From this page you can:
Home |
Author details
Author ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา
Available item(s) by this author
Add the result to your basket Make a suggestion Refine your search Apply to external sourcesSIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 8 / ไพรวัลย์ ทิพย์พิมล / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 8 Original title : Factors Influence on the Efficiency of Crowd Control of Police Officers at Investigation Police Sub-Division, 8th Region Material Type: printed text Authors: ไพรวัลย์ ทิพย์พิมล, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: vii, 72 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-30
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ตำรวจ -- การทำงาน
[LCSH]ฝูงชน -- การควบคุมKeywords: ประสิทธิผลในการควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ Abstract: การศึกษาครั้งนี้เพื่อศึกษาระดับปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2) เปรียบเทียบปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำแนกตามอายุ ระดับการศึกษา ระดับชั้นยศ ประสบการณ์การทำงาน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 8 จำนวน 155 นาย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามแบบมาตรประมาณค่า สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบค่าที (t-test) ค่าเอฟ (F-test) และความแปรปรวนทางเดียว (One-Way Anova) เปรียบเทียบรายคู่ด้วยวิธีการของ LSD (LSD post hoc comparison)
ผลการวิจัยพบว่า โดยภาพรวมระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมากทุกด้าน เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย คือ 1) ด้านโครงสร้างหน่วยงาน 2) ด้านกฎหมาย มาตรการ และนโยบาย 3) ด้านบุคลากร 4) ด้านอาวุธ ยุทโธปกรณ์และเครื่องมือ เครื่องใช้ เมื่อเปรียบเทียบระดับปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำแนกตามระดับชั้นยศ โดยภาพรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน จำแนกตามอายุ โดยภาพรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน จำแนกตามระดับการศึกษา พบว่า โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านอาวุธ ยุทโธปกรณ์และเครื่องมือ เครื่องใช้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สำหรับด้านอื่นๆ พบว่า ไม่แตกต่างกัน จำแนกตามประสบการณ์การทำงาน พบว่า โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกันเมื่อทำการทดสอบรายคู่ พบว่า ด้านอาวุธ ยุทโธปกรณ์และเครื่องมือ เครื่องใช้ ที่มีระดับการศึกษาต่างกัน พบว่า ระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี มีประสิทธิผลในการควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่าระดับการศึกษาปริญญาโทหรือสูงกว่า
Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26950 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 8 = Factors Influence on the Efficiency of Crowd Control of Police Officers at Investigation Police Sub-Division, 8th Region [printed text] / ไพรวัลย์ ทิพย์พิมล, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - vii, 72 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-30
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ตำรวจ -- การทำงาน
[LCSH]ฝูงชน -- การควบคุมKeywords: ประสิทธิผลในการควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ Abstract: การศึกษาครั้งนี้เพื่อศึกษาระดับปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2) เปรียบเทียบปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำแนกตามอายุ ระดับการศึกษา ระดับชั้นยศ ประสบการณ์การทำงาน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 8 จำนวน 155 นาย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามแบบมาตรประมาณค่า สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบค่าที (t-test) ค่าเอฟ (F-test) และความแปรปรวนทางเดียว (One-Way Anova) เปรียบเทียบรายคู่ด้วยวิธีการของ LSD (LSD post hoc comparison)
ผลการวิจัยพบว่า โดยภาพรวมระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมากทุกด้าน เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย คือ 1) ด้านโครงสร้างหน่วยงาน 2) ด้านกฎหมาย มาตรการ และนโยบาย 3) ด้านบุคลากร 4) ด้านอาวุธ ยุทโธปกรณ์และเครื่องมือ เครื่องใช้ เมื่อเปรียบเทียบระดับปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำแนกตามระดับชั้นยศ โดยภาพรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน จำแนกตามอายุ โดยภาพรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน จำแนกตามระดับการศึกษา พบว่า โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านอาวุธ ยุทโธปกรณ์และเครื่องมือ เครื่องใช้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สำหรับด้านอื่นๆ พบว่า ไม่แตกต่างกัน จำแนกตามประสบการณ์การทำงาน พบว่า โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกันเมื่อทำการทดสอบรายคู่ พบว่า ด้านอาวุธ ยุทโธปกรณ์และเครื่องมือ เครื่องใช้ ที่มีระดับการศึกษาต่างกัน พบว่า ระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี มีประสิทธิผลในการควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่าระดับการศึกษาปริญญาโทหรือสูงกว่า
Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26950 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000594232 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-30 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000594240 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-30 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ของตำรวจในสังกัดกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี / มานพ ชูรีย์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2015
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ของตำรวจในสังกัดกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี Original title : Factors Influence on the Efficiency of Crime Prevention and Suppression Operation Practice of Police Officers in Police Division of Surattani Province Material Type: printed text Authors: มานพ ชูรีย์, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2015 Pagination: viii, 77 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2015-01
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2015.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การป้องกันอาชญากรรม -- สุราษฏร์ธานี
[LCSH]ตำรวจ -- การทำงานKeywords: ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการปฏิบัติงาน,
การป้องกันอาชญากรรมAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม เพื่อเปรียบเทียบปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ตำรวจในสำนักงานกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 172 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามแบบมาตรประมาณค่าที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบค่าที (t-test) ค่าเอฟ (F-test) และความแปรปรวนทางเดียว (One-Way Anova) เปรียบเทียบรายคู่ด้วยวิธีการของ LSD (LSD post hoc comparison)
ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม โดยภาพรวมระดับความคิดเห็นทุกด้านอยู่ในระดับมาก เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย คือ 1) ด้านวัสดุอุปกรณ์ 2) ด้านการสนับสนุนจากส่วนอื่น 3) ด้านงบประมาณ 4) ด้านบุคลากร 5) ด้านการบริหารจัดการ 6) ด้านการสนับสนุนจากหน่วยเหนือ การเปรียบเทียบระดับปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม จำแนกตามระดับชั้นยศ โดยภาพรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน จำแนกตามอายุ โดยรวมไม่แตกต่างกัน และเมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านการบริหารจัดการแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ด้านการสนับสนุนจากหน่วยเหนือแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และด้านการสนับสนุนจากส่วนอื่นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สำหรับด้านอื่นๆ พบว่า ไม่แตกต่างกัน จำแนกตามระดับการศึกษา โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน จำแนกตามประสบการณ์การทำงาน โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกันCurricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26655 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ของตำรวจในสังกัดกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี = Factors Influence on the Efficiency of Crime Prevention and Suppression Operation Practice of Police Officers in Police Division of Surattani Province [printed text] / มานพ ชูรีย์, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2015 . - viii, 77 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2015-01
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2015.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การป้องกันอาชญากรรม -- สุราษฏร์ธานี
[LCSH]ตำรวจ -- การทำงานKeywords: ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการปฏิบัติงาน,
การป้องกันอาชญากรรมAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม เพื่อเปรียบเทียบปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ตำรวจในสำนักงานกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 172 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามแบบมาตรประมาณค่าที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบค่าที (t-test) ค่าเอฟ (F-test) และความแปรปรวนทางเดียว (One-Way Anova) เปรียบเทียบรายคู่ด้วยวิธีการของ LSD (LSD post hoc comparison)
ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม โดยภาพรวมระดับความคิดเห็นทุกด้านอยู่ในระดับมาก เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย คือ 1) ด้านวัสดุอุปกรณ์ 2) ด้านการสนับสนุนจากส่วนอื่น 3) ด้านงบประมาณ 4) ด้านบุคลากร 5) ด้านการบริหารจัดการ 6) ด้านการสนับสนุนจากหน่วยเหนือ การเปรียบเทียบระดับปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลในการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม จำแนกตามระดับชั้นยศ โดยภาพรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน จำแนกตามอายุ โดยรวมไม่แตกต่างกัน และเมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านการบริหารจัดการแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ด้านการสนับสนุนจากหน่วยเหนือแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และด้านการสนับสนุนจากส่วนอื่นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สำหรับด้านอื่นๆ พบว่า ไม่แตกต่างกัน จำแนกตามระดับการศึกษา โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน จำแนกตามประสบการณ์การทำงาน โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกันCurricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26655 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000593069 SIU IS-T: IPAG-MPA-2015-01 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000593036 SIU IS-T: IPAG-MPA-2015-01 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการเลือกใช้บริการโรงแรมระดับห้าดาวของนักท่องเที่ยวชาวไทยในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ / นงนภัส จุลเปมะ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2019
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการเลือกใช้บริการโรงแรมระดับห้าดาวของนักท่องเที่ยวชาวไทยในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ Original title : Factors Influencing Thai Tourist Decision Making on Choosing Five-Star Hotel in Amphoe Muang, Chiang Mai Material Type: printed text Authors: นงนภัส จุลเปมะ, Author ; มณฑิรา ชุนลิ้ม, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2019 Pagination: viii, 77 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 บาท General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2019-04
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2019.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ผู้บริโภค -- การตัดสินใจ
[LCSH]ส่วนประสมการตลาด
[LCSH]โรงแรมKeywords: ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด,
คุณภาพการให้บริการ,
การตัดสินใจเลือกใช้บริการ,
โรงแรมระดับห้าดาวAbstract: ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการเลือกใช้บริการโรงแรมระดับห้าดาวของนักท่องเที่ยวชาวไทยในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทางด้านประชากรศาสตร์ที่มีผลต่อการเลือกใช้บริการโรงแรมระดับห้าดาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 2) เพื่อศึกษาถึงปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการโรงแรมระดับห้าดาว อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ และ 3) เพื่อศึกษาถึงปัจจัยคุณภาพบริการที่ส่งผลต่อการเลือกใช้บริการโรงแรมระดับห้าดาว อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ เป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ ใช้วิธีการศึกษาเชิงสำรวจ รวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม ซึ่งกลุ่มตัวอย่างคือนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มาพักค้างในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 400 คน โดยใช้สถิติวิเคราะห์ผลเชิงพรรณนา ได้แก่ การแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติวิเคราะห์ผลเชิงอนุมาน ทดสอบความแตกต่างโดยใช้สถิติแบบ t–test, F–test และทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ วิธีการทดสอบ Least Significant Difference (LSD) test และทดสอบความสัมพันธ์ใช้สถิติทดสอบแบบ Chi-Square test
ผลวิจัยพบว่าลักษณะประชากรศาสตร์ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชายและมีอายุ 31 – 40 ปี มีระดับการศึกษาปริญญาตรี มีอาชีพเป็นพนักงานบริษัทเอกชน มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน มากกว่า 60,000 บาท 1) ปัจจัยส่วนประสมการตลาดบริการให้ความสำคัญในระดับมากที่สุด ได้แก่ ด้านการสร้างและนำเสนอลักษณะทางกายภาพ ด้านบุคลากร ด้านราคา ด้านกระบวนการ ด้านสถานที่หรือช่องทางจัดจำหน่าย และด้านการส่งเสริมการตลาดตามลำดับ และด้านผลิตภัณฑ์ให้ความสำคัญในระดับมาก 2) ด้านปัจจัยคุณภาพการให้บริการให้ความสำคัญระดับมากที่สุด ได้แก่ ด้านการตอบสนองต่อลูกค้า ด้านความน่าเชื่อถือ ด้านการให้ความเชื่อมั่นต่อลูกค้า ด้านการรู้จักและเอาใจลูกค้า และด้านความเป็นรูปธรรมของบริการ ตามลำดับ 3) การตัดสินใจใช้บริการในระดับมากที่สุด คือ ด้านความพึงพอใจต่อการให้บริการของโรงแรม ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า 1)ปัจจัยลักษณะประชากรศาสตร์ด้านระดับการศึกษามีผลต่อการเลือกใช้บริการโรงแรมแตกต่างกัน โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีเลือกใช้บริการโรงแรมต่ำกว่า กลุ่มระดับการศึกษาปริญญาตรีและสูงกว่าปริญญาตรี 2) ผลทดสอบความสัมพันธ์ปัจจัยส่วนประสมการตลาดบริการโรงแรมมีความสัมพันธ์กับการเลือกใช้บริการโรงแรม โดยด้านบุคลากร มีความสัมพันธ์สูงสุด รองลงมา คือ ด้านกระบวนการ ด้านการสร้างและนำเสนอลักษณะทางกายภาพ ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านสถานที่หรือช่องทางจัดจำหน่าย ด้านราคา และด้านผลิตภัณฑ์ ตามลำดับ 3) ปัจจัยคุณภาพการให้บริการมีความสัมพันธ์กับการเลือกใช้บริการโรงแรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ด้านการรู้จักและเอาใจลูกค้า มีความสัมพันธ์สูงสุด รองลงมาคือด้านการตอบสนองต่อลูกค้า ด้านความน่าเชื่อถือ ด้านการให้ความเชื่อมั่นต่อลูกค้า และด้านความเป็นรูปธรรมของบริการ ตามลำดับCurricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27993 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการเลือกใช้บริการโรงแรมระดับห้าดาวของนักท่องเที่ยวชาวไทยในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ = Factors Influencing Thai Tourist Decision Making on Choosing Five-Star Hotel in Amphoe Muang, Chiang Mai [printed text] / นงนภัส จุลเปมะ, Author ; มณฑิรา ชุนลิ้ม, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2019 . - viii, 77 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00 บาท
SIU IS-T: SOM-MBA-2019-04
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2019.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ผู้บริโภค -- การตัดสินใจ
[LCSH]ส่วนประสมการตลาด
[LCSH]โรงแรมKeywords: ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด,
คุณภาพการให้บริการ,
การตัดสินใจเลือกใช้บริการ,
โรงแรมระดับห้าดาวAbstract: ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการเลือกใช้บริการโรงแรมระดับห้าดาวของนักท่องเที่ยวชาวไทยในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทางด้านประชากรศาสตร์ที่มีผลต่อการเลือกใช้บริการโรงแรมระดับห้าดาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 2) เพื่อศึกษาถึงปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการโรงแรมระดับห้าดาว อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ และ 3) เพื่อศึกษาถึงปัจจัยคุณภาพบริการที่ส่งผลต่อการเลือกใช้บริการโรงแรมระดับห้าดาว อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ เป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ ใช้วิธีการศึกษาเชิงสำรวจ รวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม ซึ่งกลุ่มตัวอย่างคือนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มาพักค้างในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 400 คน โดยใช้สถิติวิเคราะห์ผลเชิงพรรณนา ได้แก่ การแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติวิเคราะห์ผลเชิงอนุมาน ทดสอบความแตกต่างโดยใช้สถิติแบบ t–test, F–test และทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ วิธีการทดสอบ Least Significant Difference (LSD) test และทดสอบความสัมพันธ์ใช้สถิติทดสอบแบบ Chi-Square test
ผลวิจัยพบว่าลักษณะประชากรศาสตร์ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชายและมีอายุ 31 – 40 ปี มีระดับการศึกษาปริญญาตรี มีอาชีพเป็นพนักงานบริษัทเอกชน มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน มากกว่า 60,000 บาท 1) ปัจจัยส่วนประสมการตลาดบริการให้ความสำคัญในระดับมากที่สุด ได้แก่ ด้านการสร้างและนำเสนอลักษณะทางกายภาพ ด้านบุคลากร ด้านราคา ด้านกระบวนการ ด้านสถานที่หรือช่องทางจัดจำหน่าย และด้านการส่งเสริมการตลาดตามลำดับ และด้านผลิตภัณฑ์ให้ความสำคัญในระดับมาก 2) ด้านปัจจัยคุณภาพการให้บริการให้ความสำคัญระดับมากที่สุด ได้แก่ ด้านการตอบสนองต่อลูกค้า ด้านความน่าเชื่อถือ ด้านการให้ความเชื่อมั่นต่อลูกค้า ด้านการรู้จักและเอาใจลูกค้า และด้านความเป็นรูปธรรมของบริการ ตามลำดับ 3) การตัดสินใจใช้บริการในระดับมากที่สุด คือ ด้านความพึงพอใจต่อการให้บริการของโรงแรม ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า 1)ปัจจัยลักษณะประชากรศาสตร์ด้านระดับการศึกษามีผลต่อการเลือกใช้บริการโรงแรมแตกต่างกัน โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีเลือกใช้บริการโรงแรมต่ำกว่า กลุ่มระดับการศึกษาปริญญาตรีและสูงกว่าปริญญาตรี 2) ผลทดสอบความสัมพันธ์ปัจจัยส่วนประสมการตลาดบริการโรงแรมมีความสัมพันธ์กับการเลือกใช้บริการโรงแรม โดยด้านบุคลากร มีความสัมพันธ์สูงสุด รองลงมา คือ ด้านกระบวนการ ด้านการสร้างและนำเสนอลักษณะทางกายภาพ ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านสถานที่หรือช่องทางจัดจำหน่าย ด้านราคา และด้านผลิตภัณฑ์ ตามลำดับ 3) ปัจจัยคุณภาพการให้บริการมีความสัมพันธ์กับการเลือกใช้บริการโรงแรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ด้านการรู้จักและเอาใจลูกค้า มีความสัมพันธ์สูงสุด รองลงมาคือด้านการตอบสนองต่อลูกค้า ด้านความน่าเชื่อถือ ด้านการให้ความเชื่อมั่นต่อลูกค้า และด้านความเป็นรูปธรรมของบริการ ตามลำดับCurricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27993 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000607456 SIU IS-T: SOM-MBA-2019-04 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000607455 SIU IS-T: SOM-MBA-2019-04 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทอง มวยไทยยิม / ปริชาติ มูลสวัสดิ์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2019
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทอง มวยไทยยิม Original title : Influencing Factors affecting Customer Decision Toward Jaroenthong Muay Thai Gym Material Type: printed text Authors: ปริชาติ มูลสวัสดิ์, Author ; มณฑิรา ชุนลิ้ม, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2019 Pagination: ix, 75 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 บาท General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2019-02
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2019.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]พฤติกรรมผู้บริโภค
[LCSH]มวยไทย
[LCSH]สถานกายบริหาร
[LCSH]ส่วนประสมการตลาดKeywords: ส่วนประสมทางการตลาด, พฤติกรรมผู้บริโภค, การตัดสินใจ, สถานออกกำลังกายมวยไทยยิม Abstract: การศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยทางด้านลักษณะทางประชากรศาสตร์ ที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม 2) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม และ 3) เพื่อศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม ระเบียบวิธีวิจัยเป็นงานวิจัยเชิงปริมาณใช้วิธีการศึกษาเชิงสำรวจรวบรวมข้อมูลที่ได้รับจากแบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม จำนวน 200 ตัวอย่าง ทดสอบความน่าเชื่อถือของเครื่องมือ ตามแนวคิดของครอนบัค (Cronbach Alpha Formula) จำนวน 30 ตัวอย่าง ได้ผลทดสอบความน่าเชื่อถือเครื่องมือที่ 0.95 และผลทดสอบค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างเนื้อหา (IOC) มีเท่ากับ 0.972 สถิติในการวิเคราะห์ผลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ การแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณทดสอบความแตกต่างโดยใช้สถิติแบบ T – test , F – Test และทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่วิธีการทดสอบ Least Significant Difference test และทดสอบความสัมพันธ์ใช้สถิติทดสอบแบบ Pearson's Correlation Coefficient ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 ประมวลผลข้อมูลจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปทางสถิติ
ผลวิจัยข้อมูลลักษณะส่วนบุคคล เป็นเพศหญิงมากกว่า เพศชาย ส่วนใหญ่ อายุ 36 – 40 ปี รองลงมา อายุ 20 – 25 ปี มีระดับการศึกษาปริญญาตรี รองลงมา สูงกว่าปริญญาตรี มีสถานภาพโสด รายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 25,000 บาท รองลงมา 25,000 - 35,000 บาท มีความถี่ในการใช้บริการสถานออกกำลังกาย จำนวน 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ มากสุด รองลงมา จำนวน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ วันที่ใช้บริการเป็นวันหยุดจากการทำงานมากกว่าวันทำงาน โดยมีช่วงเวลาที่ใช้บริการ เวลา 16.01 - 20.00 น. รองลงมา เวลา 09.00 - 12.00 น. โดยส่วนใหญ่ไม่มีครูฝึกสอนส่วนตัว (Personal Trainer) มากกว่ามีครูฝึกสอนส่วนตัว ปัจจัยส่วนประสมการตลาดสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิมมีความสำคัญในระดับมากที่สุด โดยสูงสุดด้านบุคคล รองลงมา ด้านการนำเสนอลักษณะทางกายภาพ ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ด้านกระบวนการ ด้านราคา และให้ความสำคัญในระดับมาก ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์ และด้านการส่งเสริมการตลาด ตามลำดับ
จากผลวิจัยปัจจัยพฤติกรรมผู้บริโภคในการใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม มีความสำคัญในระดับมาก โดยสูงสุดในด้านสังคม รองลงมา ด้านจิตวิทยา และด้านกลุ่มอ้างอิง ตามลำดับ ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่าปัจจัยลักษณะส่วนบุคคล ด้านอายุมีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม แตกต่างกัน และปัจจัยส่วนประสมการตลาดบริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิมมีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม โดยด้านบุคคล มีความสัมพันธ์สูงสุด รองลงมา ด้านกระบวนการ ด้านการนำเสนอลักษณะทางกายภาพ ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านราคา ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย และด้านผลิตภัณฑ์ ตามลำดับ และปัจจัยพฤติกรรมผู้บริโภคในการใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิมมีความสัมพันธ์เชิงบวกในต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม โดย ด้านสังคมมีความสัมพันธ์สูงสุด รองลงมา ด้านจิตวิทยา และด้านกลุ่มอ้างอิง ตามลำดับ
Curricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27991 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทอง มวยไทยยิม = Influencing Factors affecting Customer Decision Toward Jaroenthong Muay Thai Gym [printed text] / ปริชาติ มูลสวัสดิ์, Author ; มณฑิรา ชุนลิ้ม, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2019 . - ix, 75 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00 บาท
SIU IS-T: SOM-MBA-2019-02
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2019.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]พฤติกรรมผู้บริโภค
[LCSH]มวยไทย
[LCSH]สถานกายบริหาร
[LCSH]ส่วนประสมการตลาดKeywords: ส่วนประสมทางการตลาด, พฤติกรรมผู้บริโภค, การตัดสินใจ, สถานออกกำลังกายมวยไทยยิม Abstract: การศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยทางด้านลักษณะทางประชากรศาสตร์ ที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม 2) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม และ 3) เพื่อศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม ระเบียบวิธีวิจัยเป็นงานวิจัยเชิงปริมาณใช้วิธีการศึกษาเชิงสำรวจรวบรวมข้อมูลที่ได้รับจากแบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม จำนวน 200 ตัวอย่าง ทดสอบความน่าเชื่อถือของเครื่องมือ ตามแนวคิดของครอนบัค (Cronbach Alpha Formula) จำนวน 30 ตัวอย่าง ได้ผลทดสอบความน่าเชื่อถือเครื่องมือที่ 0.95 และผลทดสอบค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างเนื้อหา (IOC) มีเท่ากับ 0.972 สถิติในการวิเคราะห์ผลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ การแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณทดสอบความแตกต่างโดยใช้สถิติแบบ T – test , F – Test และทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่วิธีการทดสอบ Least Significant Difference test และทดสอบความสัมพันธ์ใช้สถิติทดสอบแบบ Pearson's Correlation Coefficient ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 ประมวลผลข้อมูลจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปทางสถิติ
ผลวิจัยข้อมูลลักษณะส่วนบุคคล เป็นเพศหญิงมากกว่า เพศชาย ส่วนใหญ่ อายุ 36 – 40 ปี รองลงมา อายุ 20 – 25 ปี มีระดับการศึกษาปริญญาตรี รองลงมา สูงกว่าปริญญาตรี มีสถานภาพโสด รายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 25,000 บาท รองลงมา 25,000 - 35,000 บาท มีความถี่ในการใช้บริการสถานออกกำลังกาย จำนวน 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ มากสุด รองลงมา จำนวน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ วันที่ใช้บริการเป็นวันหยุดจากการทำงานมากกว่าวันทำงาน โดยมีช่วงเวลาที่ใช้บริการ เวลา 16.01 - 20.00 น. รองลงมา เวลา 09.00 - 12.00 น. โดยส่วนใหญ่ไม่มีครูฝึกสอนส่วนตัว (Personal Trainer) มากกว่ามีครูฝึกสอนส่วนตัว ปัจจัยส่วนประสมการตลาดสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิมมีความสำคัญในระดับมากที่สุด โดยสูงสุดด้านบุคคล รองลงมา ด้านการนำเสนอลักษณะทางกายภาพ ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ด้านกระบวนการ ด้านราคา และให้ความสำคัญในระดับมาก ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์ และด้านการส่งเสริมการตลาด ตามลำดับ
จากผลวิจัยปัจจัยพฤติกรรมผู้บริโภคในการใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม มีความสำคัญในระดับมาก โดยสูงสุดในด้านสังคม รองลงมา ด้านจิตวิทยา และด้านกลุ่มอ้างอิง ตามลำดับ ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่าปัจจัยลักษณะส่วนบุคคล ด้านอายุมีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม แตกต่างกัน และปัจจัยส่วนประสมการตลาดบริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิมมีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม โดยด้านบุคคล มีความสัมพันธ์สูงสุด รองลงมา ด้านกระบวนการ ด้านการนำเสนอลักษณะทางกายภาพ ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านราคา ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย และด้านผลิตภัณฑ์ ตามลำดับ และปัจจัยพฤติกรรมผู้บริโภคในการใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิมมีความสัมพันธ์เชิงบวกในต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม โดย ด้านสังคมมีความสัมพันธ์สูงสุด รองลงมา ด้านจิตวิทยา และด้านกลุ่มอ้างอิง ตามลำดับ
Curricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27991 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000607451 SIU IS-T: SOM-MBA-2019-02 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000607452 SIU IS-T: SOM-MBA-2019-02 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) / สาธิดา แก้วขาว / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2019
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) Original title : Influencing Factors affecting decision making on Debit Card of Thai Airways International Employee Material Type: printed text Authors: สาธิดา แก้วขาว, Author ; พิมพ์พิศา สังข์สุวรรณ, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2019 Pagination: x, 82 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 บาท General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2019-01
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2019.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การตัดสินใจ
[LCSH]บัตรเดบิต
[LCSH]ส่วนประสมการตลาดKeywords: ส่วนประสมการตลาด 7P, การตัดสินใจ, บัตรเดบิต Abstract: การศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมการตลาดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) และเพื่อศึกษาพฤติกรรมการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ระเบียบวิธีวิจัยเป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ ใช้วิธีการศึกษาเชิงสำรวจ รวบรวมข้อมูลที่ได้รับจากแบบสอบถามใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบสะดวก กลุ่มตัวอย่าง คือ พนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 400 ตัวอย่าง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ผลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ การแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ทดสอบความแตกต่างโดยใช้สถิติแบบ t – test, F – Test,One-Way ANOVA และทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ วิธีการทดสอบ Least Significant Difference (LSD) test และทดสอบความสัมพันธ์ของสองตัวแปรโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน
ผลการศึกษาพบว่าลักษณะส่วนบุคคลเป็นเพศหญิง มากกว่า เพศชาย ส่วนใหญ่มี อายุ 31 – 40 ปี รองลงมา อายุ 41 – 50 ปี มีสถานภาพโสด มีระดับการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า รองลงมา ปริญญาโท รายได้เฉลี่ยต่อเดือน มากกว่า 50,000 บาท โดยกลุ่มพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญต่อปัจจัยส่วนประสมการตลาดบัตรเดบิตในระดับมาก โดยสูงสุดในด้านกระบวนการในการทำงาน รองลงมา ด้านพนักงาน ด้านสถานที่ ด้านกระบวนการทางกายภาพ และให้ความสำคัญในระดับมาก ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา และด้านการส่งเสริมการตลาด ตามลำดับ และให้ความสำคัญต่อขั้นตอนการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตในระดับมากที่สุด สูงสุดด้านการใช้บริการบัตรเดบิต รองลงมา ด้านปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้บัตรเดบิต ด้านขั้นตอนการตัดสินใจ และด้านเหตุผลการเลือกถือครองบัตรเดบิต ตามลำดับ และพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) มีการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตระดับมากโดยสูงสุดสถาบันการเงินได้มาตรฐานสากลของผลิตภัณฑ์และบริการและนำมาใช้ในกรณีฉุกเฉินได้ทันทีแม้ไม่มีเงินสดตามสถานที่ที่มีบริการรับบัตรเดบิต
ผลการทดสอบสมมติฐานงานวิจัยพบว่าปัจจัยลักษณะส่วนบุคคล ด้านการศึกษามีผลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิต แตกต่างกัน โดยกลุ่มพนักงานระดับการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่าจะมีการตัดสินใจใช้บัตรเดบิต ต่ำกว่า กลุ่มระดับการศึกษาปริญญาเอกและกลุ่มพนักงานระดับการศึกษาปริญญาโทจะมีการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตต่ำกว่ากลุ่มระดับการศึกษา ปริญญาเอก ปัจจัยส่วนประสมการตลาดบัตรเดบิต มีผลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิต โดยผลด้านพนักงานมีความสัมพันธ์สูงสุด รองลงมา ด้านกระบวนการในการทำงาน ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านสถานที่ ด้านกระบวนการทางกายภาพ ด้านผลิตภัณฑ์ และด้านราคา ตามลำดับ และปัจจัยที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนการตัดสินใจมีผลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานการบินไทย โดยด้านเหตุผลการเลือกถือครองบัตรเดบิตมีอิทธิพลสูงสุด รองลงมา ด้านขั้นตอนการตัดสินใจ ด้านปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้บัตรเดบิต และด้านการใช้บริการบัตรเดบิต ตามลำดับCurricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27990 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) = Influencing Factors affecting decision making on Debit Card of Thai Airways International Employee [printed text] / สาธิดา แก้วขาว, Author ; พิมพ์พิศา สังข์สุวรรณ, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2019 . - x, 82 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00 บาท
SIU IS-T: SOM-MBA-2019-01
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2019.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การตัดสินใจ
[LCSH]บัตรเดบิต
[LCSH]ส่วนประสมการตลาดKeywords: ส่วนประสมการตลาด 7P, การตัดสินใจ, บัตรเดบิต Abstract: การศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมการตลาดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) และเพื่อศึกษาพฤติกรรมการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ระเบียบวิธีวิจัยเป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ ใช้วิธีการศึกษาเชิงสำรวจ รวบรวมข้อมูลที่ได้รับจากแบบสอบถามใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบสะดวก กลุ่มตัวอย่าง คือ พนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 400 ตัวอย่าง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ผลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ การแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ทดสอบความแตกต่างโดยใช้สถิติแบบ t – test, F – Test,One-Way ANOVA และทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ วิธีการทดสอบ Least Significant Difference (LSD) test และทดสอบความสัมพันธ์ของสองตัวแปรโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน
ผลการศึกษาพบว่าลักษณะส่วนบุคคลเป็นเพศหญิง มากกว่า เพศชาย ส่วนใหญ่มี อายุ 31 – 40 ปี รองลงมา อายุ 41 – 50 ปี มีสถานภาพโสด มีระดับการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า รองลงมา ปริญญาโท รายได้เฉลี่ยต่อเดือน มากกว่า 50,000 บาท โดยกลุ่มพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญต่อปัจจัยส่วนประสมการตลาดบัตรเดบิตในระดับมาก โดยสูงสุดในด้านกระบวนการในการทำงาน รองลงมา ด้านพนักงาน ด้านสถานที่ ด้านกระบวนการทางกายภาพ และให้ความสำคัญในระดับมาก ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา และด้านการส่งเสริมการตลาด ตามลำดับ และให้ความสำคัญต่อขั้นตอนการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตในระดับมากที่สุด สูงสุดด้านการใช้บริการบัตรเดบิต รองลงมา ด้านปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้บัตรเดบิต ด้านขั้นตอนการตัดสินใจ และด้านเหตุผลการเลือกถือครองบัตรเดบิต ตามลำดับ และพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) มีการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตระดับมากโดยสูงสุดสถาบันการเงินได้มาตรฐานสากลของผลิตภัณฑ์และบริการและนำมาใช้ในกรณีฉุกเฉินได้ทันทีแม้ไม่มีเงินสดตามสถานที่ที่มีบริการรับบัตรเดบิต
ผลการทดสอบสมมติฐานงานวิจัยพบว่าปัจจัยลักษณะส่วนบุคคล ด้านการศึกษามีผลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิต แตกต่างกัน โดยกลุ่มพนักงานระดับการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่าจะมีการตัดสินใจใช้บัตรเดบิต ต่ำกว่า กลุ่มระดับการศึกษาปริญญาเอกและกลุ่มพนักงานระดับการศึกษาปริญญาโทจะมีการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตต่ำกว่ากลุ่มระดับการศึกษา ปริญญาเอก ปัจจัยส่วนประสมการตลาดบัตรเดบิต มีผลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิต โดยผลด้านพนักงานมีความสัมพันธ์สูงสุด รองลงมา ด้านกระบวนการในการทำงาน ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านสถานที่ ด้านกระบวนการทางกายภาพ ด้านผลิตภัณฑ์ และด้านราคา ตามลำดับ และปัจจัยที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนการตัดสินใจมีผลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานการบินไทย โดยด้านเหตุผลการเลือกถือครองบัตรเดบิตมีอิทธิพลสูงสุด รองลงมา ด้านขั้นตอนการตัดสินใจ ด้านปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้บัตรเดบิต และด้านการใช้บริการบัตรเดบิต ตามลำดับCurricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27990 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000607449 SIU IS-T: SOM-MBA-2019-01 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000607468 SIU IS-T: SOM-MBA-2019-01 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU THE-T. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์การบริหารระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารของมหาวิทยาลัยราชภัฏในประเทศไทย / อลงกรณ์ สถาปัตยานนท์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2018
Collection Title: SIU THE-T Title : ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์การบริหารระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารของมหาวิทยาลัยราชภัฏในประเทศไทย Original title : Factors Influencing the Achievement of Administration Information and Communication Technology System for the Rajabhat University in Thailand Material Type: printed text Authors: อลงกรณ์ สถาปัตยานนท์, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2018 Pagination: x, 197 p. Layout: Tables, ill. Size: 30 cm. Price: 500.00 Baht. General note: SIU THE-T: IPAG-DPA-2018-05
Thesis. [DPA [รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต.ปร.ด]] มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2018Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การบริหารงานโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์
[LCSH]ระบบสารสนเทศ
[LCSH]เทคโนโลยีสารสนเทศKeywords: ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ,
มหาวิทยาลัยราชภัฏ,
ผลสัมฤทธิ์การบริหารAbstract: การวิจัยเรื่องปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์การบริหารระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของมหาวิทยาลัยราชภัฏในประเทศไทย มีวัตถุประสงค์การวิจัย1) เพื่อศึกษาระดับผลสัมฤทธิ์การบริหารระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของมหาวิทยาลัยราชภัฏในประเทศไทย 2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์การบริหารระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของมหาวิทยาลัยราชภัฏในประเทศไทยในประเทศไทย 3) เพื่อเป็นข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของมหาวิทยาลัยราชภัฏในประเทศไทย เป็นการวิจัยเชิงผสม โดยการวิจัยเชิงปริมาณ คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ อาจารย์ผู้สอนในการตอบแบบสอบถามจำนวน 400 คน จากมหาวิทยาลัยราชภัฏในกลุ่มรัตนโกสินทร์ และกำหนดกลุ่มตัวอย่างจากสูตรของยามาเน ได้จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่แบบสอบถาม และการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยสัมภาษณ์เชิงลึกผู้บริหาร อาจารย์ผู้สอน และเจ้าหน้าที่จากมหาวิทยาลัยราชภัฏในกลุ่มรัตนโกสินทร์ จำนวน 4 คน ผลการวิจัย พบว่า ผลสัมฤทธิ์การบริหารระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะมีประสิทธิภาพมีคุณภาพในการให้บริการและการบริหารได้ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัย ดังนี้ 1) ความชัดเจนของวัตถุประสงค์และเป้าหมายของนโยบายการบริหารระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 2) ระดับการให้ความสำคัญของการใช้งบประมาณในหน่วยงาน 3) ความสนับสนุนของผู้นำในหน่วยงาน/องค์การ 4) ความสนับสนุนจากภาครัฐ 5) การให้สิ่งจูงใจให้บุคลากรในองค์การใช้เทคโนโลยีเรื่องวัสดุอุปกรณ์และตัวเงินในการจัดหา 6) ประสิทธิภาพของการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในองค์การ 7) ปัจจัยประสิทธิผลของการสื่อสาร 8) ความสนับสนุนจากภาคเอกชน และ 9) การให้สิ่งจูงใจให้บุคลากรในองค์การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้มีโอกาสก้าวหน้าตามลำดับ และผลจากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศมีความสัมพันธ์กับความชัดเจนของวัตถุประสงค์และเป้าหมาย มากที่สุด รองลงมาคือการให้ความสำคัญของการใช้งบประมาณในหน่วยงาน ความสนับสนุนของผู้นำในหน่วยงาน ความสนับสนุนจากภาครัฐ การให้สิ่งจูงใจให้บุคลากรในองค์การใช้เทคโนโลยี การจัดหาประสิทธิภาพของการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในองค์การ ความสนับสนุนจากภาคเอกชนและประสิทธิผลของการสื่อสาร ตามลำดับ ข้อเสนอแนะในการวิจัย คือ 1) ผู้นำ/ผู้บริหารมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 2) มหาวิทยาลัยจะต้องมีแผนปฏิบัติการประจำปีที่ชัดเจนในการทำแผนแม่บททั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยแต่ละปีต้องมีแผนงบประมาณรายปีที่ชัดเจน 3) จากผลการวิจัยเชิงปริมาณพบว่า งบประมาณมีผลต่อผลสัมฤทธิ์จึงต้องมีการจัดทำแผนงบประมาณให้พ้องกับนโยบายและต้องมีสัดส่วน 1:0.45 และ 4)จากผลการวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้บริหารควรมีการสนับสนุนการให้นโยบายการพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยกรบวนการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยควรให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ในการกำหนดนโยบายการพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศด้วย Curricular : GE/MSIT/PhDT Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27864 SIU THE-T. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์การบริหารระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารของมหาวิทยาลัยราชภัฏในประเทศไทย = Factors Influencing the Achievement of Administration Information and Communication Technology System for the Rajabhat University in Thailand [printed text] / อลงกรณ์ สถาปัตยานนท์, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2018 . - x, 197 p. : Tables, ill. ; 30 cm.
500.00 Baht.
SIU THE-T: IPAG-DPA-2018-05
Thesis. [DPA [รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต.ปร.ด]] มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2018
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การบริหารงานโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์
[LCSH]ระบบสารสนเทศ
[LCSH]เทคโนโลยีสารสนเทศKeywords: ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ,
มหาวิทยาลัยราชภัฏ,
ผลสัมฤทธิ์การบริหารAbstract: การวิจัยเรื่องปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์การบริหารระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของมหาวิทยาลัยราชภัฏในประเทศไทย มีวัตถุประสงค์การวิจัย1) เพื่อศึกษาระดับผลสัมฤทธิ์การบริหารระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของมหาวิทยาลัยราชภัฏในประเทศไทย 2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์การบริหารระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของมหาวิทยาลัยราชภัฏในประเทศไทยในประเทศไทย 3) เพื่อเป็นข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของมหาวิทยาลัยราชภัฏในประเทศไทย เป็นการวิจัยเชิงผสม โดยการวิจัยเชิงปริมาณ คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ อาจารย์ผู้สอนในการตอบแบบสอบถามจำนวน 400 คน จากมหาวิทยาลัยราชภัฏในกลุ่มรัตนโกสินทร์ และกำหนดกลุ่มตัวอย่างจากสูตรของยามาเน ได้จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่แบบสอบถาม และการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยสัมภาษณ์เชิงลึกผู้บริหาร อาจารย์ผู้สอน และเจ้าหน้าที่จากมหาวิทยาลัยราชภัฏในกลุ่มรัตนโกสินทร์ จำนวน 4 คน ผลการวิจัย พบว่า ผลสัมฤทธิ์การบริหารระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะมีประสิทธิภาพมีคุณภาพในการให้บริการและการบริหารได้ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัย ดังนี้ 1) ความชัดเจนของวัตถุประสงค์และเป้าหมายของนโยบายการบริหารระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 2) ระดับการให้ความสำคัญของการใช้งบประมาณในหน่วยงาน 3) ความสนับสนุนของผู้นำในหน่วยงาน/องค์การ 4) ความสนับสนุนจากภาครัฐ 5) การให้สิ่งจูงใจให้บุคลากรในองค์การใช้เทคโนโลยีเรื่องวัสดุอุปกรณ์และตัวเงินในการจัดหา 6) ประสิทธิภาพของการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในองค์การ 7) ปัจจัยประสิทธิผลของการสื่อสาร 8) ความสนับสนุนจากภาคเอกชน และ 9) การให้สิ่งจูงใจให้บุคลากรในองค์การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้มีโอกาสก้าวหน้าตามลำดับ และผลจากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศมีความสัมพันธ์กับความชัดเจนของวัตถุประสงค์และเป้าหมาย มากที่สุด รองลงมาคือการให้ความสำคัญของการใช้งบประมาณในหน่วยงาน ความสนับสนุนของผู้นำในหน่วยงาน ความสนับสนุนจากภาครัฐ การให้สิ่งจูงใจให้บุคลากรในองค์การใช้เทคโนโลยี การจัดหาประสิทธิภาพของการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในองค์การ ความสนับสนุนจากภาคเอกชนและประสิทธิผลของการสื่อสาร ตามลำดับ ข้อเสนอแนะในการวิจัย คือ 1) ผู้นำ/ผู้บริหารมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 2) มหาวิทยาลัยจะต้องมีแผนปฏิบัติการประจำปีที่ชัดเจนในการทำแผนแม่บททั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยแต่ละปีต้องมีแผนงบประมาณรายปีที่ชัดเจน 3) จากผลการวิจัยเชิงปริมาณพบว่า งบประมาณมีผลต่อผลสัมฤทธิ์จึงต้องมีการจัดทำแผนงบประมาณให้พ้องกับนโยบายและต้องมีสัดส่วน 1:0.45 และ 4)จากผลการวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้บริหารควรมีการสนับสนุนการให้นโยบายการพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยกรบวนการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยควรให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ในการกำหนดนโยบายการพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศด้วย Curricular : GE/MSIT/PhDT Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27864 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000597888 SIU THE-T: IPAG-DPA-2018-05 c.1 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available 32002000597870 SIU THE-T: IPAG-DPA-2018-05 c.2 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available SIU THE-T. ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการจัดการธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทย / พรจันทร์ สุพรรณ์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU THE-T Title : ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการจัดการธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทย Original title : Factors Affecting on the Business Achievement of Senior Home in Thailand Material Type: printed text Authors: พรจันทร์ สุพรรณ์, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; อุษณีษ์ เสวกวัชรี, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: xxxviii, 477 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU THE-T: SOM-DBA-2017-02
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2560Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การบริหารธุรกิจ
[LCSH]ผู้สูงอายุ -- ที่อยู่อาศัย -- ไทยKeywords: โครงสร้างองค์กร,
ระบบการปฏิบัติงาน,
การจัดการบุคคล,
ส่วนประสมการตลาด,
สภาพแวดล้อมภายนอก,
ผลสัมฤทธิ์ของการดาเนินธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทยAbstract: ปฏิบัติงาน ปัจจัยการจัดการบุคคล ปัจจัยส่วนประสมการตลาด ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอก และผลสัมฤทธิ์ของการดาเนินธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทย และเพื่อสร้างแบบจาลองปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ของการดาเนินธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทย โดยใช้เทคนิคการวิจัยเชิงผสม คือ การวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณร่วมกัน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยเชิงปริมาณ คือ ผู้ประกอบการ/ผู้บริหารธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทย จำนวน 640 คน ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (multi-stage sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติเชิงพรรณนา และสถิติเชิงอนุมานในการวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นแบบพหุ (Multiple Linear Regression Analysis) และการวิเคราะห์ตัวแปร เพื่อทดสอบสมมติฐาน
ผลการวิจัยพบว่า ผู้ประกอบการ /ผู้บริหารธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 31 – 40 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรี ซึ่งมีตาแหน่งงานส่วนใหญ่เป็นหัวหน้าฝ่ายดูแลผู้สูงอายุ และรูปแบบของธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยว ระยะเวลาที่ผู้สูงอายุเข้ารับบริการส่วนใหญ่บริการดูแลระยะยาว และส่วนใหญ่มีความต้องการการดูแลของผู้สูงอายุที่เข้ารับบริการในลักษณะผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตนเองได้
ผลการทดสอบสมมติฐานการวิจัย พบว่า 1) ปัจจัยโครงสร้างองค์กร 2) ปัจจัยระบบการปฏิบัติงาน 3) ปัจจัยการจัดการบุคคล 4) ปัจจัยส่วนประสมการตลาด และ 5) ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกมีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์การดาเนินธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทย โดยสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิมและการขยายจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น, ด้านประสิทธิภาพของการให้บริการ ได้แก่ จำนวนบุคลากรที่ให้บริการมีความเหมาะสมในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า และการไม่มีข้อเรียกร้องจากผู้มาใช้บริการ, ด้านการสร้างการรับรู้ในกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ ความภักดีของลูกค้าในการกลับมาใช้บริการซ้า และคุณภาพและมาตรฐานในการให้บริการ, ด้านผลิตภาพและประสิทธิภาพของพนักงาน ได้แก่ ความเต็มใจและความกระตือรือร้นในการปฏิบัติงาน และความจงรักภักดีต่อองค์กร และด้านภาพลักษณ์ที่ดีของธุรกิจ ได้แก่ ภาพสะท้อนถึงระบบบริหารจัดการบุคลากร (ผู้บริหารและพนักงาน) และการทาประโยชน์ให้กับสาธารณะ และผลการสร้างแบบจาลองปัจจัยที่ส่งผลต่อความสาเร็จของการจัดการธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทย พบว่า ปัจจัยโครงสร้างองค์กร ปัจจัยระบบปฏิบัติงาน ปัจจัยการจัดการบุคคล ปัจจัยส่วนประสมการตลาด และปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกมีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ของการ
ดาเนินธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทยดังนั้นผู้ประกอบการ/ผู้บริหารธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถที่จะนาผลการศึกษาวิจัยครั้งนี้ไปประยุกต์ใช้ในการพิจารณาขยายการลงทุนและพัฒนาตลาดธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทยที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมได้อย่างประสบความสาเร็จCurricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27263 SIU THE-T. ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการจัดการธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทย = Factors Affecting on the Business Achievement of Senior Home in Thailand [printed text] / พรจันทร์ สุพรรณ์, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; อุษณีษ์ เสวกวัชรี, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - xxxviii, 477 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU THE-T: SOM-DBA-2017-02
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2560
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การบริหารธุรกิจ
[LCSH]ผู้สูงอายุ -- ที่อยู่อาศัย -- ไทยKeywords: โครงสร้างองค์กร,
ระบบการปฏิบัติงาน,
การจัดการบุคคล,
ส่วนประสมการตลาด,
สภาพแวดล้อมภายนอก,
ผลสัมฤทธิ์ของการดาเนินธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทยAbstract: ปฏิบัติงาน ปัจจัยการจัดการบุคคล ปัจจัยส่วนประสมการตลาด ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอก และผลสัมฤทธิ์ของการดาเนินธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทย และเพื่อสร้างแบบจาลองปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ของการดาเนินธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทย โดยใช้เทคนิคการวิจัยเชิงผสม คือ การวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณร่วมกัน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยเชิงปริมาณ คือ ผู้ประกอบการ/ผู้บริหารธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทย จำนวน 640 คน ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (multi-stage sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติเชิงพรรณนา และสถิติเชิงอนุมานในการวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นแบบพหุ (Multiple Linear Regression Analysis) และการวิเคราะห์ตัวแปร เพื่อทดสอบสมมติฐาน
ผลการวิจัยพบว่า ผู้ประกอบการ /ผู้บริหารธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 31 – 40 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรี ซึ่งมีตาแหน่งงานส่วนใหญ่เป็นหัวหน้าฝ่ายดูแลผู้สูงอายุ และรูปแบบของธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยว ระยะเวลาที่ผู้สูงอายุเข้ารับบริการส่วนใหญ่บริการดูแลระยะยาว และส่วนใหญ่มีความต้องการการดูแลของผู้สูงอายุที่เข้ารับบริการในลักษณะผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตนเองได้
ผลการทดสอบสมมติฐานการวิจัย พบว่า 1) ปัจจัยโครงสร้างองค์กร 2) ปัจจัยระบบการปฏิบัติงาน 3) ปัจจัยการจัดการบุคคล 4) ปัจจัยส่วนประสมการตลาด และ 5) ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกมีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์การดาเนินธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทย โดยสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิมและการขยายจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น, ด้านประสิทธิภาพของการให้บริการ ได้แก่ จำนวนบุคลากรที่ให้บริการมีความเหมาะสมในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า และการไม่มีข้อเรียกร้องจากผู้มาใช้บริการ, ด้านการสร้างการรับรู้ในกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ ความภักดีของลูกค้าในการกลับมาใช้บริการซ้า และคุณภาพและมาตรฐานในการให้บริการ, ด้านผลิตภาพและประสิทธิภาพของพนักงาน ได้แก่ ความเต็มใจและความกระตือรือร้นในการปฏิบัติงาน และความจงรักภักดีต่อองค์กร และด้านภาพลักษณ์ที่ดีของธุรกิจ ได้แก่ ภาพสะท้อนถึงระบบบริหารจัดการบุคลากร (ผู้บริหารและพนักงาน) และการทาประโยชน์ให้กับสาธารณะ และผลการสร้างแบบจาลองปัจจัยที่ส่งผลต่อความสาเร็จของการจัดการธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทย พบว่า ปัจจัยโครงสร้างองค์กร ปัจจัยระบบปฏิบัติงาน ปัจจัยการจัดการบุคคล ปัจจัยส่วนประสมการตลาด และปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกมีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ของการ
ดาเนินธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทยดังนั้นผู้ประกอบการ/ผู้บริหารธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถที่จะนาผลการศึกษาวิจัยครั้งนี้ไปประยุกต์ใช้ในการพิจารณาขยายการลงทุนและพัฒนาตลาดธุรกิจที่พักอาศัยผู้สูงอายุในประเทศไทยที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมได้อย่างประสบความสาเร็จCurricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27263 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000594828 SIU THE-T: SOM-DBA-2017-02 c.1 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available 32002000594810 SIU THE-T: SOM-DBA-2017-02 c.2 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัญหาการปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี / ศักดิ์ชาย เจริญขุน / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัญหาการปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี Original title : Problems in Crime Suppression of Boh Phud Police Station, Samui Island, Suratthani Province Material Type: printed text Authors: ศักดิ์ชาย เจริญขุน, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: vii, 80 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-37
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงาน
[LCSH]อาชญากรรม -- การป้องกันและควบคุม
[LCSH]อาชญากรรม -- สุราษฎร์ธานีKeywords: ปราบปรามอาชญากรรม,
ปัญหาAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาระดับปัญหาที่เกิดจากการปราบปรามอาชญากรรม และศึกษาแนวทางในการแก้ไขปัญหาการปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรบ่อผุด กลุ่มตัวอย่าง คือ ข้าราชการตำรวจ สถานีตำรวจภูธรบ่อผุด จำนวน 135 นาย ใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล ใช้สถิติเชิงพรรณาและสถิติเชิงอนุมานในการวิเคราะห์ข้อมูลและทดสอบสมมุติฐาน
ผลการวิจัยพบว่า ปัญหาการปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านการจัดการ ด้านงบประมาณ ด้านวัสดุอุปกรณ์ และ ด้านบุคลากรเมื่อพิจารณาด้านบุคลากร เป็นรายข้อ พบว่า การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหรือสถานการณ์วิกฤตอยู่ในระดับสูงที่สุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ กำลังคนที่ได้รับการพัฒนา เมื่อพิจารณาด้านงบประมาณเป็นรายข้อ พบว่า การจัดตั้งงบประมาณ อยู่ในระดับสูงที่สุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การรายงานการเงิน สำหรับด้านวัสดุอุปกรณ์ เมื่อพิจารณาในเป็นรายข้อ พบว่า ความรวดเร็วคล่องตัวในการเบิกรับนำไปใช้อยู่ในระดับสูงที่สุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ เครื่องมือสื่อสารทันสมัย สะดวกในการใช้ สุดท้ายคือด้านการจัดการ เมื่อพิจารณาในเป็นรายข้อ พบว่า การมอบหมายงานแก่ผู้ปฏิบัติมีความเหมาะสม อยู่ในระดับสูงที่สุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การส่งเสริมความก้าวหน้าในตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27023 SIU IS-T. ปัญหาการปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี = Problems in Crime Suppression of Boh Phud Police Station, Samui Island, Suratthani Province [printed text] / ศักดิ์ชาย เจริญขุน, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - vii, 80 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-37
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงาน
[LCSH]อาชญากรรม -- การป้องกันและควบคุม
[LCSH]อาชญากรรม -- สุราษฎร์ธานีKeywords: ปราบปรามอาชญากรรม,
ปัญหาAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาระดับปัญหาที่เกิดจากการปราบปรามอาชญากรรม และศึกษาแนวทางในการแก้ไขปัญหาการปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรบ่อผุด กลุ่มตัวอย่าง คือ ข้าราชการตำรวจ สถานีตำรวจภูธรบ่อผุด จำนวน 135 นาย ใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล ใช้สถิติเชิงพรรณาและสถิติเชิงอนุมานในการวิเคราะห์ข้อมูลและทดสอบสมมุติฐาน
ผลการวิจัยพบว่า ปัญหาการปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านการจัดการ ด้านงบประมาณ ด้านวัสดุอุปกรณ์ และ ด้านบุคลากรเมื่อพิจารณาด้านบุคลากร เป็นรายข้อ พบว่า การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหรือสถานการณ์วิกฤตอยู่ในระดับสูงที่สุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ กำลังคนที่ได้รับการพัฒนา เมื่อพิจารณาด้านงบประมาณเป็นรายข้อ พบว่า การจัดตั้งงบประมาณ อยู่ในระดับสูงที่สุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การรายงานการเงิน สำหรับด้านวัสดุอุปกรณ์ เมื่อพิจารณาในเป็นรายข้อ พบว่า ความรวดเร็วคล่องตัวในการเบิกรับนำไปใช้อยู่ในระดับสูงที่สุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ เครื่องมือสื่อสารทันสมัย สะดวกในการใช้ สุดท้ายคือด้านการจัดการ เมื่อพิจารณาในเป็นรายข้อ พบว่า การมอบหมายงานแก่ผู้ปฏิบัติมีความเหมาะสม อยู่ในระดับสูงที่สุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การส่งเสริมความก้าวหน้าในตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27023 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000594216 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-37 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000594257 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-37 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยของอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาเกาะเต่า / พงศกร ลวนานนท์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยของอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาเกาะเต่า Original title : Problem and Obstacle in Sufferers Rescue Operation of Khuson Shatta Foundation’s Volunteers, Koh Tao, Suratthani Province Material Type: printed text Authors: พงศกร ลวนานนท์, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: vii, 85 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-36
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การทำงาน
[LCSH]อาสาสมัครKeywords: การกู้ภัย,
การปฏิบัติงาน,
เกาะเต่า,
ปัญหาและอุปสรรค,
อาสาสมัครAbstract: วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้คือเพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการ ปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยของอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากอาสาสมัครมูลนิธิจำนวน 87 คน ใช้สถิติเชิงพรรณนาในการวิเคราะห์ข้อมูลประชากรศาสตร์และพฤติกรรมและใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของตัวแปรและทดสอบสมมุติฐาน
ผลการวิจัยพบว่า ปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยของอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาเกาะเต่าทุกด้านอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ด้านการจัดองค์การ รองลงมาได้แก่ ด้านงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์ ด้านการสนับสนุนช่วยเหลือ และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือด้านบุคลากร เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน การจัดการองค์การ อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายสถาณการณ์ พบว่า การมอบอำนาจการตัดสินใจแก่ผู้ปฏิบัติเป็นอุปสรรคระดับสูงสุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การแจ้งและรายงานผลการปฏิบัติงาน นอกจากนี้พบว่า การรับสมัคร และการคัดเลือกคนเข้ามาเป็นอาสาสมัคร มีอุปสรรคอยู่ในระดับสูงที่สุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การสร้างระบบการทำงานเป็นทีม ด้านการสนับสนุนช่วยเหลืออยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า การดำเนินการกู้ภัยระหว่างอาสาสมัครมูลนิธิอื่นอยู่ในระดับสูงสุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การส่งต่อผู้ประสบเหตุไปยังหน่วยงานอื่น ด้านงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์อยู่ในระดับมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดหาอุปกรณ์กู้ภัยและการปฐมพยาบาลอยู่ในระดับสูงสุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การบำรุงรักษาซ่อมแซมอุปกรณ์กู้ภัยและการปฐมพยาบาล ท้ายสุดผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบระดับปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยของอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธา เกาะเต่า พบว่าอาสาสมัครที่มีประชากรศาสตร์แตกต่างกัน มีปัญหาและอุปสรรคในการทำงานไม่แตกต่างกันCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27029 SIU IS-T. ปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยของอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาเกาะเต่า = Problem and Obstacle in Sufferers Rescue Operation of Khuson Shatta Foundation’s Volunteers, Koh Tao, Suratthani Province [printed text] / พงศกร ลวนานนท์, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - vii, 85 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-36
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การทำงาน
[LCSH]อาสาสมัครKeywords: การกู้ภัย,
การปฏิบัติงาน,
เกาะเต่า,
ปัญหาและอุปสรรค,
อาสาสมัครAbstract: วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้คือเพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการ ปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยของอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากอาสาสมัครมูลนิธิจำนวน 87 คน ใช้สถิติเชิงพรรณนาในการวิเคราะห์ข้อมูลประชากรศาสตร์และพฤติกรรมและใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของตัวแปรและทดสอบสมมุติฐาน
ผลการวิจัยพบว่า ปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยของอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาเกาะเต่าทุกด้านอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ด้านการจัดองค์การ รองลงมาได้แก่ ด้านงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์ ด้านการสนับสนุนช่วยเหลือ และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือด้านบุคลากร เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน การจัดการองค์การ อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายสถาณการณ์ พบว่า การมอบอำนาจการตัดสินใจแก่ผู้ปฏิบัติเป็นอุปสรรคระดับสูงสุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การแจ้งและรายงานผลการปฏิบัติงาน นอกจากนี้พบว่า การรับสมัคร และการคัดเลือกคนเข้ามาเป็นอาสาสมัคร มีอุปสรรคอยู่ในระดับสูงที่สุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การสร้างระบบการทำงานเป็นทีม ด้านการสนับสนุนช่วยเหลืออยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า การดำเนินการกู้ภัยระหว่างอาสาสมัครมูลนิธิอื่นอยู่ในระดับสูงสุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การส่งต่อผู้ประสบเหตุไปยังหน่วยงานอื่น ด้านงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์อยู่ในระดับมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดหาอุปกรณ์กู้ภัยและการปฐมพยาบาลอยู่ในระดับสูงสุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การบำรุงรักษาซ่อมแซมอุปกรณ์กู้ภัยและการปฐมพยาบาล ท้ายสุดผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบระดับปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยของอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธา เกาะเต่า พบว่าอาสาสมัครที่มีประชากรศาสตร์แตกต่างกัน มีปัญหาและอุปสรรคในการทำงานไม่แตกต่างกันCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27029 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000594331 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-36 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000594323 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-36 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ / นาคิน จันทร์แก้ว / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ Original title : Obstacles in Job Performing of Volunteer Home Guards under Krabi Provincial Police’s Supervision Material Type: printed text Authors: นาคิน จันทร์แก้ว, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; ประยุทธ์ สวัสดิ์เรียวกุล, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: vii, 74 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-24
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การทำงาน
[LCSH]อาสาสมัคร -- กระบี่Keywords: อาสาสมัครตำรวจบ้าน Abstract: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อทราบระดับปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ 2) เพื่อเปรียบเทียบปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพ อาชีพ และประสบการณ์ 3) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะและแนวทางการแก้ปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ โดยใช้แบบสอบถามเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างอาสาสมัครตำรวจบ้านที่ปฏิบัติงาน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ จำนวน 171 คน สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าแจกแจงความถี่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสถิติ ทดสอบที และค่าสถิติทดสอบเอฟ วิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One-Way ANOVA) และเปรียบเทียบรายคู่ด้วยวิธีการของ Scheffe
ผลการศึกษาพบว่า ปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ จำแนกเป็นรายด้านทุกด้านอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ด้านการสนับสนุนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รองลงมา ได้แก่ ด้านขวัญกำลังใจ ด้านตัวอาสาสมัคร และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมขน วิเคราะห์เปรียบเทียบปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ แยกตามประสบการณ์ โดยการทดสอบค่าที (T-test) พบว่า ปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้านโดยภาพรวม ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แยกตามอายุ ระดับการศึกษา สถานภาพ อาชีพ โดยการทดสอบค่าเอฟ (F-test) จำแนกตามอายุ สถานภาพ และอาชีพ โดยภาพรวมและรายด้านไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จำแนกตามระดับการศึกษา โดยรวมมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05และข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหา พบว่า ควรจัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ควรจัดกิจกรรมพบปะสังสรรค์ระหว่างอาสาสมัครตำรวจบ้านเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน ควรสร้างจิตสำนึกในความเป็นเจ้าของ รักชุมชน และมีความรู้สึกเป็นเจ้าของชุมชนCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26829 SIU IS-T. ปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ = Obstacles in Job Performing of Volunteer Home Guards under Krabi Provincial Police’s Supervision [printed text] / นาคิน จันทร์แก้ว, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; ประยุทธ์ สวัสดิ์เรียวกุล, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - vii, 74 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-24
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การทำงาน
[LCSH]อาสาสมัคร -- กระบี่Keywords: อาสาสมัครตำรวจบ้าน Abstract: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อทราบระดับปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ 2) เพื่อเปรียบเทียบปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพ อาชีพ และประสบการณ์ 3) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะและแนวทางการแก้ปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ โดยใช้แบบสอบถามเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างอาสาสมัครตำรวจบ้านที่ปฏิบัติงาน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ จำนวน 171 คน สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าแจกแจงความถี่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสถิติ ทดสอบที และค่าสถิติทดสอบเอฟ วิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One-Way ANOVA) และเปรียบเทียบรายคู่ด้วยวิธีการของ Scheffe
ผลการศึกษาพบว่า ปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ จำแนกเป็นรายด้านทุกด้านอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ด้านการสนับสนุนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รองลงมา ได้แก่ ด้านขวัญกำลังใจ ด้านตัวอาสาสมัคร และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมขน วิเคราะห์เปรียบเทียบปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ แยกตามประสบการณ์ โดยการทดสอบค่าที (T-test) พบว่า ปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้านโดยภาพรวม ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แยกตามอายุ ระดับการศึกษา สถานภาพ อาชีพ โดยการทดสอบค่าเอฟ (F-test) จำแนกตามอายุ สถานภาพ และอาชีพ โดยภาพรวมและรายด้านไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จำแนกตามระดับการศึกษา โดยรวมมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05และข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหา พบว่า ควรจัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ควรจัดกิจกรรมพบปะสังสรรค์ระหว่างอาสาสมัครตำรวจบ้านเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน ควรสร้างจิตสำนึกในความเป็นเจ้าของ รักชุมชน และมีความรู้สึกเป็นเจ้าของชุมชนCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26829 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000593622 SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-24 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000593614 SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-24 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ ในกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 8 / โกสินทร์ ชื่นชม / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2014
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ ในกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 8 Original title : Challenges Faced by Police Officers in Performing Duties in Provincial Investigation Division 8 Material Type: printed text Authors: โกสินทร์ ชื่นชม, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2014 Pagination: viii, 81 หน้า Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-27
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ตำรวจ -- การทำงาน
[LCSH]ตำรวจ -- ไทยKeywords: ปัญหาที่ในการปฏิบัติหน้าที่ ข้าราชการตำรวจในกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธร Abstract: การศึกษาเรื่อง “ปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ ในกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธร ภาค 8” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจในกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธร ภาค 8 และเพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่สงผลต่อระดับปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจในกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธร ภาค 8 Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26114 SIU IS-T. ปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ ในกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 8 = Challenges Faced by Police Officers in Performing Duties in Provincial Investigation Division 8 [printed text] / โกสินทร์ ชื่นชม, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014 . - viii, 81 หน้า : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-27
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ตำรวจ -- การทำงาน
[LCSH]ตำรวจ -- ไทยKeywords: ปัญหาที่ในการปฏิบัติหน้าที่ ข้าราชการตำรวจในกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธร Abstract: การศึกษาเรื่อง “ปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ ในกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธร ภาค 8” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจในกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธร ภาค 8 และเพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่สงผลต่อระดับปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจในกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธร ภาค 8 Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26114 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000590313 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-27 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000590297 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-27 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU THE-T. ผลกระทบของปัญญาประดิษฐ์ต่อผู้ใช้บริการทางด้านการเงินของธนาคารพาณิชย์ไทย กรณีศึกษาเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล / ไตรรัตน์ ธนะประกอบกรณ์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2019
Collection Title: SIU THE-T Title : ผลกระทบของปัญญาประดิษฐ์ต่อผู้ใช้บริการทางด้านการเงินของธนาคารพาณิชย์ไทย กรณีศึกษาเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล Original title : The Influence of Artificial Intelligence on Customers of Thai Commercial Banks: A Case Study of Customers in Bangkok Metropolitan Area Material Type: printed text Authors: ไตรรัตน์ ธนะประกอบกรณ์, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; อุษณีษ์ เสวกวัชรี, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2019 Pagination: xxvii, 312 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 บาท General note: SIU THE-T: SOM-DBA-2019-04
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2562Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ธนาคารพาณิชย์ -- ไทย -- กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
[LCSH]ปัญญาประดิษฐ์ -- ผลกระทบ
[LCSH]พฤติกรรมผู้บริโภคKeywords: ทัศนคติ, พฤติกรรมการใช้บริการ, คุณภาพบริการ, ผลิตภัณฑ์/บริการ,
ผลกระทบของปัญญาประดิษฐ์Abstract: การวิจัยเชิงสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยด้านทัศนคติ ปัจจัยพฤติกรรมการใช้บริการ ปัจจัยคุณภาพบริการ ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์/บริการ และผลกระทบของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการให้บริการทางด้านการเงินกับผู้ใช้บริการ 2) เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบของปัจจัยด้านทัศนคติ ปัจจัยพฤติกรรมการใช้บริการ ปัจจัยคุณภาพบริการ ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์/บริการที่มีต่อการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการให้บริการทางด้านการเงินกับผู้ใช้บริการ โดยใช้เทคนิคการวิจัยเชิงปริมาณ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือแบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .93 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือผู้ใช้บริการธนาคารพาณิชย์ไทยเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 405 คน ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ประกอบด้วย สถิติเชิงพรรณนา และสถิติเชิงอนุมาน คือ การวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นแบบพหุ (Multiple Linear Regression Analysis) เพื่อทดสอบสมมติฐาน
ผลการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ใช้บริการธนาคารพาณิชย์ไทยเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 31-40 ปี ระดับการศึกษาส่วนใหญ่ปริญญาโท อาชีพส่วนใหญ่เป็นเจ้าของกิจการ/ธุรกิจส่วนตัว ระดับรายได้เฉลี่ยต่อเดือนส่วนใหญ่ 30,001-40,000 บาท ธนาคารพาณิชย์ไทยที่ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และประเภทของบริการทางด้านการเงินที่ใช้บริการ ส่วนใหญ่โอนเงินระหว่างบัญชี นอกเหนือจากการใช้บริการที่เคาน์เตอร์ธนาคาร ช่องทางการให้บริการทางด้านการเงินอื่นที่ท่านใช้บริการ ส่วนใหญ่ผ่านช่องทางเครื่องเอทีเอ็ม รองลงมาโทรศัพท์เคลื่อนที่
ผลการทดสอบสมมติฐานการวิจัย พบว่า 1) ปัจจัยด้านทัศนคติ 2) ปัจจัยพฤติกรรมการใช้บริการ3) ปัจจัยคุณภาพบริการ และ 4) ปัจจัยผลิตภัณฑ์/บริการมีอิทธิพลต่อผลกระทบของปัญญาประดิษฐ์ที่มีต่อผู้ใช้บริการทางด้านการเงินของธนาคารพาณิชย์ไทย กรณีศึกษาเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ดังนั้นสถาบันการเงินสามารถนำผลการศึกษาวิจัยครั้งนี้ไปประยุกต์ใช้ในการพิจารณาวางแผนแก้ไข และพัฒนาการออกแบบกลยุทธ์ทางการตลาดที่เป็นการขยายช่องทางการให้บริการทางการเงินที่สามารถตอบสนองความพึงพอใจให้กับลูกค้าผู้ใช้บริการได้อย่างทั่วถึงและสอดคล้องกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมได้อย่างยั่งยืนCurricular : BBA/GE/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27933 SIU THE-T. ผลกระทบของปัญญาประดิษฐ์ต่อผู้ใช้บริการทางด้านการเงินของธนาคารพาณิชย์ไทย กรณีศึกษาเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล = The Influence of Artificial Intelligence on Customers of Thai Commercial Banks: A Case Study of Customers in Bangkok Metropolitan Area [printed text] / ไตรรัตน์ ธนะประกอบกรณ์, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; อุษณีษ์ เสวกวัชรี, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2019 . - xxvii, 312 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00 บาท
SIU THE-T: SOM-DBA-2019-04
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2562
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ธนาคารพาณิชย์ -- ไทย -- กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
[LCSH]ปัญญาประดิษฐ์ -- ผลกระทบ
[LCSH]พฤติกรรมผู้บริโภคKeywords: ทัศนคติ, พฤติกรรมการใช้บริการ, คุณภาพบริการ, ผลิตภัณฑ์/บริการ,
ผลกระทบของปัญญาประดิษฐ์Abstract: การวิจัยเชิงสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยด้านทัศนคติ ปัจจัยพฤติกรรมการใช้บริการ ปัจจัยคุณภาพบริการ ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์/บริการ และผลกระทบของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการให้บริการทางด้านการเงินกับผู้ใช้บริการ 2) เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบของปัจจัยด้านทัศนคติ ปัจจัยพฤติกรรมการใช้บริการ ปัจจัยคุณภาพบริการ ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์/บริการที่มีต่อการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการให้บริการทางด้านการเงินกับผู้ใช้บริการ โดยใช้เทคนิคการวิจัยเชิงปริมาณ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือแบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .93 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือผู้ใช้บริการธนาคารพาณิชย์ไทยเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 405 คน ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ประกอบด้วย สถิติเชิงพรรณนา และสถิติเชิงอนุมาน คือ การวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นแบบพหุ (Multiple Linear Regression Analysis) เพื่อทดสอบสมมติฐาน
ผลการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ใช้บริการธนาคารพาณิชย์ไทยเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 31-40 ปี ระดับการศึกษาส่วนใหญ่ปริญญาโท อาชีพส่วนใหญ่เป็นเจ้าของกิจการ/ธุรกิจส่วนตัว ระดับรายได้เฉลี่ยต่อเดือนส่วนใหญ่ 30,001-40,000 บาท ธนาคารพาณิชย์ไทยที่ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และประเภทของบริการทางด้านการเงินที่ใช้บริการ ส่วนใหญ่โอนเงินระหว่างบัญชี นอกเหนือจากการใช้บริการที่เคาน์เตอร์ธนาคาร ช่องทางการให้บริการทางด้านการเงินอื่นที่ท่านใช้บริการ ส่วนใหญ่ผ่านช่องทางเครื่องเอทีเอ็ม รองลงมาโทรศัพท์เคลื่อนที่
ผลการทดสอบสมมติฐานการวิจัย พบว่า 1) ปัจจัยด้านทัศนคติ 2) ปัจจัยพฤติกรรมการใช้บริการ3) ปัจจัยคุณภาพบริการ และ 4) ปัจจัยผลิตภัณฑ์/บริการมีอิทธิพลต่อผลกระทบของปัญญาประดิษฐ์ที่มีต่อผู้ใช้บริการทางด้านการเงินของธนาคารพาณิชย์ไทย กรณีศึกษาเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ดังนั้นสถาบันการเงินสามารถนำผลการศึกษาวิจัยครั้งนี้ไปประยุกต์ใช้ในการพิจารณาวางแผนแก้ไข และพัฒนาการออกแบบกลยุทธ์ทางการตลาดที่เป็นการขยายช่องทางการให้บริการทางการเงินที่สามารถตอบสนองความพึงพอใจให้กับลูกค้าผู้ใช้บริการได้อย่างทั่วถึงและสอดคล้องกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมได้อย่างยั่งยืนCurricular : BBA/GE/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27933 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000607978 SIU THE-T: SOM-DBA-2019-04 c.2 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available 32002000607977 SIU THE-T: SOM-DBA-2019-04 c.1 SIU Thesis and Dissertation Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ผลสัมฤทธิ์ของโครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ กรณีศึกษา เทศบาลตำบลป่างิ้ว จังหวัดเชียงราย / เบญจวรรณ สดีคำ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2014
Collection Title: SIU IS-T Title : ผลสัมฤทธิ์ของโครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ กรณีศึกษา เทศบาลตำบลป่างิ้ว จังหวัดเชียงราย Original title : Performance of the Welfare Fund for the Elderly, Pa Ngiu Subdistrict, Chiang Rai Province Material Type: printed text Authors: เบญจวรรณ สดีคำ, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2014 Pagination: vii, 67 หน้า Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-08
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ผู้สูงอายุ -- ไทย
[LCSH]เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ -- ฐานข้อมูลKeywords: ผลสัมฤทธิ์
โครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุAbstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ผลสัมฤทธิ์ของโครงการต่อระดับการใช้จ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2) ระดับการใช้จ่ายเงินจากโครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุของผู้สูงอายุ กลุ่มตัวอย่างในการศึกษา คือ ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จากเทศบาลตำบาลป่างิ้ว จังหวัดเชียงราย โดยวิธีรับเงินสด Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26083 SIU IS-T. ผลสัมฤทธิ์ของโครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ กรณีศึกษา เทศบาลตำบลป่างิ้ว จังหวัดเชียงราย = Performance of the Welfare Fund for the Elderly, Pa Ngiu Subdistrict, Chiang Rai Province [printed text] / เบญจวรรณ สดีคำ, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014 . - vii, 67 หน้า : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-08
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ผู้สูงอายุ -- ไทย
[LCSH]เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ -- ฐานข้อมูลKeywords: ผลสัมฤทธิ์
โครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุAbstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ผลสัมฤทธิ์ของโครงการต่อระดับการใช้จ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2) ระดับการใช้จ่ายเงินจากโครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุของผู้สูงอายุ กลุ่มตัวอย่างในการศึกษา คือ ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จากเทศบาลตำบาลป่างิ้ว จังหวัดเชียงราย โดยวิธีรับเงินสด Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26083 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000506889 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-08 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available 32002000590032 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-08 c.2 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ภาวะผู้นำของเจ้าอาวาสในอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี / พระครูวินัยธรองค์การ สิริปญฺโญ (ศิริศักดิ์) / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2015
Collection Title: SIU IS-T Title : ภาวะผู้นำของเจ้าอาวาสในอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี Original title : Leadership of Buddhist Temple Abbots in Meung District, Surattani Province Material Type: printed text Authors: พระครูวินัยธรองค์การ สิริปญฺโญ (ศิริศักดิ์), Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2015 Pagination: vii, 75 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2015-05
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2015.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ภาวะผู้นำ -- แง่ศาสนา -- พุทธศาสนา
[LCSH]วัด -- การบริหารKeywords: เจ้าอาวาสวัด,
ผู้นับถือศาสนาพุทธ,
ภาวะผู้นำ,
วัดAbstract: การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความคิดเห็นของพระสงฆ์ที่มีต่อภาวะผู้นำของเจ้าอาวาสวัดในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเพื่อศึกษาข้อเสนอแนะ ในการบริหารงานในวัดของภาวะผู้นำของเจ้าอาวาสวัดในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี กลุ่มตัวอย่างได้แก่ พระภิกษุในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 337 รูป เครื่องมือที่ใช้ เป็นแบบสอบถามวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนแบบมาตรฐาน
ผลของการวิจัย พบว่า พระภิกษุในอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นำของเจ้าอาวาสวัด โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน เรียงลำดับค่าเฉลี่ย จากมากไปหาน้อย ได้แก่ คุณลักษณะภาวะผู้นำเจ้าอาวาส การพัฒนาวัดด้านศาสนบุคคล การพัฒนาวัดด้านวัตถุ การพัฒนาวัดด้านศาสนพิธี สำหรับข้อเสนอแนะ พบว่า เจ้าอาวาสวัดควรที่ใช้คำพูดที่นิ่มนวล ปิยะวาจา ต้องรู้จักว่าเวลาไหนควรพูดเวลาไหนไม่ควรพูด ควรออกกฎระเบียบในการบวชการปฏิบัติถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา ควรวางกฎระเบียบกติกาอย่างเคร่งครัด ควรจะศึกษาและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ก่อนที่จะลงมือก่อสร้างให้สอดคล้องกับศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ควรจะรณรงค์ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนได้เห็นความสำคัญ หรือมีความตระหนักในฐานะที่เป็นชาวพุทธCurricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26659 SIU IS-T. ภาวะผู้นำของเจ้าอาวาสในอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี = Leadership of Buddhist Temple Abbots in Meung District, Surattani Province [printed text] / พระครูวินัยธรองค์การ สิริปญฺโญ (ศิริศักดิ์), Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2015 . - vii, 75 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2015-05
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2015.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ภาวะผู้นำ -- แง่ศาสนา -- พุทธศาสนา
[LCSH]วัด -- การบริหารKeywords: เจ้าอาวาสวัด,
ผู้นับถือศาสนาพุทธ,
ภาวะผู้นำ,
วัดAbstract: การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความคิดเห็นของพระสงฆ์ที่มีต่อภาวะผู้นำของเจ้าอาวาสวัดในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเพื่อศึกษาข้อเสนอแนะ ในการบริหารงานในวัดของภาวะผู้นำของเจ้าอาวาสวัดในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี กลุ่มตัวอย่างได้แก่ พระภิกษุในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 337 รูป เครื่องมือที่ใช้ เป็นแบบสอบถามวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนแบบมาตรฐาน
ผลของการวิจัย พบว่า พระภิกษุในอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นำของเจ้าอาวาสวัด โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน เรียงลำดับค่าเฉลี่ย จากมากไปหาน้อย ได้แก่ คุณลักษณะภาวะผู้นำเจ้าอาวาส การพัฒนาวัดด้านศาสนบุคคล การพัฒนาวัดด้านวัตถุ การพัฒนาวัดด้านศาสนพิธี สำหรับข้อเสนอแนะ พบว่า เจ้าอาวาสวัดควรที่ใช้คำพูดที่นิ่มนวล ปิยะวาจา ต้องรู้จักว่าเวลาไหนควรพูดเวลาไหนไม่ควรพูด ควรออกกฎระเบียบในการบวชการปฏิบัติถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา ควรวางกฎระเบียบกติกาอย่างเคร่งครัด ควรจะศึกษาและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ก่อนที่จะลงมือก่อสร้างให้สอดคล้องกับศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ควรจะรณรงค์ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนได้เห็นความสำคัญ หรือมีความตระหนักในฐานะที่เป็นชาวพุทธCurricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26659 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000593143 SIU IS-T: IPAG-MPA-2015-05 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000593119 SIU IS-T: IPAG-MPA-2015-05 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU THE-T. มโนทัศน์การเพิ่มประโยชน์เชิงพาณิชย์ สนามบินภาครัฐ: ท่าอากาศยานเพชรบูรณ์ / ณัฐพัชร์ เรืองมณีญาต์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2019
Collection Title: SIU THE-T Title : มโนทัศน์การเพิ่มประโยชน์เชิงพาณิชย์ สนามบินภาครัฐ: ท่าอากาศยานเพชรบูรณ์ Original title : The Concept Formation of Increased Utilization of Government Airports Design Toward on Phetchabun Airport Material Type: printed text Authors: ณัฐพัชร์ เรืองมณีญาต์, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; เฟื่องฟ้า อัมพรสถิร, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2019 Pagination: xv, 321 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 บาท General note: SIU THE-T: SOM-DBA-2019-05
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2562Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]สนามบิน -- ไทย -- เพชรบูรณ์
[LCSH]อุตสาหกรรมการบินKeywords: การเพิ่มประโยชน์เชิงพาณิชย์ของสนามบินภาครัฐ, ความพร้อมรองรับอุตสาหกรรมการบิน, กิจการการบินทั่วไป, สนามบินเพชรบูรณ์ Abstract: การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลกระทบและศึกษามโนทัศน์ของการเพิ่มประโยชน์เชิงพาณิชย์ของสนามบินภาครัฐ : ท่าอากาศยานเพชรบูรณ์และนำผลการศึกษาที่ได้มานำเสนอมโนทัศน์ของการเพิ่มประโยชน์เชิงพาณิชย์ของสนามบินภาครัฐ ฯ โดยใช้การศึกษาด้วยวิธีวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods Research) ในระยะแรกของการศึกษาจะใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) เพื่อให้ได้ผลไปกำหนดเป็นปัญหาและสมมุติฐานการวิจัย ในการทดสอบหาคำตอบด้วยวิธีการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) จากนั้นจึงนำคำตอบที่ได้ไปสรุปตีความเพื่อเสริมผลการวิจัยเชิงคุณภาพข้างต้น โดยสอบถามความเห็นกับกลุ่มบุคคลที่ปฏิบัติงานหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับสนามบินเพชรบูรณ์ ได้แก่ กลุ่มผู้กำหนดนโยบาย (Policy Maker), กลุ่มผู้กำกับดูแล (Regulator), กลุ่มผู้ประกอบการ (Operator) และกลุ่มภาคประชาชนในจังหวัดเพชรบูรณ์ที่อาศัยรอบสนามบินเพชรบูรณ์
ผลการวิจัย พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสําเร็จของการเพิ่มประโยชน์เชิงพาณิชย์สนามบินภาครัฐ ประกอบด้วย 1) ปัจจัยความพร้อมรองรับอุตสาหกรรมการบิน 2) ปัจจัยการตลาดและบริการด้านบุคคล 3) ปัจจัยการบริหารจัดการสนามบินภูมิภาคจากส่วนกลางของหน่วยงานภาครัฐทั้งระบบ 4) ปัจจัยการบริหารจัดการสนามบินภูมิภาคจากการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน 5) ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกด้านการเมือง และ 6) ปัจจัยการตลาดและบริการด้านลักษณะทางกายภาพ ซึ่งหน่วยงานภาครัฐโดยเฉพาะกรมท่าอากาศยาน สามารถนําข้อค้นพบที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการเพิ่มประโยชน์เชิงพาณิชย์ของสนามบินภาครัฐอื่นๆ ในการกำกับดูแลให้มีความคุ้มค่าในการใช้งานเพิ่มมากขึ้นภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลตามความเหมาะสม ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้กิจการด้านการบินของประเทศมีความเจริญก้าวหน้าได้ต่อไปCurricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27937 SIU THE-T. มโนทัศน์การเพิ่มประโยชน์เชิงพาณิชย์ สนามบินภาครัฐ: ท่าอากาศยานเพชรบูรณ์ = The Concept Formation of Increased Utilization of Government Airports Design Toward on Phetchabun Airport [printed text] / ณัฐพัชร์ เรืองมณีญาต์, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; เฟื่องฟ้า อัมพรสถิร, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2019 . - xv, 321 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00 บาท
SIU THE-T: SOM-DBA-2019-05
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2562
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]สนามบิน -- ไทย -- เพชรบูรณ์
[LCSH]อุตสาหกรรมการบินKeywords: การเพิ่มประโยชน์เชิงพาณิชย์ของสนามบินภาครัฐ, ความพร้อมรองรับอุตสาหกรรมการบิน, กิจการการบินทั่วไป, สนามบินเพชรบูรณ์ Abstract: การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลกระทบและศึกษามโนทัศน์ของการเพิ่มประโยชน์เชิงพาณิชย์ของสนามบินภาครัฐ : ท่าอากาศยานเพชรบูรณ์และนำผลการศึกษาที่ได้มานำเสนอมโนทัศน์ของการเพิ่มประโยชน์เชิงพาณิชย์ของสนามบินภาครัฐ ฯ โดยใช้การศึกษาด้วยวิธีวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods Research) ในระยะแรกของการศึกษาจะใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) เพื่อให้ได้ผลไปกำหนดเป็นปัญหาและสมมุติฐานการวิจัย ในการทดสอบหาคำตอบด้วยวิธีการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) จากนั้นจึงนำคำตอบที่ได้ไปสรุปตีความเพื่อเสริมผลการวิจัยเชิงคุณภาพข้างต้น โดยสอบถามความเห็นกับกลุ่มบุคคลที่ปฏิบัติงานหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับสนามบินเพชรบูรณ์ ได้แก่ กลุ่มผู้กำหนดนโยบาย (Policy Maker), กลุ่มผู้กำกับดูแล (Regulator), กลุ่มผู้ประกอบการ (Operator) และกลุ่มภาคประชาชนในจังหวัดเพชรบูรณ์ที่อาศัยรอบสนามบินเพชรบูรณ์
ผลการวิจัย พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสําเร็จของการเพิ่มประโยชน์เชิงพาณิชย์สนามบินภาครัฐ ประกอบด้วย 1) ปัจจัยความพร้อมรองรับอุตสาหกรรมการบิน 2) ปัจจัยการตลาดและบริการด้านบุคคล 3) ปัจจัยการบริหารจัดการสนามบินภูมิภาคจากส่วนกลางของหน่วยงานภาครัฐทั้งระบบ 4) ปัจจัยการบริหารจัดการสนามบินภูมิภาคจากการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน 5) ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกด้านการเมือง และ 6) ปัจจัยการตลาดและบริการด้านลักษณะทางกายภาพ ซึ่งหน่วยงานภาครัฐโดยเฉพาะกรมท่าอากาศยาน สามารถนําข้อค้นพบที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการเพิ่มประโยชน์เชิงพาณิชย์ของสนามบินภาครัฐอื่นๆ ในการกำกับดูแลให้มีความคุ้มค่าในการใช้งานเพิ่มมากขึ้นภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลตามความเหมาะสม ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้กิจการด้านการบินของประเทศมีความเจริญก้าวหน้าได้ต่อไปCurricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27937