Office of the Commissioner General, Royal Thai Police Material Type: printed text Authors: ณิชากร นาคทอง, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; อุษณีย์ เสวกวัชรี, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: viii, 79 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2016-06
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ข้าราชการตำรวจ -- คุณภาพชีวิต
[LCSH]ตำรวจ -- การทำงานKeywords: คุณภาพชีวิตในการทำงาน Abstract: งานค้นคว้าอิสระครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณภาพชีวิตในการทำงาน 8 ด้าน ของข้าราชการตำรวจ และเปรียบเทียบคุณภาพชีวิตในการทำงานของข้าราชการตำรวจ สังกัดหน่วยงานระดับ
กองบังคับการขึ้นตรงต่อสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จำแนกตามข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ ข้าราชการตำรวจ สังกัดหน่วยงานระดับกองบังคับการขึ้นตรงต่อสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จำนวน 280 ตัวอย่าง โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ สถิติเชิงพรรณนา ประกอบด้วย ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ประกอบด้วย Independent Samples t-test และ One-way ANOVA
ผลการศึกษาพบว่า ข้าราชการตำรวจส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 21 - 30 ปี มีระดับการศึกษาปริญญาตรี มีสถานภาพโสด รายได้ต่อเดือน 25,001 บาทขึ้นไป มีชั้นยศระดับประทวน และมีระยะเวลาในการปฏิบัติงานน้อยกว่า 5 ปี โดยมีคุณภาพชีวิตในการทำงานภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมาก คือ ด้านความภูมิในองค์กร
ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ข้าราชการตำรวจสังกัดหน่วยงานระดับกองบังคับการ ขึ้นตรงต่อสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่มีข้อมูลภูมิหลังด้านประชากรศาสตร์ ได้แก่ เพศ อายุ การศึกษา สถานภาพสมรส รายได้เฉลี่ยต่อเดือน ชั้นยศ และระยะเวลาในการปฏิบัติงาน ที่แตกต่างกันมีคุณภาพชีวิตในการทำงานที่ไม่แตกต่างกันCurricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26491 SIU IS-T. คุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการตำรวจ : กรณีศึกษา หน่วยงานระดับกองบังคับการขึ้นตรงต่อสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ = Quality of Work Life of Police Officers : Case Studies of Office of the Commissioner General, Royal Thai Police [printed text] / ณิชากร นาคทอง, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; อุษณีย์ เสวกวัชรี, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - viii, 79 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOM-MBA-2016-06
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ข้าราชการตำรวจ -- คุณภาพชีวิต
[LCSH]ตำรวจ -- การทำงานKeywords: คุณภาพชีวิตในการทำงาน Abstract: งานค้นคว้าอิสระครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณภาพชีวิตในการทำงาน 8 ด้าน ของข้าราชการตำรวจ และเปรียบเทียบคุณภาพชีวิตในการทำงานของข้าราชการตำรวจ สังกัดหน่วยงานระดับ
กองบังคับการขึ้นตรงต่อสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จำแนกตามข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ ข้าราชการตำรวจ สังกัดหน่วยงานระดับกองบังคับการขึ้นตรงต่อสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จำนวน 280 ตัวอย่าง โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ สถิติเชิงพรรณนา ประกอบด้วย ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ประกอบด้วย Independent Samples t-test และ One-way ANOVA
ผลการศึกษาพบว่า ข้าราชการตำรวจส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 21 - 30 ปี มีระดับการศึกษาปริญญาตรี มีสถานภาพโสด รายได้ต่อเดือน 25,001 บาทขึ้นไป มีชั้นยศระดับประทวน และมีระยะเวลาในการปฏิบัติงานน้อยกว่า 5 ปี โดยมีคุณภาพชีวิตในการทำงานภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมาก คือ ด้านความภูมิในองค์กร
ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ข้าราชการตำรวจสังกัดหน่วยงานระดับกองบังคับการ ขึ้นตรงต่อสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่มีข้อมูลภูมิหลังด้านประชากรศาสตร์ ได้แก่ เพศ อายุ การศึกษา สถานภาพสมรส รายได้เฉลี่ยต่อเดือน ชั้นยศ และระยะเวลาในการปฏิบัติงาน ที่แตกต่างกันมีคุณภาพชีวิตในการทำงานที่ไม่แตกต่างกันCurricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26491 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591576 SIU IS-T: SOM-MBA-2016-06 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU THE-T. นวัตวิถีการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อยุธยาโมเดล / เกษียร วรศิริ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2018
Collection Title: SIU THE-T Title : นวัตวิถีการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อยุธยาโมเดล Original title : Historical Tourism Innovative : Ayutthaya Model Material Type: printed text Authors: เกษียร วรศิริ, Associated Name ; อุษณีย์ เสวกวัชรี, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2018 Pagination: vii, 181 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 บาท General note: SIU THE-T: SOM-DBA-2018-07
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2561Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การท่องเที่ยว -- การจัดการ
[LCSH]การบริหารKeywords: การบริหารจัดการ,
อัตลักษณ์,
นวัตวิถี,
มรดกโลกที่มีชีวิตAbstract: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ปัจจัยใดที่ก่อให้เกิดปัญหา
ในการบริหารจัดการท่องเที่ยวในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2) ปัจจัยใดที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผล
ของการบริหารจัดการท่องเที่ยว 3) มีการพัฒนาอะไรที่จะทำให้การท่องเที่ยวเขตเมืองมรดกโลก
ของอุทยานประวัติศาสตร์ มีเอกลักษณ์ มีความยั่งยืนสอดคล้องกับวิถีชุมชน และ 4) รายรับจากการท่องเที่ยวส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างไร ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1) หน่วยงานภาครัฐ จำนวน 30 คน 2) หน่วยงานเอกชน จำนวน 10 คน 3) หน่วยงานส่วนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว จำนวน 20 คน รวมกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 60 คน กลุ่มตัวอย่างแบบลูกโซ่และต่อเนื่องด้วยการอ้างอิงด้วยบุคคลและผู้เชี่ยวชาญ ผลการวิจัย พบว่า ปัญหาหลักในการบริหารงานของอยุธยา คือ ความขัดแย้งทางกฎหมายและข้อบังคับจากหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัด ความรับผิดชอบที่ทับซ้อนเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการให้บริการ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนแนะนำให้จังหวัดอยุธยาปฏิบัติตามเส้นทางเดียวกันเพื่อให้เป็นเขตเทศบาลพิเศษ เหมือนเขตพัทยา และกรุงเทพฯ และระบุกฎหมายพิเศษในการจัดการพื้นที่ดังกล่าว ผู้บริหารระดับสูงของจังหวัดมีบทบาทสำคัญในการที่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการบูรณาการและวางนโยบายและยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องตามประเพณี วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของชุมชน ในท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมุ่งเป้าไปที่
การรักษาประเพณีท้องถิ่นและประวัติของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในจังหวัด และสุดท้ายนี้ปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือน
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คือ สามารถสัมผัสกับมรดกโลกที่แท้จริงซึ่งสามารถมองเห็นวิถีชีวิตของชุมชน
ในท้องถิ่นได้ รวมทั้งจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศมากขึ้น การลดความเสี่ยงและผลกระทบในทางลบต่อชีวิตของชุมชนท้องถิ่น
ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนของมรดกโลกที่มีลักษณะเป็น "นวัตกรรมทางประวัติศาสตร์อยุธยา" ดังที่ได้กล่าวมาแล้วCurricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27884 SIU THE-T. นวัตวิถีการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อยุธยาโมเดล = Historical Tourism Innovative : Ayutthaya Model [printed text] / เกษียร วรศิริ, Associated Name ; อุษณีย์ เสวกวัชรี, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2018 . - vii, 181 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00 บาท
SIU THE-T: SOM-DBA-2018-07
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2561
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การท่องเที่ยว -- การจัดการ
[LCSH]การบริหารKeywords: การบริหารจัดการ,
อัตลักษณ์,
นวัตวิถี,
มรดกโลกที่มีชีวิตAbstract: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ปัจจัยใดที่ก่อให้เกิดปัญหา
ในการบริหารจัดการท่องเที่ยวในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2) ปัจจัยใดที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผล
ของการบริหารจัดการท่องเที่ยว 3) มีการพัฒนาอะไรที่จะทำให้การท่องเที่ยวเขตเมืองมรดกโลก
ของอุทยานประวัติศาสตร์ มีเอกลักษณ์ มีความยั่งยืนสอดคล้องกับวิถีชุมชน และ 4) รายรับจากการท่องเที่ยวส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างไร ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1) หน่วยงานภาครัฐ จำนวน 30 คน 2) หน่วยงานเอกชน จำนวน 10 คน 3) หน่วยงานส่วนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว จำนวน 20 คน รวมกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 60 คน กลุ่มตัวอย่างแบบลูกโซ่และต่อเนื่องด้วยการอ้างอิงด้วยบุคคลและผู้เชี่ยวชาญ ผลการวิจัย พบว่า ปัญหาหลักในการบริหารงานของอยุธยา คือ ความขัดแย้งทางกฎหมายและข้อบังคับจากหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัด ความรับผิดชอบที่ทับซ้อนเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการให้บริการ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนแนะนำให้จังหวัดอยุธยาปฏิบัติตามเส้นทางเดียวกันเพื่อให้เป็นเขตเทศบาลพิเศษ เหมือนเขตพัทยา และกรุงเทพฯ และระบุกฎหมายพิเศษในการจัดการพื้นที่ดังกล่าว ผู้บริหารระดับสูงของจังหวัดมีบทบาทสำคัญในการที่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการบูรณาการและวางนโยบายและยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องตามประเพณี วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของชุมชน ในท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมุ่งเป้าไปที่
การรักษาประเพณีท้องถิ่นและประวัติของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในจังหวัด และสุดท้ายนี้ปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือน
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คือ สามารถสัมผัสกับมรดกโลกที่แท้จริงซึ่งสามารถมองเห็นวิถีชีวิตของชุมชน
ในท้องถิ่นได้ รวมทั้งจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศมากขึ้น การลดความเสี่ยงและผลกระทบในทางลบต่อชีวิตของชุมชนท้องถิ่น
ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนของมรดกโลกที่มีลักษณะเป็น "นวัตกรรมทางประวัติศาสตร์อยุธยา" ดังที่ได้กล่าวมาแล้วCurricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27884 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000599017 SIU THE-T: SOM-DBA-2018-07 c.1 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available 32002000598993 SIU THE-T: SOM-DBA-2018-07 c.2 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available SIU THE-T. นวัตวิถีดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ในประเทศไทยของนักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรปในภาคใต้ / ลักขณาวรรณ พันธุ์ชนะ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2019
Collection Title: SIU THE-T Title : นวัตวิถีดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ในประเทศไทยของนักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรปในภาคใต้ Original title : Honeymoon Inno-life in Thailand of European Tourists in the Southern Part of Thailand Material Type: printed text Authors: ลักขณาวรรณ พันธุ์ชนะ, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; อุษณีษ์ เสวกวัชรี, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2019 Pagination: viii, 157 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 บาท General note: SIU THE-T: SOM-DBA-2019-06
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2562Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การซื้อสินค้า -- การตัดสินใจ
[LCSH]นักท่องเที่ยว -- ยุโรป
[LCSH]น้ำผึ้งKeywords: ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์, รูปแบบดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์, นักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรป Abstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อของนักท่องเที่ยว เพื่อเสนอรูปแบบการท่องเที่ยวที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของนักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรป การศึกษาในครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย คือ นักท่องเที่ยวชาวยุโรป จำนวน 400 คู่ และ ผู้บริหาร ผู้ประกอบการ และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนำเที่ยวรูปแบบดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ในประเทศไทย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล คือ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบความแปรปรวนของตัวแปรทางเดียว และ การวิเคราะห์ถดถอยพหุสัมพันธ์
ผลการวิจัย พบว่า นักท่องเที่ยวพึงพอใจต่อปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดบริการอยู่ในระดับมากทั้ง 7 ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์/บริการ สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ บุคลากร กระบวนการบริการ ช่องทางการให้บิการ ราคา/ค่าใช้จ่ายอื่นๆ และการส่งเสริมการตลาด ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลเชิงคุณภาพที่ชี้ว่า ความสวยงามของธรรมชาติ อาหารไทยที่อร่อย การใส่ใจในการให้บริการ เป็นจุดแข็งของการท่องเที่ยวไทย ธุรกิจท่องเที่ยวควรส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเห็นคุณค่าของการท่องเที่ยวในรูปแบบนี้เพิ่มขึ้น และปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อ ได้แก่ การเลือกช่วงเวลา รูปแบบท่องเที่ยว และบริษัทนำเที่ยว โมเดลการท่องเที่ยวที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบนี้ควรให้ความสำคัญต่อปัจจัยต่างดังนี้ คือ ผลิตภัณฑ์/บริการ ราคา/ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ช่องทางการให้บริการ การส่งเสริมการตลาด และกิจกรรม ความสนใจCurricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27938 SIU THE-T. นวัตวิถีดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ในประเทศไทยของนักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรปในภาคใต้ = Honeymoon Inno-life in Thailand of European Tourists in the Southern Part of Thailand [printed text] / ลักขณาวรรณ พันธุ์ชนะ, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; อุษณีษ์ เสวกวัชรี, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2019 . - viii, 157 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00 บาท
SIU THE-T: SOM-DBA-2019-06
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2562
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การซื้อสินค้า -- การตัดสินใจ
[LCSH]นักท่องเที่ยว -- ยุโรป
[LCSH]น้ำผึ้งKeywords: ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์, รูปแบบดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์, นักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรป Abstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อของนักท่องเที่ยว เพื่อเสนอรูปแบบการท่องเที่ยวที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของนักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรป การศึกษาในครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย คือ นักท่องเที่ยวชาวยุโรป จำนวน 400 คู่ และ ผู้บริหาร ผู้ประกอบการ และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนำเที่ยวรูปแบบดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ในประเทศไทย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล คือ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบความแปรปรวนของตัวแปรทางเดียว และ การวิเคราะห์ถดถอยพหุสัมพันธ์
ผลการวิจัย พบว่า นักท่องเที่ยวพึงพอใจต่อปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดบริการอยู่ในระดับมากทั้ง 7 ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์/บริการ สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ บุคลากร กระบวนการบริการ ช่องทางการให้บิการ ราคา/ค่าใช้จ่ายอื่นๆ และการส่งเสริมการตลาด ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลเชิงคุณภาพที่ชี้ว่า ความสวยงามของธรรมชาติ อาหารไทยที่อร่อย การใส่ใจในการให้บริการ เป็นจุดแข็งของการท่องเที่ยวไทย ธุรกิจท่องเที่ยวควรส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเห็นคุณค่าของการท่องเที่ยวในรูปแบบนี้เพิ่มขึ้น และปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อ ได้แก่ การเลือกช่วงเวลา รูปแบบท่องเที่ยว และบริษัทนำเที่ยว โมเดลการท่องเที่ยวที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบนี้ควรให้ความสำคัญต่อปัจจัยต่างดังนี้ คือ ผลิตภัณฑ์/บริการ ราคา/ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ช่องทางการให้บริการ การส่งเสริมการตลาด และกิจกรรม ความสนใจCurricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27938 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000607317 SIU THE-T: SOM-DBA-2019-06 c.1 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available 32002000607318 SIU THE-T: SOM-DBA-2019-06 c.2 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. บทบาทของผู้ใหญ่บ้านในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในหมู่บ้าน อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี / อารีรัตน์ พรหมวิเชียร / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : บทบาทของผู้ใหญ่บ้านในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในหมู่บ้าน อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี Original title : Roles of Village Headman in Village’s Conflict Solving in Amphoe Kanchanadit, Surat Thani Province Material Type: printed text Authors: อารีรัตน์ พรหมวิเชียร, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: ix, 98 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-32
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ความขัดแย้ง (จิตวิทยา)
[LCSH]ผู้ใหญ่บ้าน -- บทบาท
[LCSH]ผู้ใหญ่บ้าน -- สุราษฎร์ธานีKeywords: การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง,
บทบาท,
ผู้ใหญ่บ้านAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทและเพื่อเปรียบเทียบวิธีการในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในหมู่บ้านในอำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำแนกอายุ ระดับการศึกษา และประสบการณ์ทำงานในตำแหน่ง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ผู้ใหญ่บ้านในอำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 117 คน ใน 13 ตำบล เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามเชิงสำรวจ สถิติเชิงพรรณนาที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ในการทดสอบสมมุติฐานใช้การทดสอบค่า F-test และการวิเคราะห์ ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA)
ผลการวิจัยพบว่า บทบาทของผู้ใหญ่บ้านในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในหมู่บ้านทุกด้านอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ด้านการหลีกเลี่ยง รองลงมา ด้านการปรองดอง ด้านการประนีประนอม ด้านความร่วมมือร่วมใจ และด้านการบังคับ ตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ใหญ่บ้านที่มีอายุต่างกัน ระดับการศึกษาต่างกัน มีบทบาทในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในภาพรวมไม่แตกต่างกัน แต่ผู้ใหญ่บ้านที่มีประสบการณ์ต่างกันมีบทบาทในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในหมู่บ้านโดยภาพรวมต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05.Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27021 SIU IS-T. บทบาทของผู้ใหญ่บ้านในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในหมู่บ้าน อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี = Roles of Village Headman in Village’s Conflict Solving in Amphoe Kanchanadit, Surat Thani Province [printed text] / อารีรัตน์ พรหมวิเชียร, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - ix, 98 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-32
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ความขัดแย้ง (จิตวิทยา)
[LCSH]ผู้ใหญ่บ้าน -- บทบาท
[LCSH]ผู้ใหญ่บ้าน -- สุราษฎร์ธานีKeywords: การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง,
บทบาท,
ผู้ใหญ่บ้านAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทและเพื่อเปรียบเทียบวิธีการในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในหมู่บ้านในอำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำแนกอายุ ระดับการศึกษา และประสบการณ์ทำงานในตำแหน่ง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ผู้ใหญ่บ้านในอำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 117 คน ใน 13 ตำบล เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามเชิงสำรวจ สถิติเชิงพรรณนาที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ในการทดสอบสมมุติฐานใช้การทดสอบค่า F-test และการวิเคราะห์ ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA)
ผลการวิจัยพบว่า บทบาทของผู้ใหญ่บ้านในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในหมู่บ้านทุกด้านอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ด้านการหลีกเลี่ยง รองลงมา ด้านการปรองดอง ด้านการประนีประนอม ด้านความร่วมมือร่วมใจ และด้านการบังคับ ตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ใหญ่บ้านที่มีอายุต่างกัน ระดับการศึกษาต่างกัน มีบทบาทในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในภาพรวมไม่แตกต่างกัน แต่ผู้ใหญ่บ้านที่มีประสบการณ์ต่างกันมีบทบาทในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในหมู่บ้านโดยภาพรวมต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05.Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27021 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000594414 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-32 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000594380 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-32 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. บทบาทของพระสงฆ์ในการพัฒนาชุมชน ในเขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ศึกษาเฉพาะกรณีชุมชน เขต 1 / พระเมงฮุง มน
Collection Title: SIU IS-T Title : บทบาทของพระสงฆ์ในการพัฒนาชุมชน ในเขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ศึกษาเฉพาะกรณีชุมชน เขต 1 Original title : Role of Monks in Community Development of Surat Thani Municipal Area: Case Study of Community Area 1 Material Type: printed text Authors: พระเมงฮุง มน, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name Pagination: vii, 99 หน้า Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-16
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]Community development
[LCSH]Monks
[LCSH]การพัฒนาชุมชน
[LCSH]พระสงฆ์Keywords: บทบาทของพระสงฆ์
การพัฒนาชุมชนAbstract: การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความคิดเห็นของประชาชนต่อบทบาทของพระสงฆ์ในการพัฒนาชุมชน และเพื่อศึกษาข้อเสนอแนะในการพัฒนาชุมชนของพระสงฆ์ Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26097 SIU IS-T. บทบาทของพระสงฆ์ในการพัฒนาชุมชน ในเขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ศึกษาเฉพาะกรณีชุมชน เขต 1 = Role of Monks in Community Development of Surat Thani Municipal Area: Case Study of Community Area 1 [printed text] / พระเมงฮุง มน, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name . - [s.d.] . - vii, 99 หน้า : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-16
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]Community development
[LCSH]Monks
[LCSH]การพัฒนาชุมชน
[LCSH]พระสงฆ์Keywords: บทบาทของพระสงฆ์
การพัฒนาชุมชนAbstract: การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความคิดเห็นของประชาชนต่อบทบาทของพระสงฆ์ในการพัฒนาชุมชน และเพื่อศึกษาข้อเสนอแนะในการพัฒนาชุมชนของพระสงฆ์ Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26097 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000590115 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-16 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000590123 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-16 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. บทบาทในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร / บุญเกื้อ พูลชัย / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : บทบาทในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร Original title : The Roles in Drug Prevention and Suppression of Police Officers in Chumphon Material Type: printed text Authors: บุญเกื้อ พูลชัย, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: ix, 77 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-35
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ความร่วมมือ
[LCSH]ยาเสพติด -- การป้องกัน -- ชุมพรKeywords: การจัดระบบสายตรวจ,
การประสานงานระหว่างภาครัฐและเอกชน,
การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด,
ความร่วมมือจากประชาชนAbstract: การวิจัยครั้งนี้ศึกษาและเปรียบเทียบบทบาทในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพรจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคลกลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือข้าราชการตำรวจในสถานีตำรวจภูธรจังหวัดชุมพรจำนวน 171 คนใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณาในการวิเคราะห์ข้อมูลประชากรศาสตร์และพฤติกรรมของผู้ตอบแบบสอบถาม และใช้สถิติเชิงอนุมานโดยการทดสอบค่าที (t-test) และค่า F-test ในการวิเคราะห์ตัวแปรและทดสอบสมมติฐาน ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05
ผลการวิจัยพบว่าบทบาทในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพรอยู่ในระดับปานกลางที่ค่าเฉลี่ย (x̄ = 3.20) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านของบทบาทในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจการจัดระบบสายตรวจพบว่าการแสวงหาความร่วมมือมีมากสุด ตามด้วยการประสานงานระหว่างภาครัฐและเอกชนการสืบสวนจับกุมและการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานตามลำดับ ผลการเปรียบเทียบบทบาทในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพรจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคลพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีปัจจัยส่วนบุคคลแตกต่างกันมีบทบาทในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดไม่แตกต่างกันCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27145 SIU IS-T. บทบาทในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร = The Roles in Drug Prevention and Suppression of Police Officers in Chumphon [printed text] / บุญเกื้อ พูลชัย, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - ix, 77 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-35
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ความร่วมมือ
[LCSH]ยาเสพติด -- การป้องกัน -- ชุมพรKeywords: การจัดระบบสายตรวจ,
การประสานงานระหว่างภาครัฐและเอกชน,
การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด,
ความร่วมมือจากประชาชนAbstract: การวิจัยครั้งนี้ศึกษาและเปรียบเทียบบทบาทในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพรจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคลกลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือข้าราชการตำรวจในสถานีตำรวจภูธรจังหวัดชุมพรจำนวน 171 คนใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณาในการวิเคราะห์ข้อมูลประชากรศาสตร์และพฤติกรรมของผู้ตอบแบบสอบถาม และใช้สถิติเชิงอนุมานโดยการทดสอบค่าที (t-test) และค่า F-test ในการวิเคราะห์ตัวแปรและทดสอบสมมติฐาน ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05
ผลการวิจัยพบว่าบทบาทในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพรอยู่ในระดับปานกลางที่ค่าเฉลี่ย (x̄ = 3.20) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านของบทบาทในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจการจัดระบบสายตรวจพบว่าการแสวงหาความร่วมมือมีมากสุด ตามด้วยการประสานงานระหว่างภาครัฐและเอกชนการสืบสวนจับกุมและการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานตามลำดับ ผลการเปรียบเทียบบทบาทในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพรจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคลพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีปัจจัยส่วนบุคคลแตกต่างกันมีบทบาทในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดไม่แตกต่างกันCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27145 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000594307 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-35 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000594315 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-35 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU THE-T. ปัจจัยด้านความรู้ของผู้ประกอบการที่มีต่อผลประกอบการของกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทางภาคเหนือของประเทศไทย / ภาคภูมิ ภัควิภาส / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2018
Collection Title: SIU THE-T Title : ปัจจัยด้านความรู้ของผู้ประกอบการที่มีต่อผลประกอบการของกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทางภาคเหนือของประเทศไทย Original title : Factors of Entrepreneur's Knowledge that affect SMEs Performances, Case of Northern Thailand Material Type: printed text Authors: ภาคภูมิ ภัควิภาส, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; วิไลพร เลาหโกศล, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2018 Pagination: xvii, 379 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500 บาท General note: SIU THE-T: SOM-DBA-2018-05
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2561Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ผู้ประกอบการ
[LCSH]วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมKeywords: ปัจจัยด้านความรู้,
ผลประกอบการ,
วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมAbstract: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาค้นหาปัจจัยด้านความรู้ของผู้ประกอบการ ที่ที่มีต่อผลประกอบการของกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทางภาคเหนือของประเทศไทย จากประชากรและกลุ่มตัวอย่างของผู้ประกอบการธุรกิจในเขตพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยทั้งหมด 17 จังหวัด จำนวน 400 ราย และ ทำการสัมภาษณ์ ผู้ประกอบการ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก อีก จำนวน 4 ราย โดยใช้ซึ่งกลุ่มตัวที่ทำการคัดเลือกโดยใช้วิธีการเลือกตัวอย่างแบบไม่ใช้ความน่าจะเป็น (Nonprobability Sampling) การสุ่มเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling Technique) โดยใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิตเชิงพรรณา ได้แก่ การหาค่าเฉลี่ยร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐาน ทดสอบความสัมพันธ์ของตัวแปร สำหรับกำหนดการวัดการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว One-Way ANOVA และการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิสหสัมพันธ์ (Correlation Coefficient)
ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยด้านความรู้ของผู้ประกอบการที่มีต่อผลประกอบการของกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทางภาคเหนือของประเทศไทย ในภาพรวมระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ซึ่งพิจารณารายด้านทั้ง 10 ด้าน ดังนี้ องค์การแห่งการเรียนรู้: (การส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยี) (x ̅ = 4.050, S.D. = 0.575) (แรงจูงใจในการเรียนรู้) (x ̅ = 3.998, S.D. = 0.689) และ (พลวัตการเรียนรู้) (x ̅ = 3.992, S.D. = 0.467) บรรยากาศการเรียนรู้: (การสื่อสาร) (x ̅ =4.040, S.D. = 0.469) และ (การเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความรู้) (x ̅ = 3.761, S.D. = 0.504) การจัดการความรู้: (การแสวงหาความรู้) (x ̅ =4.154, S.D. = 0.564) (การประยุกต์ใช้ความรู้) (x ̅ = 4.144, S.D. = 0.589) (การจัดเก็บความรู้) (x ̅ =4.008, S.D. = 0.505) (การแบ่งปันความรู้) (x ̅ = 3.993, S.D. = 0.525) และ (การสร้างความรู้) (x ̅ = 3.591, S.D. = 0.765) ผลประกอบการของกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทางภาคเหนือของประเทศไทยในภาพรวมอยู่ในระดับผลการดำเนินงานของธุรกิจดีกว่าคู่แข่ง ซึ่งพิจารณารายด้านทั้ง 4 ด้าน ดังนี้ ผลการดำเนินงานด้านกระบวนการภายใน (x ̅ =4.097, S.D. = 0.665) ผลการดำเนินงานด้านการเรียนรู้และการเจริญเติบโต (x ̅ = 4.058, S.D. = 0.522) ผลการดำเนินงานด้านลูกค้า (x ̅ =3.995, S.D. = 0.503) และผลการดำเนินงานด้านการเงิน (x ̅ = 3.669, S.D. = 0.713)
การทดสอบสมมติฐานของการวิจัยพบว่า 1) ลักษะทางประชากรศาสตร์ที่แตกต่างกันทางด้าน อายุ มีค่าเฉลี่ยระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยด้านความรู้ของผู้ประกอบการที่ไม่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ลักษะทางประชากรศาสตร์ที่แตกต่างกันทางด้าน ตำแหน่ง ระดับการศึกษา ประสบการณ์ในการทำงาน และกลุ่มประเภทของธุรกิจ มีค่าเฉลี่ยระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยด้านความรู้ของผู้ประกอบการที่แตกต่างกัน ในส่วนของการทดสอบความสัมพันธ์ พบว่า 1) ปัจจัยความรู้ ด้านองค์การแห่งการเรียนรู้ มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทางภาคเหนือของประเทศไทย ด้านลูกค้า ด้านการเรียนรู้และการเจริญเติบโต กระบวนการภายใน แต่ไม่มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อผลการดำเนินงาน ด้านการเงิน 2) ปัจจัยความรู้ ด้านบรรยากาศการเรียนรู้ มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทางภาคเหนือของประเทศไทย ด้านการเรียนรู้และการเจริญเติบโต แต่ไม่มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อผลการดำเนินงาน ด้านการเงิน ด้านลูกค้า และด้านกระบวนการภายใน 3) ปัจจัยความรู้ ด้านการจัดการความรู้ มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทางภาคเหนือของประเทศไทย ด้านผลการดำเนินงานด้านการเงิน แต่ไม่มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อผลการดำเนินงาน ด้านลูกค้า ด้านกระบวนการภายใน และด้านการเรียนรู้และการเจริญเติบโต
การนำงานวิจัยไปพัฒนาปัจจัยด้านความรู้ของผู้ประกอบการที่มีต่อผลประกอบการของกลุ่มวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย่อมทางภาคเหนือของประเทศไทย นอกจาก ผู้ประกอบการจะให้ความสำคัญ การนำองค์กร ในการกำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ และกลยุทธ์ที่ชัดเจนแล้ว กลยุทธ์ระดับปฏิบัติการนั้นจะต้องมุ่งเน้นการพัฒนาองค์การให้เป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ การพัฒนาและนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมไปถึงการจัดบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ให้กับบุคลากรในองค์ อีกด้วยCurricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27836 SIU THE-T. ปัจจัยด้านความรู้ของผู้ประกอบการที่มีต่อผลประกอบการของกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทางภาคเหนือของประเทศไทย = Factors of Entrepreneur's Knowledge that affect SMEs Performances, Case of Northern Thailand [printed text] / ภาคภูมิ ภัควิภาส, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; วิไลพร เลาหโกศล, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2018 . - xvii, 379 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500 บาท
SIU THE-T: SOM-DBA-2018-05
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2561
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ผู้ประกอบการ
[LCSH]วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมKeywords: ปัจจัยด้านความรู้,
ผลประกอบการ,
วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมAbstract: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาค้นหาปัจจัยด้านความรู้ของผู้ประกอบการ ที่ที่มีต่อผลประกอบการของกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทางภาคเหนือของประเทศไทย จากประชากรและกลุ่มตัวอย่างของผู้ประกอบการธุรกิจในเขตพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยทั้งหมด 17 จังหวัด จำนวน 400 ราย และ ทำการสัมภาษณ์ ผู้ประกอบการ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก อีก จำนวน 4 ราย โดยใช้ซึ่งกลุ่มตัวที่ทำการคัดเลือกโดยใช้วิธีการเลือกตัวอย่างแบบไม่ใช้ความน่าจะเป็น (Nonprobability Sampling) การสุ่มเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling Technique) โดยใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิตเชิงพรรณา ได้แก่ การหาค่าเฉลี่ยร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐาน ทดสอบความสัมพันธ์ของตัวแปร สำหรับกำหนดการวัดการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว One-Way ANOVA และการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิสหสัมพันธ์ (Correlation Coefficient)
ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยด้านความรู้ของผู้ประกอบการที่มีต่อผลประกอบการของกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทางภาคเหนือของประเทศไทย ในภาพรวมระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ซึ่งพิจารณารายด้านทั้ง 10 ด้าน ดังนี้ องค์การแห่งการเรียนรู้: (การส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยี) (x ̅ = 4.050, S.D. = 0.575) (แรงจูงใจในการเรียนรู้) (x ̅ = 3.998, S.D. = 0.689) และ (พลวัตการเรียนรู้) (x ̅ = 3.992, S.D. = 0.467) บรรยากาศการเรียนรู้: (การสื่อสาร) (x ̅ =4.040, S.D. = 0.469) และ (การเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความรู้) (x ̅ = 3.761, S.D. = 0.504) การจัดการความรู้: (การแสวงหาความรู้) (x ̅ =4.154, S.D. = 0.564) (การประยุกต์ใช้ความรู้) (x ̅ = 4.144, S.D. = 0.589) (การจัดเก็บความรู้) (x ̅ =4.008, S.D. = 0.505) (การแบ่งปันความรู้) (x ̅ = 3.993, S.D. = 0.525) และ (การสร้างความรู้) (x ̅ = 3.591, S.D. = 0.765) ผลประกอบการของกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทางภาคเหนือของประเทศไทยในภาพรวมอยู่ในระดับผลการดำเนินงานของธุรกิจดีกว่าคู่แข่ง ซึ่งพิจารณารายด้านทั้ง 4 ด้าน ดังนี้ ผลการดำเนินงานด้านกระบวนการภายใน (x ̅ =4.097, S.D. = 0.665) ผลการดำเนินงานด้านการเรียนรู้และการเจริญเติบโต (x ̅ = 4.058, S.D. = 0.522) ผลการดำเนินงานด้านลูกค้า (x ̅ =3.995, S.D. = 0.503) และผลการดำเนินงานด้านการเงิน (x ̅ = 3.669, S.D. = 0.713)
การทดสอบสมมติฐานของการวิจัยพบว่า 1) ลักษะทางประชากรศาสตร์ที่แตกต่างกันทางด้าน อายุ มีค่าเฉลี่ยระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยด้านความรู้ของผู้ประกอบการที่ไม่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ลักษะทางประชากรศาสตร์ที่แตกต่างกันทางด้าน ตำแหน่ง ระดับการศึกษา ประสบการณ์ในการทำงาน และกลุ่มประเภทของธุรกิจ มีค่าเฉลี่ยระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยด้านความรู้ของผู้ประกอบการที่แตกต่างกัน ในส่วนของการทดสอบความสัมพันธ์ พบว่า 1) ปัจจัยความรู้ ด้านองค์การแห่งการเรียนรู้ มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทางภาคเหนือของประเทศไทย ด้านลูกค้า ด้านการเรียนรู้และการเจริญเติบโต กระบวนการภายใน แต่ไม่มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อผลการดำเนินงาน ด้านการเงิน 2) ปัจจัยความรู้ ด้านบรรยากาศการเรียนรู้ มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทางภาคเหนือของประเทศไทย ด้านการเรียนรู้และการเจริญเติบโต แต่ไม่มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อผลการดำเนินงาน ด้านการเงิน ด้านลูกค้า และด้านกระบวนการภายใน 3) ปัจจัยความรู้ ด้านการจัดการความรู้ มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทางภาคเหนือของประเทศไทย ด้านผลการดำเนินงานด้านการเงิน แต่ไม่มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อผลการดำเนินงาน ด้านลูกค้า ด้านกระบวนการภายใน และด้านการเรียนรู้และการเจริญเติบโต
การนำงานวิจัยไปพัฒนาปัจจัยด้านความรู้ของผู้ประกอบการที่มีต่อผลประกอบการของกลุ่มวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย่อมทางภาคเหนือของประเทศไทย นอกจาก ผู้ประกอบการจะให้ความสำคัญ การนำองค์กร ในการกำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ และกลยุทธ์ที่ชัดเจนแล้ว กลยุทธ์ระดับปฏิบัติการนั้นจะต้องมุ่งเน้นการพัฒนาองค์การให้เป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ การพัฒนาและนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมไปถึงการจัดบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ให้กับบุคลากรในองค์ อีกด้วยCurricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27836 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000598183 SIU THE-T: SOM-DBA-2018-05 c.1 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available 32002000598159 SIU THE-T: SOM-DBA-2018-05 c.2 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่มีต่อการตัดสินใจใช้บริการสินเชื่อของลูกค้าธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนศรีวิชัย จังหวัดสุราษฎร์ธานี / เอกพจน์ แสนภักดี / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีต่อการตัดสินใจใช้บริการสินเชื่อของลูกค้าธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนศรีวิชัย จังหวัดสุราษฎร์ธานี Original title : Factors Affecting the Customers’ Decision-Making in Using Credit Services at Krung Thai Bank Public Company Limited, Srivichai Road Branch, Suratthani Material Type: printed text Authors: เอกพจน์ แสนภักดี, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: vii, 84 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-29
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การตัดสินใจ
[LCSH]ธนาคารกรุงไทย
[LCSH]สินเชื่อKeywords: การตัดสินใจ,
บริการ,
สินเชื่อ,
ธนาคารAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีต่อการตัดสินใจใช้บริการสินเชื่อของลูกค้าธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)สาขาถนนศรีวิชัย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เก็บรวบรวมข้อมูลจาก ลูกค้าธนาคารจำกัด (มหาชน)สาขาถนนศรีวิชัย จังหวัดสุราษฎร์ ปีการศึกษา 2558 จำนวน 182 คน โดยใช้แบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.89 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบ ได้แก่ สถิติทดสอบที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว
ผลการวิจัยพบว่า ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 31-40 ปี มีอาชีพรับราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ มีสถานภาพสมรส มีการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,000-20,000 บาท ปัจจัยการใช้บริการสินเชื่อ ลูกค้าส่วนใหญ่ใช้บริการสินเชื่อกรุงไทยธนวัฏวงเงินอนุมัติไม่เกิน 100,000 บาท ระยะเวลาการกู้ยืมไม่เกิน 5 ปี และใช้บุคคลค้ำประกันลูกค้ามีระดับการตัดสินใจใช้บริการสินเชื่อ ตามด้วยการให้ความสำคัญในระดับมากที่สุดด้านเงื่อนไขการขอสินเชื่อ ด้านพนักงานผู้ให้บริการ และลูกค้ามีระดับการตัดสินใจใช้บริการสินเชื่อ โดยให้ความสำคัญในระดับมาก ในด้านอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม ด้านการส่งเสริมสินเชื่อ และด้านกระบวนการ ขอสินเชื่อ ปัจจัยส่วนบุคคลของลูกค้าที่มีเพศ อายุ อาชีพ สถานภาพสมรสและระดับการศึกษาแตกต่างกัน มีระดับการตัดสินใจใช้บริการสินเชื่อโดยรวมไม่แตกต่างกันCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26995 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีต่อการตัดสินใจใช้บริการสินเชื่อของลูกค้าธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนศรีวิชัย จังหวัดสุราษฎร์ธานี = Factors Affecting the Customers’ Decision-Making in Using Credit Services at Krung Thai Bank Public Company Limited, Srivichai Road Branch, Suratthani [printed text] / เอกพจน์ แสนภักดี, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - vii, 84 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-29
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การตัดสินใจ
[LCSH]ธนาคารกรุงไทย
[LCSH]สินเชื่อKeywords: การตัดสินใจ,
บริการ,
สินเชื่อ,
ธนาคารAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีต่อการตัดสินใจใช้บริการสินเชื่อของลูกค้าธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)สาขาถนนศรีวิชัย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เก็บรวบรวมข้อมูลจาก ลูกค้าธนาคารจำกัด (มหาชน)สาขาถนนศรีวิชัย จังหวัดสุราษฎร์ ปีการศึกษา 2558 จำนวน 182 คน โดยใช้แบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.89 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบ ได้แก่ สถิติทดสอบที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว
ผลการวิจัยพบว่า ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 31-40 ปี มีอาชีพรับราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ มีสถานภาพสมรส มีการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,000-20,000 บาท ปัจจัยการใช้บริการสินเชื่อ ลูกค้าส่วนใหญ่ใช้บริการสินเชื่อกรุงไทยธนวัฏวงเงินอนุมัติไม่เกิน 100,000 บาท ระยะเวลาการกู้ยืมไม่เกิน 5 ปี และใช้บุคคลค้ำประกันลูกค้ามีระดับการตัดสินใจใช้บริการสินเชื่อ ตามด้วยการให้ความสำคัญในระดับมากที่สุดด้านเงื่อนไขการขอสินเชื่อ ด้านพนักงานผู้ให้บริการ และลูกค้ามีระดับการตัดสินใจใช้บริการสินเชื่อ โดยให้ความสำคัญในระดับมาก ในด้านอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม ด้านการส่งเสริมสินเชื่อ และด้านกระบวนการ ขอสินเชื่อ ปัจจัยส่วนบุคคลของลูกค้าที่มีเพศ อายุ อาชีพ สถานภาพสมรสและระดับการศึกษาแตกต่างกัน มีระดับการตัดสินใจใช้บริการสินเชื่อโดยรวมไม่แตกต่างกันCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26995 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000594299 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-29 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000594281 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-29 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU THE-T. ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย / ปริตภา รุ่งเรืองกุล / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2018
Collection Title: SIU THE-T Title : ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย Original title : Factors Affecting Human Resource Development of Real Estate Companies Listed in the Stock Exchange of Thailand Material Type: printed text Authors: ปริตภา รุ่งเรืองกุล, Author ; วิไลพร เลาหโกศล, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2018 Pagination: xvi, 162 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 บาท General note: SIU THE-T: SOM-DBA-2018-04
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2561Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
[LCSH]ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์Keywords: การบริหารทรัพยากรมนุษย์,
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์,
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 2) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 3) เพื่อศึกษาข้อมูลเบื้องต้นในการปรับปรุงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเป็นฐานความรู้ใหม่ๆ ทางวิชาการแก่ผู้สนใจศึกษานำไปอ้างอิงต่อยอดความรู้ให้เกิดประโยชน์ หรือเป็นพื้นฐานการศึกษาเปรียบเทียบกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งสถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการและบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบายด้านทรัพยากรมนุษย์ ผู้วิจัยได้ออกแบบการวิจัยเป็นแบบผสม (Mix Method) ประกอบด้วยการวิจัยเชิงคุณภาพ (qualitative research) และการวิจัยเชิงปริมาณ (quantitative research) โดยใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นหัวหน้างาน และพนักงานในระดับปฏิบัติการ จำนวน 450 คน ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง และใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว One – Way Analysis of Variance (One – Way ANOVA) และการวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) ในการทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร และยอมรับสมมติฐานที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 ร่วมกับการวิจัยเชิงคุณภาพ จากการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ผลการวิจัยพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุ 31-35 ปี มีสถานภาพโสด การศึกษาระดับปริญญาตรี ตำแหน่งพนักงานระดับปฏิบัติการ มีอายุการทำงาน 7-9 ปี มีประสบการณ์การทำงานมากกว่า 9 ปีขึ้นไป เงินเดือนหรือค่าตอบแทนต่อเดือน 15,000 – 20,000 บาท ผลการวิจัยยังพบความสัมพันธ์ระหว่างการจัดการองค์กร ประกอบด้วย อัตราการคงอยู่มีความสัมพันธ์กับภาวะผู้นำของผู้บริหารและระบบ/มาตรการขององค์กร นอกจากนี้ขวัญและกำลังใจมีความสัมพันธ์กับวิสัยทัศน์/พันธกิจและระบบ/มาตรการขององค์กร และการตอบสนองนโยบายมีความสัมพันธ์กับกลยุทธ์/นโยบาย, แนวความคิด, วิสัยทัศน์/พันธกิจ, ภาวะผู้นำของผู้บริหาร และระบบ/มาตรการขององค์กร ในส่วนความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยภายใน ประกอบด้วย อัตราการคงอยู่มีความสัมพันธ์กับเป้าหมายในชีวิตของพนักงานและสัญญาจ้าง(ลักษณะการจ้างงาน) ส่วนขวัญและกำลังใจมีความสัมพันธ์กับวัฒนธรรมองค์กร และการตอบสนองนโยบายมีความสัมพันธ์กับเป้าหมายในชีวิต, วัฒนธรรมองค์กร และสัญญาจ้าง(ลักษณะการจ้างงาน) นอกจากนี้ยังพบความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยภายนอก ประกอบด้วย อัตราการคงอยู่มีความสัมพันธ์กับการเติบโตด้านเศรษฐกิจ, แนวโน้มทางการตลาด, การแข่งขัน และจำนวนประชากร ขวัญและกำลังใจมีความสัมพันธ์กับการเติบโตด้านเศรษฐกิจ, การแข่งขัน และจำนวนประชากร และการตอบสนองนโยบายมีความสัมพันธ์กับแนวโน้มทางการตลาดและการแข่งขัน กับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .05 รวมทั้งจากการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกับผู้ตอบแบบสอบถาม โดยฝ่ายบริหารได้รับทราบ และให้ความสำคัญในการวางนโยบายและกลยุทธ์เพื่อสนองตอบความคาดหวังของพนักงานในเรื่องหลักอยู่แล้ว เนื่องจากแนวโน้มและทิศทางการตลาดอุตสาหกรรมนี้ รวมทั้งนโยบายของรัฐบาลทำให้ฝ่ายบริหารต้องปรับนโยบายให้ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอCurricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27839 SIU THE-T. ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย = Factors Affecting Human Resource Development of Real Estate Companies Listed in the Stock Exchange of Thailand [printed text] / ปริตภา รุ่งเรืองกุล, Author ; วิไลพร เลาหโกศล, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2018 . - xvi, 162 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00 บาท
SIU THE-T: SOM-DBA-2018-04
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2561
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
[LCSH]ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์Keywords: การบริหารทรัพยากรมนุษย์,
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์,
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 2) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 3) เพื่อศึกษาข้อมูลเบื้องต้นในการปรับปรุงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเป็นฐานความรู้ใหม่ๆ ทางวิชาการแก่ผู้สนใจศึกษานำไปอ้างอิงต่อยอดความรู้ให้เกิดประโยชน์ หรือเป็นพื้นฐานการศึกษาเปรียบเทียบกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งสถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการและบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบายด้านทรัพยากรมนุษย์ ผู้วิจัยได้ออกแบบการวิจัยเป็นแบบผสม (Mix Method) ประกอบด้วยการวิจัยเชิงคุณภาพ (qualitative research) และการวิจัยเชิงปริมาณ (quantitative research) โดยใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นหัวหน้างาน และพนักงานในระดับปฏิบัติการ จำนวน 450 คน ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง และใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว One – Way Analysis of Variance (One – Way ANOVA) และการวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) ในการทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร และยอมรับสมมติฐานที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 ร่วมกับการวิจัยเชิงคุณภาพ จากการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ผลการวิจัยพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุ 31-35 ปี มีสถานภาพโสด การศึกษาระดับปริญญาตรี ตำแหน่งพนักงานระดับปฏิบัติการ มีอายุการทำงาน 7-9 ปี มีประสบการณ์การทำงานมากกว่า 9 ปีขึ้นไป เงินเดือนหรือค่าตอบแทนต่อเดือน 15,000 – 20,000 บาท ผลการวิจัยยังพบความสัมพันธ์ระหว่างการจัดการองค์กร ประกอบด้วย อัตราการคงอยู่มีความสัมพันธ์กับภาวะผู้นำของผู้บริหารและระบบ/มาตรการขององค์กร นอกจากนี้ขวัญและกำลังใจมีความสัมพันธ์กับวิสัยทัศน์/พันธกิจและระบบ/มาตรการขององค์กร และการตอบสนองนโยบายมีความสัมพันธ์กับกลยุทธ์/นโยบาย, แนวความคิด, วิสัยทัศน์/พันธกิจ, ภาวะผู้นำของผู้บริหาร และระบบ/มาตรการขององค์กร ในส่วนความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยภายใน ประกอบด้วย อัตราการคงอยู่มีความสัมพันธ์กับเป้าหมายในชีวิตของพนักงานและสัญญาจ้าง(ลักษณะการจ้างงาน) ส่วนขวัญและกำลังใจมีความสัมพันธ์กับวัฒนธรรมองค์กร และการตอบสนองนโยบายมีความสัมพันธ์กับเป้าหมายในชีวิต, วัฒนธรรมองค์กร และสัญญาจ้าง(ลักษณะการจ้างงาน) นอกจากนี้ยังพบความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยภายนอก ประกอบด้วย อัตราการคงอยู่มีความสัมพันธ์กับการเติบโตด้านเศรษฐกิจ, แนวโน้มทางการตลาด, การแข่งขัน และจำนวนประชากร ขวัญและกำลังใจมีความสัมพันธ์กับการเติบโตด้านเศรษฐกิจ, การแข่งขัน และจำนวนประชากร และการตอบสนองนโยบายมีความสัมพันธ์กับแนวโน้มทางการตลาดและการแข่งขัน กับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .05 รวมทั้งจากการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกับผู้ตอบแบบสอบถาม โดยฝ่ายบริหารได้รับทราบ และให้ความสำคัญในการวางนโยบายและกลยุทธ์เพื่อสนองตอบความคาดหวังของพนักงานในเรื่องหลักอยู่แล้ว เนื่องจากแนวโน้มและทิศทางการตลาดอุตสาหกรรมนี้ รวมทั้งนโยบายของรัฐบาลทำให้ฝ่ายบริหารต้องปรับนโยบายให้ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอCurricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27839 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000598241 SIU THE-T: SOM-DBA-2018-04 c.1 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available 32002000598217 SIU THE-T: SOM-DBA-2018-04 c.2 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อความก้าวหน้าในอาชีพข้าราชการตำรวจระดับประทวน ในสังกัดกองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ / อรรถพร แป้นเพชร / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2014
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีผลต่อความก้าวหน้าในอาชีพข้าราชการตำรวจระดับประทวน ในสังกัดกองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ Original title : Factors Affecting Career Advancement of Non – Commissioned Police Officers in the Patrol Sub-Division, Patrol and Special Operation Division Material Type: printed text Authors: อรรถพร แป้นเพชร, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2014 Pagination: viii, 56 หน้า Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-12
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]Police -- Thailand
[LCSH]กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ
[LCSH]ข้าราชการตำรวจ
[LCSH]ตำรวจ -- ไทยKeywords: ความต้องการความก้าวหน้าในอาชีพ
ข้าราชการตำรวจระดับประทวน
กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษAbstract: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลให้มีความก้าวหน้าในอาชีพในทัศนของตำรวจระดับประทวน จากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นข้าราชการตำรวจในสังกัดกองกำกับการสายตรวจ และปฏิบัติการพิเศษ Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26087 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อความก้าวหน้าในอาชีพข้าราชการตำรวจระดับประทวน ในสังกัดกองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ = Factors Affecting Career Advancement of Non – Commissioned Police Officers in the Patrol Sub-Division, Patrol and Special Operation Division [printed text] / อรรถพร แป้นเพชร, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014 . - viii, 56 หน้า : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-12
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]Police -- Thailand
[LCSH]กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ
[LCSH]ข้าราชการตำรวจ
[LCSH]ตำรวจ -- ไทยKeywords: ความต้องการความก้าวหน้าในอาชีพ
ข้าราชการตำรวจระดับประทวน
กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษAbstract: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลให้มีความก้าวหน้าในอาชีพในทัศนของตำรวจระดับประทวน จากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นข้าราชการตำรวจในสังกัดกองกำกับการสายตรวจ และปฏิบัติการพิเศษ Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26087 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000506954 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-12 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000506855 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-12 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available 32002000506970 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-12 c.3 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available 32002000506988 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-12 c.4 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันในการปฏิบัติงานของบุคลากร องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี / พรรณิรัตน์ จิตนุ่ม / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2014
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันในการปฏิบัติงานของบุคลากร องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี Original title : Factors Affecting Commitment in Personnel Performance in Surat Thani Provincial Administrative Organization Material Type: printed text Authors: พรรณิรัตน์ จิตนุ่ม, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2014 Pagination: ix, 74 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-30
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ความผูกพันต่อองค์การ
[LCSH]องค์การบริหารส่วนจังหวัด -- สุราษฎร์ธานี
[LCSH]เจ้าหน้าที่ -- การปฏิบัติงานKeywords: ความผูกพันในการปฏิบัติงาน Abstract: การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันในการปฏิบัติงานเปรียบเทียบระดับปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันในการปฏิบัติงาน จำแนกตามสถานภาพส่วนบุคลและศึกษาปัญหา ข้อเสนอแนะ และแนวทางการสร้างความผูกพันต่อองค์กรของบุคลากร องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยใช้แบบสอบถามเก็บรวบรวมข้อมูลจากข้าราชการลูกจ้างและพนักงานจ้าง สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 167 คน Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26482 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันในการปฏิบัติงานของบุคลากร องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี = Factors Affecting Commitment in Personnel Performance in Surat Thani Provincial Administrative Organization [printed text] / พรรณิรัตน์ จิตนุ่ม, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014 . - ix, 74 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-30
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ความผูกพันต่อองค์การ
[LCSH]องค์การบริหารส่วนจังหวัด -- สุราษฎร์ธานี
[LCSH]เจ้าหน้าที่ -- การปฏิบัติงานKeywords: ความผูกพันในการปฏิบัติงาน Abstract: การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันในการปฏิบัติงานเปรียบเทียบระดับปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันในการปฏิบัติงาน จำแนกตามสถานภาพส่วนบุคลและศึกษาปัญหา ข้อเสนอแนะ และแนวทางการสร้างความผูกพันต่อองค์กรของบุคลากร องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยใช้แบบสอบถามเก็บรวบรวมข้อมูลจากข้าราชการลูกจ้างและพนักงานจ้าง สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 167 คน Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26482 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591519 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-30 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000591527 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-30 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน / วีณา สำราญรื่น / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน Original title : Factors Affecting the Job Performance Satisfaction of General Support Division, Border Patrol Police Bureau Material Type: printed text Authors: วีณา สำราญรื่น, Author ; อาภากร พลเทียร, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: xii, 135 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2016-03
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน -- ข้าราชการ -- ความพอใจในการทำงาน
[LCSH]ความพอใจ
[LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงานKeywords: ความพึงพอใจ Abstract: การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน จำแนกตามปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคล
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ ข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน จำนวน 156 คน เลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มแบบแบ่งเป็นชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับระดับความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน แบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ แบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคล แบบสอบถาม วัดระดับความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน แบบสอบถามความสัมพันธ์ของความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ และความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ค่าสถิติ t-test ชนิดวิเคราะห์ทางเดียว (One – Way Anova) และการหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายแบบ Pearson Product Moment Coefficient
ผลวิจัยพบว่า
1) ข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน มีระดับความ พึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก มาจากปัจจัยด้านเกี่ยวกับงานและปัจจัยด้านที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานหรือสิ่งแวดล้อม เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านความมั่นคงในงาน อยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนระดับความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ รายด้านที่อยู่ในระดับมาก ด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ด้านการได้รับความยอมรับนับถือ ด้านชีวิตส่วนตัว ด้านความสำเร็จของงาน ด้านสภาพการทำงาน ด้านการบังคับบัญชา ด้านนโยบายการบริหาร ด้านความก้าวหน้าในตำแหน่งงาน ด้านลักษณะงานความรับผิดชอบ ด้านเงินเดือน,รายได้ เรียงตามลำดับ
2) ปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยด้านเกี่ยวกับงาน ปัจจัยด้านที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน มีความสัมพันธ์เชิงบวกความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ราชการของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ต่อด้านบุคคล ด้านงาน และด้านการบริหารจัดการCurricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26487 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน = Factors Affecting the Job Performance Satisfaction of General Support Division, Border Patrol Police Bureau [printed text] / วีณา สำราญรื่น, Author ; อาภากร พลเทียร, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - xii, 135 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOM-MBA-2016-03
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน -- ข้าราชการ -- ความพอใจในการทำงาน
[LCSH]ความพอใจ
[LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงานKeywords: ความพึงพอใจ Abstract: การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน จำแนกตามปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคล
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ ข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน จำนวน 156 คน เลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มแบบแบ่งเป็นชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับระดับความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน แบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ แบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคล แบบสอบถาม วัดระดับความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน แบบสอบถามความสัมพันธ์ของความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ และความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ค่าสถิติ t-test ชนิดวิเคราะห์ทางเดียว (One – Way Anova) และการหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายแบบ Pearson Product Moment Coefficient
ผลวิจัยพบว่า
1) ข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน มีระดับความ พึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก มาจากปัจจัยด้านเกี่ยวกับงานและปัจจัยด้านที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานหรือสิ่งแวดล้อม เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านความมั่นคงในงาน อยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนระดับความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ รายด้านที่อยู่ในระดับมาก ด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ด้านการได้รับความยอมรับนับถือ ด้านชีวิตส่วนตัว ด้านความสำเร็จของงาน ด้านสภาพการทำงาน ด้านการบังคับบัญชา ด้านนโยบายการบริหาร ด้านความก้าวหน้าในตำแหน่งงาน ด้านลักษณะงานความรับผิดชอบ ด้านเงินเดือน,รายได้ เรียงตามลำดับ
2) ปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยด้านเกี่ยวกับงาน ปัจจัยด้านที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน มีความสัมพันธ์เชิงบวกความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ราชการของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ต่อด้านบุคคล ด้านงาน และด้านการบริหารจัดการCurricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26487 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591568 SIU IS-T: SOM-MBA-2016-03 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available