From this page you can:
Home |
Publisher details
Publisher
located at
Available items(s) from this publisher
Add the result to your basket Make a suggestion Refine your search Apply to external sourcesSIU RS-T. วิเคราะห์ทางเลือกยานยนต์สำหรับบริการขนส่งสินค้า เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์ / นราธิป มาตราช / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2014
Collection Title: SIU RS-T Title : วิเคราะห์ทางเลือกยานยนต์สำหรับบริการขนส่งสินค้า เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์ Original title : An Analysis of Alternative Vehicles for Freight Service in Increasing Economic Value Material Type: printed text Authors: นราธิป มาตราช, Author ; ชัญญา โภคะสุวรรณ, Associated Name ; ปิยพร ณ นคร, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2014 Pagination: ix, 125 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU RS-T: SOMT-MSMT-2014-09
RS-T. [MSMT.[Management Technology]] -- Shinawatra University, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การศึกษา -- การบริการ
[LCSH]ยานยนต์
[LCSH]เศรษฐศาสตร์ -- การวิเคราะห์Keywords: การวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์,
ระยะเวลาคืนทุน,Abstract: การศึกษาวิจัยนี้ เรียบเรียงขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการหาทางเลือกที่เหมาะสมในการเลือกยานยนต์ เพื่อเพิ่มคุ้มค่าในการดำเนินธุรกิจของบริษัท เซาท์เทอร์น สตาร์ไล้ท จำกัด โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อวิเคราะห์หายานยนต์และเชื้อเพลิงที่เหมาะสมกับกับการขนส่งสินค้า ให้เกิดความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐศาสตร์และมีผลกระทบต่อระบบการดำเนินธุรกิจอย่างไร เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขได้อย่างถูกต้อง เพื่อค้นหาปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนทางด้านการขนส่งเพิ่มสูงสูงขึ้นโดยศึกษาถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาซึ่งจะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที่ศึกษากลยุทธ์ในทางปฏิบัติ ที่จะนำไปใช้ในการกำหนดแนวทางในการลดต้นทุน ผู้เรียบเรียงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการศึกษาวิจัยฉบับนี้จะมีประโยชน์ที่ได้นำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดผลดีต่อไป จากเดิมบริษัท บริษัท เซาท์เทอร์น สตาร์ไล้ท จำกัด โดยใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้า CBR 150 ชีชี โดยใช้นำมันแก๊สโซฮอล 91 (E10) พาหนะหลักในการดำเนินการออกให้บริการขนส่งสินค้าให้กับลูกค้า ภายในระยะเวลาที่ใช้งานบริษัทฯ ต้องรับภาระในค่าเชื้อเพลิง น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 (E10) ที่มีแนวโน้มราคาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และการซ่อมบำรุงรักษาในจำนวนเงินเป็นอย่างมาก และทุก 2 ปีจะต้องทำการเปลี่ยนรถจักรยานยนต์ฮอนด้า CBR คันใหม่ Curricular : BSMT/MSMT Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26230 SIU RS-T. วิเคราะห์ทางเลือกยานยนต์สำหรับบริการขนส่งสินค้า เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์ = An Analysis of Alternative Vehicles for Freight Service in Increasing Economic Value [printed text] / นราธิป มาตราช, Author ; ชัญญา โภคะสุวรรณ, Associated Name ; ปิยพร ณ นคร, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014 . - ix, 125 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU RS-T: SOMT-MSMT-2014-09
RS-T. [MSMT.[Management Technology]] -- Shinawatra University, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การศึกษา -- การบริการ
[LCSH]ยานยนต์
[LCSH]เศรษฐศาสตร์ -- การวิเคราะห์Keywords: การวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์,
ระยะเวลาคืนทุน,Abstract: การศึกษาวิจัยนี้ เรียบเรียงขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการหาทางเลือกที่เหมาะสมในการเลือกยานยนต์ เพื่อเพิ่มคุ้มค่าในการดำเนินธุรกิจของบริษัท เซาท์เทอร์น สตาร์ไล้ท จำกัด โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อวิเคราะห์หายานยนต์และเชื้อเพลิงที่เหมาะสมกับกับการขนส่งสินค้า ให้เกิดความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐศาสตร์และมีผลกระทบต่อระบบการดำเนินธุรกิจอย่างไร เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขได้อย่างถูกต้อง เพื่อค้นหาปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนทางด้านการขนส่งเพิ่มสูงสูงขึ้นโดยศึกษาถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาซึ่งจะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที่ศึกษากลยุทธ์ในทางปฏิบัติ ที่จะนำไปใช้ในการกำหนดแนวทางในการลดต้นทุน ผู้เรียบเรียงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการศึกษาวิจัยฉบับนี้จะมีประโยชน์ที่ได้นำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดผลดีต่อไป จากเดิมบริษัท บริษัท เซาท์เทอร์น สตาร์ไล้ท จำกัด โดยใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้า CBR 150 ชีชี โดยใช้นำมันแก๊สโซฮอล 91 (E10) พาหนะหลักในการดำเนินการออกให้บริการขนส่งสินค้าให้กับลูกค้า ภายในระยะเวลาที่ใช้งานบริษัทฯ ต้องรับภาระในค่าเชื้อเพลิง น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 (E10) ที่มีแนวโน้มราคาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และการซ่อมบำรุงรักษาในจำนวนเงินเป็นอย่างมาก และทุก 2 ปีจะต้องทำการเปลี่ยนรถจักรยานยนต์ฮอนด้า CBR คันใหม่ Curricular : BSMT/MSMT Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26230 Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000507044 SIU RS-T: SOMT-MSMT-2014-09 c.1 SIU Research Study Main Library Library Counter Not for loan 32002000591964 SIU RS-T: SOMT-MSMT-2014-09 c.2 SIU Research Study Main Library Library Counter Not for loan SIU RS-T. เปรียบเทียบการบริหารจัดการความสมบูรณ์ของป่าชายเลน กรณีศึกษา: ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) จังหวัดสมุทรปราการ, ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศจังหวัดชลบุรี และอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร จังหวัดเพชรบุรี / พรภัทร ลือขจร / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2014
Collection Title: SIU RS-T Title : เปรียบเทียบการบริหารจัดการความสมบูรณ์ของป่าชายเลน กรณีศึกษา: ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) จังหวัดสมุทรปราการ, ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศจังหวัดชลบุรี และอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร จังหวัดเพชรบุรี Original title : To Compare the Management of Mangrove Forests. Case Study: Green Army (Pu) Jobs, and the Nature Center, Conservation and Ecotourism. Chonburi and Sirindhorn International Environmental Park. Phetchaburi Province Material Type: printed text Authors: พรภัทร ลือขจร, Author ; ปิยพร ณ นคร, Associated Name ; ดำรง ขุมมงคล, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2014 Pagination: vii, 73 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU RS-T: SOMT-MSMT-2014-02
RS-T. [MSMT.[Management Technology]] -- Shinawatra University, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ป่าชายเลน -- การบริหาร
[LCSH]สิ่งแวดล้อม -- การจัดการKeywords: ป่าชายเลน
ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) จังหวัดสมุทรปราการ
ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ,อนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จังหวัดชลบุรี
อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร จังหวัดเพชรบุรีAbstract: การศึกษาวิจัยนี้ เรียบเรียงขึ้นเพื่อเปรียบเทียบการบริหารจัดการความสมบูรณ์ของป่าชายเลน กรณีศึกษา: ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) จังหวัดสมุทรปราการ, และศูนย์ศึกษาธรรมชาติ, อนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จังหวัดชลบุรี และอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติ สิรินธร จังหวัดเพชรบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้อ่านทราบถึงการใช้ประโยชน์ที่ดินชายฝั่งให้คุ้มค่าและยั่งยืนได้ จะต้องมีการวางแผน การบริหารจัดการอย่างเหมาะสม ชัดเจน มีแนวทางการใช้ประโยชน์ ประสานสอดคล้องกันทั้งกายภาพชีวภาพ เศรษฐกิจ-สังคม โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จึงทำให้ผู้ศึกษาสนใจที่จะศึกษาการบริหารจัดการความสมบูรณ์ของป่าชายเลน รวมทั้งเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการวางแผนการบริหารจัดการป่าชายเลนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
โดยสรุป ป่าชายเลนเป็นระบบนิเวศชายฝั่งทะเลที่มีความสำคัญ และเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยป่าชายเลนได้เอื้อประโยชน์ต่อการดำรงชีพของทั้งมนุษย์และสัตว์ ซึ่งประโยชน์ของป่าชายเลนมีด้วยกันในหลายด้าน เช่น เป็นแหล่งพลังงานและแหล่งวัตถุดิบไม้ใช้สอยและก่อสร้างในครัวเรือน เป็นแหล่งอาหารและยารักษาโรค เป็นแหล่งอาหารและแหล่งอนุบาลของสัตว์น้ำ ช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศใกล้เคียง ช่วยป้องกันการพังทลายของชายฝั่งและบรรเทาภัยพิบัติจากลมพายุ ช่วยดูดซับสิ่งปฏิกูลต่างๆ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ เป็นต้นCurricular : BSMT/MSMT Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26231 SIU RS-T. เปรียบเทียบการบริหารจัดการความสมบูรณ์ของป่าชายเลน กรณีศึกษา: ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) จังหวัดสมุทรปราการ, ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศจังหวัดชลบุรี และอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร จังหวัดเพชรบุรี = To Compare the Management of Mangrove Forests. Case Study: Green Army (Pu) Jobs, and the Nature Center, Conservation and Ecotourism. Chonburi and Sirindhorn International Environmental Park. Phetchaburi Province [printed text] / พรภัทร ลือขจร, Author ; ปิยพร ณ นคร, Associated Name ; ดำรง ขุมมงคล, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014 . - vii, 73 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU RS-T: SOMT-MSMT-2014-02
RS-T. [MSMT.[Management Technology]] -- Shinawatra University, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ป่าชายเลน -- การบริหาร
[LCSH]สิ่งแวดล้อม -- การจัดการKeywords: ป่าชายเลน
ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) จังหวัดสมุทรปราการ
ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ,อนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จังหวัดชลบุรี
อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร จังหวัดเพชรบุรีAbstract: การศึกษาวิจัยนี้ เรียบเรียงขึ้นเพื่อเปรียบเทียบการบริหารจัดการความสมบูรณ์ของป่าชายเลน กรณีศึกษา: ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) จังหวัดสมุทรปราการ, และศูนย์ศึกษาธรรมชาติ, อนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จังหวัดชลบุรี และอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติ สิรินธร จังหวัดเพชรบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้อ่านทราบถึงการใช้ประโยชน์ที่ดินชายฝั่งให้คุ้มค่าและยั่งยืนได้ จะต้องมีการวางแผน การบริหารจัดการอย่างเหมาะสม ชัดเจน มีแนวทางการใช้ประโยชน์ ประสานสอดคล้องกันทั้งกายภาพชีวภาพ เศรษฐกิจ-สังคม โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จึงทำให้ผู้ศึกษาสนใจที่จะศึกษาการบริหารจัดการความสมบูรณ์ของป่าชายเลน รวมทั้งเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการวางแผนการบริหารจัดการป่าชายเลนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
โดยสรุป ป่าชายเลนเป็นระบบนิเวศชายฝั่งทะเลที่มีความสำคัญ และเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยป่าชายเลนได้เอื้อประโยชน์ต่อการดำรงชีพของทั้งมนุษย์และสัตว์ ซึ่งประโยชน์ของป่าชายเลนมีด้วยกันในหลายด้าน เช่น เป็นแหล่งพลังงานและแหล่งวัตถุดิบไม้ใช้สอยและก่อสร้างในครัวเรือน เป็นแหล่งอาหารและยารักษาโรค เป็นแหล่งอาหารและแหล่งอนุบาลของสัตว์น้ำ ช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศใกล้เคียง ช่วยป้องกันการพังทลายของชายฝั่งและบรรเทาภัยพิบัติจากลมพายุ ช่วยดูดซับสิ่งปฏิกูลต่างๆ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ เป็นต้นCurricular : BSMT/MSMT Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26231 Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591014 SIU RS-T: SOMT-MSMT-2014-02 c.1 SIU Research Study Main Library Library Counter Not for loan 32002000591873 SIU RS-T: SOMT-MSMT-2014-02 c.2 SIU Research Study Main Library Library Counter Not for loan 32002000591907 SIU RS-T: SOMT-MSMT-2014-02 c.3 SIU Research Study Main Library Library Counter Not for loan SIU THE-T. การจัดวางทรัพยากรในองค์กรข่าวของสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลในประเทศไทย ให้สอดรับกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง / พลภฤต เรืองจรัส / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU THE-T Title : การจัดวางทรัพยากรในองค์กรข่าวของสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลในประเทศไทย ให้สอดรับกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง Original title : Managing an Enterprise Resource in News Department for Thailand Digital Television Broadcasting Business Under Changing of Technology Material Type: printed text Authors: พลภฤต เรืองจรัส, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมชาย รัตนโกมุท, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: ix, 206 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU THE-T: SOM-DBA-2016-03
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2559Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]องค์กร -- การจัดการ
[LCSH]อุตสาหกรรมโทรทัศน์ -- ประเทศไทย
[LCSH]เทคโนโลยีการสื่อสารKeywords: ทรัพยากร,
สถานีโทรทัศน์ดิจิทัล,
องค์กรข่าวในสถานีโทรทัศน์ดิจิทัล,
ผู้สื่อข่าวขององค์กรข่าวในสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลAbstract: การเปลี่ยนแปลงของระบบออกอากาศของโทรทัศน์ที่อุตสาหกรรมโทรทัศน์ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยกำลังเปลี่ยนจากระบบแอนาล็อกเข้าสู่ระบบดิจิทัล ส่งผลให้กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน์ทั้งหมดถูกเปลี่ยนไปใช้ระบบดิจิทัลหมดแล้ว ประกอบกับเทคโนโลยีการสื่อสารในปัจจุบันถูกพัฒนาไปสู่ยุค3Gและกำลังจะพัฒนาไปสู่เทคโนโลยี4จี และยุคข้อมูลข่าวสารสื่อใหม่ (New Media) ที่หลอมรวมเทคโนโลยี อย่างเช่น สื่อสังคมออนไลน์ ได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของผู้คนในสังคมหลากหลายด้าน การจัดระบบองค์กรข่าว การบริหารจัดการ และการทำงานของผู้สื่อข่าวในสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลจึงถูกกดดันให้ต้องเปลี่ยนแปลงตาม
การวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นศึกษาโครงสร้างองค์กรข่าวในสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและคุณลักษณะผู้สื่อข่าวที่ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลต้องการในการทำงานให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีใหม่ในการทำข่าว โดยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกบุคคลที่เป็นปัจจัยสำคัญประกอบด้วย 1.ผู้กำหนดนโยบายโทรคมนาคมและการสื่อสารระดับประเทศ 2.ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ดิจิทัล 3.นักวิชาการนิเทศศาสตร์ 4.ผู้สื่อข่าวในองค์กรข่าวของสถานีโทรทัศน์ดิจิทัล และ 5.ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวต่างประเทศในไทย การวิเคราะห์ข้อมูลมีทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บจากการสัมภาษณ์ และการวิเคราะห์ข้อมูลจากแนวคิดและทฤษฎี ทั้งทฤษฎีการหลอมรวมสื่อ (Media Convergence) และแนวคิดทฤษฎีการบริหารจัดการ 4M
Curricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26370 SIU THE-T. การจัดวางทรัพยากรในองค์กรข่าวของสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลในประเทศไทย ให้สอดรับกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง = Managing an Enterprise Resource in News Department for Thailand Digital Television Broadcasting Business Under Changing of Technology [printed text] / พลภฤต เรืองจรัส, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมชาย รัตนโกมุท, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - ix, 206 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU THE-T: SOM-DBA-2016-03
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2559
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]องค์กร -- การจัดการ
[LCSH]อุตสาหกรรมโทรทัศน์ -- ประเทศไทย
[LCSH]เทคโนโลยีการสื่อสารKeywords: ทรัพยากร,
สถานีโทรทัศน์ดิจิทัล,
องค์กรข่าวในสถานีโทรทัศน์ดิจิทัล,
ผู้สื่อข่าวขององค์กรข่าวในสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลAbstract: การเปลี่ยนแปลงของระบบออกอากาศของโทรทัศน์ที่อุตสาหกรรมโทรทัศน์ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยกำลังเปลี่ยนจากระบบแอนาล็อกเข้าสู่ระบบดิจิทัล ส่งผลให้กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน์ทั้งหมดถูกเปลี่ยนไปใช้ระบบดิจิทัลหมดแล้ว ประกอบกับเทคโนโลยีการสื่อสารในปัจจุบันถูกพัฒนาไปสู่ยุค3Gและกำลังจะพัฒนาไปสู่เทคโนโลยี4จี และยุคข้อมูลข่าวสารสื่อใหม่ (New Media) ที่หลอมรวมเทคโนโลยี อย่างเช่น สื่อสังคมออนไลน์ ได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของผู้คนในสังคมหลากหลายด้าน การจัดระบบองค์กรข่าว การบริหารจัดการ และการทำงานของผู้สื่อข่าวในสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลจึงถูกกดดันให้ต้องเปลี่ยนแปลงตาม
การวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นศึกษาโครงสร้างองค์กรข่าวในสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและคุณลักษณะผู้สื่อข่าวที่ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลต้องการในการทำงานให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีใหม่ในการทำข่าว โดยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกบุคคลที่เป็นปัจจัยสำคัญประกอบด้วย 1.ผู้กำหนดนโยบายโทรคมนาคมและการสื่อสารระดับประเทศ 2.ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ดิจิทัล 3.นักวิชาการนิเทศศาสตร์ 4.ผู้สื่อข่าวในองค์กรข่าวของสถานีโทรทัศน์ดิจิทัล และ 5.ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวต่างประเทศในไทย การวิเคราะห์ข้อมูลมีทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บจากการสัมภาษณ์ และการวิเคราะห์ข้อมูลจากแนวคิดและทฤษฎี ทั้งทฤษฎีการหลอมรวมสื่อ (Media Convergence) และแนวคิดทฤษฎีการบริหารจัดการ 4M
Curricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26370 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000550887 SIU THE-T: SOM-DBA-2016-03 c.1 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available 32002000550879 SIU THE-T: SOM-DBA-2016-03 c.2 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available SIU THE-T. การส่งออกยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์เข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรีย: ปัญหา อุปสรรค และบทเรียน / ถนัญรัชฏ์ แสนสุข / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU THE-T Title : การส่งออกยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์เข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรีย: ปัญหา อุปสรรค และบทเรียน Original title : Exporting Thai Tip Herbal Toothpaste to the Nigerian Market: Challenges, Barriers and Lessons Learned Material Type: printed text Authors: ถนัญรัชฏ์ แสนสุข, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: xii, 313 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU THE-T: SOM-DBA-2016-02
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2559Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ยาสีฟัน -- การส่งออก
[LCSH]ยาสีฟัน -- ไนจีเรีย -- การตลาดKeywords: ประสบการณ์การส่งออก,
บทเรียนการบริหารจัดการธุรกิจ,
ยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์Abstract: การส่งออกสินค้าไทยไปสู่ตลาดต่างประเทศนับวันยิ่งทวีการแข่งขันขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าใหม่จำเป็นต้องใช้ศาสตร์ทางการบริหารให้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ รวมทั้งต้องพึ่งพาการกำกับดูแลในขั้นตอนการแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติอย่างเข้มงวด จึงจะทำให้การส่งออกประสบความสำเร็จได้ งานวิจัยนี้จึงมีคณูปการกับประเทศไทยโดยตรงต่อภาคการส่งออก เพราะเป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่เคยมีการศึกษากระบวนการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรียมาก่อน รวมทั้งไม่มีกรณีศึกษาการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดต่างประเทศมาเทียบเคียงโดยมีวัตถุประสงค์ 1) ถอดบทเรียนการส่งออกยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์เข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรีย 2) วิเคระห์กระบวนการส่งออกยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์เข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรีย 3) ศึกษาปัญหา อุปสรรค ผ่านบทเรียนการส่งออกยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์เข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรีย 4) เสนอแนะแนวทางการทำธุรกิจเข้าสู่ตลาดทวีปแอฟริกาด้านตะวันตกโดยเฉพาะประเทศไนจีเรีย ผู้เกี่ยวข้องกับการส่งออก ได้แก่ องค์กรเอกชน 5 องค์กร องค์การภาครัฐของประเทศไทยและประเทศไนจีเรีย 10 องค์การ Curricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26377 SIU THE-T. การส่งออกยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์เข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรีย: ปัญหา อุปสรรค และบทเรียน = Exporting Thai Tip Herbal Toothpaste to the Nigerian Market: Challenges, Barriers and Lessons Learned [printed text] / ถนัญรัชฏ์ แสนสุข, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - xii, 313 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU THE-T: SOM-DBA-2016-02
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2559
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ยาสีฟัน -- การส่งออก
[LCSH]ยาสีฟัน -- ไนจีเรีย -- การตลาดKeywords: ประสบการณ์การส่งออก,
บทเรียนการบริหารจัดการธุรกิจ,
ยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์Abstract: การส่งออกสินค้าไทยไปสู่ตลาดต่างประเทศนับวันยิ่งทวีการแข่งขันขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าใหม่จำเป็นต้องใช้ศาสตร์ทางการบริหารให้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ รวมทั้งต้องพึ่งพาการกำกับดูแลในขั้นตอนการแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติอย่างเข้มงวด จึงจะทำให้การส่งออกประสบความสำเร็จได้ งานวิจัยนี้จึงมีคณูปการกับประเทศไทยโดยตรงต่อภาคการส่งออก เพราะเป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่เคยมีการศึกษากระบวนการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรียมาก่อน รวมทั้งไม่มีกรณีศึกษาการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดต่างประเทศมาเทียบเคียงโดยมีวัตถุประสงค์ 1) ถอดบทเรียนการส่งออกยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์เข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรีย 2) วิเคระห์กระบวนการส่งออกยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์เข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรีย 3) ศึกษาปัญหา อุปสรรค ผ่านบทเรียนการส่งออกยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์เข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรีย 4) เสนอแนะแนวทางการทำธุรกิจเข้าสู่ตลาดทวีปแอฟริกาด้านตะวันตกโดยเฉพาะประเทศไนจีเรีย ผู้เกี่ยวข้องกับการส่งออก ได้แก่ องค์กรเอกชน 5 องค์กร องค์การภาครัฐของประเทศไทยและประเทศไนจีเรีย 10 องค์การ Curricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26377 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591337 SIU THE-T: SOM-DBA-2016-02 c.1 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available 32002000591345 SIU THE-T: SOM-DBA-2016-02 c.2 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available SIU RS-T. การศึกษาการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของกระบวนการผลิตสบู่แฮนด์เมด / ชวิน ครองสิริวัฒน์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU RS-T Title : การศึกษาการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของกระบวนการผลิตสบู่แฮนด์เมด Original title : Carbon Footprint Assessment of Handmade Soap Production Material Type: printed text Authors: ชวิน ครองสิริวัฒน์, Author ; ชัญญา โภคะสุวรรณ, Associated Name ; ปิยพร ณ นคร, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: vii, 33 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU RS-T: SOMT-MSMT-2016-10
RS-T. [MSMT.[Management Technology]] -- Shinawatra University, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ก๊าซเรือนกระจก -- การลดปริมาณ
[LCSH]คาร์บอนฟุตพริ้นท์ -- การลดปริมาณ
[LCSH]สบู่ -- การผลิตKeywords: คาร์บอนฟุตพริ้นท์,
สบู่ สบู่แฮนด์เมด,
การผลิตสบู่ในครัวเรือนAbstract: เนื่องจากก๊าซเรือนกระจกถือเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อนที่มีผลมาจากการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์เป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้การอุปโภคบริโภคเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันการผลิตที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มีผลต่อการเกิดภาวะโลกร้อน ยกตัวอย่างการใช้สบู่เพื่อชำระล้างร้างกายก็สามารถก่อเกิดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ ทว่าปัจจุบันมีการส่งเสริมให้ลดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง โดยหนึ่งในกระบวนการนั้นคือการศึกษาค่าคาร์บอนฟูตพริ้นท์เพื่อหาปริมาณคาร์บอนที่ถูกปล่อยออกมาจากกระบวนการผลิตเชิงอุตสาหกรรม จึงนำมาซึ่งการศึกษาการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของกระบวนการผลิตสบู่แฮนด์เมดที่ผู้ผลิตสามารถผลิตใช้ได้เองในครัวเรือน อีกทั้งเมื่อทราบถึงอัตราส่นของจำนวนคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกปล่อยออกมาแล้ว จะทำให้ทราบว่า ในกระบวนการผลิต ผู้ผลิตสามารถปรับเปลี่ยนวัตถุดิบใดได้บ้างเพื่อให้ผลิตของการปล่อยจำนวนคาร์บอนนั้นลดน้อยลงได้ ถือเป็นการปรับปรุงคุณภาพการผลิตเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม Curricular : BSMT/GE/MSMT Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26429 SIU RS-T. การศึกษาการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของกระบวนการผลิตสบู่แฮนด์เมด = Carbon Footprint Assessment of Handmade Soap Production [printed text] / ชวิน ครองสิริวัฒน์, Author ; ชัญญา โภคะสุวรรณ, Associated Name ; ปิยพร ณ นคร, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - vii, 33 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU RS-T: SOMT-MSMT-2016-10
RS-T. [MSMT.[Management Technology]] -- Shinawatra University, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ก๊าซเรือนกระจก -- การลดปริมาณ
[LCSH]คาร์บอนฟุตพริ้นท์ -- การลดปริมาณ
[LCSH]สบู่ -- การผลิตKeywords: คาร์บอนฟุตพริ้นท์,
สบู่ สบู่แฮนด์เมด,
การผลิตสบู่ในครัวเรือนAbstract: เนื่องจากก๊าซเรือนกระจกถือเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อนที่มีผลมาจากการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์เป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้การอุปโภคบริโภคเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันการผลิตที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มีผลต่อการเกิดภาวะโลกร้อน ยกตัวอย่างการใช้สบู่เพื่อชำระล้างร้างกายก็สามารถก่อเกิดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ ทว่าปัจจุบันมีการส่งเสริมให้ลดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง โดยหนึ่งในกระบวนการนั้นคือการศึกษาค่าคาร์บอนฟูตพริ้นท์เพื่อหาปริมาณคาร์บอนที่ถูกปล่อยออกมาจากกระบวนการผลิตเชิงอุตสาหกรรม จึงนำมาซึ่งการศึกษาการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของกระบวนการผลิตสบู่แฮนด์เมดที่ผู้ผลิตสามารถผลิตใช้ได้เองในครัวเรือน อีกทั้งเมื่อทราบถึงอัตราส่นของจำนวนคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกปล่อยออกมาแล้ว จะทำให้ทราบว่า ในกระบวนการผลิต ผู้ผลิตสามารถปรับเปลี่ยนวัตถุดิบใดได้บ้างเพื่อให้ผลิตของการปล่อยจำนวนคาร์บอนนั้นลดน้อยลงได้ ถือเป็นการปรับปรุงคุณภาพการผลิตเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม Curricular : BSMT/GE/MSMT Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26429 Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591378 SIU RS-T: SOMT-MSMT-2016-10 c.1 SIU Research Study Main Library Library Counter Not for loan 32002000591402 SIU RS-T: SOMT-MSMT-2016-10 c.2 SIU Research Study Main Library Library Counter Not for loan SIU IS-T. การสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากร องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี / กนกวรรณ สุทธิจันทร์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2014
Collection Title: SIU IS-T Title : การสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากร องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี Original title : Boosting the Morale of Public Personnel in Surat Thani Provincial Administrative Organization Material Type: printed text Authors: กนกวรรณ สุทธิจันทร์, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2014 Pagination: ix, 72 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-28
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การทำงาน -- การสำรวจ
[LCSH]องค์การบริหารส่วนจังหวัด -- สุราษฎร์ธานี
[LCSH]เจ้าหน้าที่ -- การปฏิบัติงานKeywords: ขวัญและกำลังใจ Abstract: การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากร 2) เปรียบเทียบระดับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากร จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และ 3) ศึกษาปัญหา ข้อเสนอแนะและแนวทางการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากร องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยใช้แบบสอบถามเก็บรวบรวมข้อมูลจากข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และพนักงานจ้างขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 172 คน Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26481 SIU IS-T. การสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากร องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี = Boosting the Morale of Public Personnel in Surat Thani Provincial Administrative Organization [printed text] / กนกวรรณ สุทธิจันทร์, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014 . - ix, 72 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-28
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การทำงาน -- การสำรวจ
[LCSH]องค์การบริหารส่วนจังหวัด -- สุราษฎร์ธานี
[LCSH]เจ้าหน้าที่ -- การปฏิบัติงานKeywords: ขวัญและกำลังใจ Abstract: การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากร 2) เปรียบเทียบระดับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากร จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และ 3) ศึกษาปัญหา ข้อเสนอแนะและแนวทางการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากร องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยใช้แบบสอบถามเก็บรวบรวมข้อมูลจากข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และพนักงานจ้างขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 172 คน Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26481 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591493 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-28 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000591501 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-28 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันในการปฏิบัติงานของบุคลากร องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี / พรรณิรัตน์ จิตนุ่ม / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2014
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันในการปฏิบัติงานของบุคลากร องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี Original title : Factors Affecting Commitment in Personnel Performance in Surat Thani Provincial Administrative Organization Material Type: printed text Authors: พรรณิรัตน์ จิตนุ่ม, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2014 Pagination: ix, 74 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-30
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ความผูกพันต่อองค์การ
[LCSH]องค์การบริหารส่วนจังหวัด -- สุราษฎร์ธานี
[LCSH]เจ้าหน้าที่ -- การปฏิบัติงานKeywords: ความผูกพันในการปฏิบัติงาน Abstract: การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันในการปฏิบัติงานเปรียบเทียบระดับปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันในการปฏิบัติงาน จำแนกตามสถานภาพส่วนบุคลและศึกษาปัญหา ข้อเสนอแนะ และแนวทางการสร้างความผูกพันต่อองค์กรของบุคลากร องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยใช้แบบสอบถามเก็บรวบรวมข้อมูลจากข้าราชการลูกจ้างและพนักงานจ้าง สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 167 คน Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26482 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันในการปฏิบัติงานของบุคลากร องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี = Factors Affecting Commitment in Personnel Performance in Surat Thani Provincial Administrative Organization [printed text] / พรรณิรัตน์ จิตนุ่ม, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014 . - ix, 74 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-30
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ความผูกพันต่อองค์การ
[LCSH]องค์การบริหารส่วนจังหวัด -- สุราษฎร์ธานี
[LCSH]เจ้าหน้าที่ -- การปฏิบัติงานKeywords: ความผูกพันในการปฏิบัติงาน Abstract: การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันในการปฏิบัติงานเปรียบเทียบระดับปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันในการปฏิบัติงาน จำแนกตามสถานภาพส่วนบุคลและศึกษาปัญหา ข้อเสนอแนะ และแนวทางการสร้างความผูกพันต่อองค์กรของบุคลากร องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยใช้แบบสอบถามเก็บรวบรวมข้อมูลจากข้าราชการลูกจ้างและพนักงานจ้าง สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 167 คน Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26482 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591519 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-30 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000591527 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-30 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจกับการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ กรณีศึกษา กองวินัยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ / ปิยะพร ป๊อกแก้ว / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจกับการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ กรณีศึกษา กองวินัยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ Original title : The Relationship between Motivation and Performance of the Police: A Case Study of the Disciplinary Division Material Type: printed text Authors: ปิยะพร ป๊อกแก้ว, Author ; เพชรรัตน์ โล้วิชากรติกุล, Associated Name ; อุษณีย์ เสวกวัชรี, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: ix, 105 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2016-01
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]กองวินัยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ -- ข้าราชการตำรวจ
[LCSH]การจูงใจในการทำงาน
[LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงานAbstract: การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจกับการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ กองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 120 คน ใช้วิธีการวิจัย 2 วิธีคือ 1) การวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม (มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ในการวิเคราะห์ปัจจัยด้านประชากรศาสตร์และการวิเคราะห์โดยใช้สถิติ t-test, F-test (ANOVA) และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน (Pearson' s Correlation Coefficient ) ในการทดสอบสมมุติฐาน 2) การวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้การสัมภาษณ์เชิงลึก Curricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26483 SIU IS-T. ความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจกับการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ กรณีศึกษา กองวินัยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ = The Relationship between Motivation and Performance of the Police: A Case Study of the Disciplinary Division [printed text] / ปิยะพร ป๊อกแก้ว, Author ; เพชรรัตน์ โล้วิชากรติกุล, Associated Name ; อุษณีย์ เสวกวัชรี, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - ix, 105 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOM-MBA-2016-01
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]กองวินัยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ -- ข้าราชการตำรวจ
[LCSH]การจูงใจในการทำงาน
[LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงานAbstract: การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจกับการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ กองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 120 คน ใช้วิธีการวิจัย 2 วิธีคือ 1) การวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม (มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ในการวิเคราะห์ปัจจัยด้านประชากรศาสตร์และการวิเคราะห์โดยใช้สถิติ t-test, F-test (ANOVA) และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน (Pearson' s Correlation Coefficient ) ในการทดสอบสมมุติฐาน 2) การวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้การสัมภาษณ์เชิงลึก Curricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26483 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591543 SIU IS-T: SOM-MBA-2016-01 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. รูปแบบความผูกพันต่อองค์การของข้าราชการตำรวจ: กรณีศึกษาสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ / นันทวรรณ จันทาเทพ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : รูปแบบความผูกพันต่อองค์การของข้าราชการตำรวจ: กรณีศึกษาสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ Original title : Organizational Commitment of Thai Police Officers: Case Studies of the office of the Police Commission Royal Thai Police Material Type: printed text Authors: นันทวรรณ จันทาเทพ, Author ; อาภากร พลเทียร, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: viii, 114 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2016-02
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ข้าราชการ -- การทำงาน
[LCSH]ความผูกพันต่อองค์การ -- การศึกษาเฉพาะกรณี
[LCSH]ตำรวจ -- ไทยKeywords: ความผูกพัน
องค์กรAbstract: การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อการศึกษารูปแบบความผูกพันต่อองค์กรของข้าราชการตำรวจ กรณีศึกษา สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา คือข้าราชการตำรวจสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 143 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม (มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์คือสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ที่นำมาใช้ในการวิเคราะห์คุณลักษณะของประชากร ใช้สถิติวิเคราะห์ t-test เพื่อทดสอบความสัมพันธ์ของตัวแปร 2 ตัวแปร และใช้สถิติวิเคราะห์ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน (Pearson’s Correlation Coefficient) เพื่อทดสอบความสัมพันธ์เชิงเส้นระหว่างตัวแปรเชิงปริมาณ 2 ตัวแปร
ผลการศึกษาพบว่า
1) คุณลักษณะของประชากรพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 31 – 40 ปี สถานภาพโสด การศึกษาระดับปริญญาตรี ตำแหน่งส่วนใหญ่เป็น รองสารวัตร – สารวัตร อัตราเงินเดือน อยู่ระหว่าง 15,001 – 25,000 บาท ระยะเวลาในการปฏิบัติงาน 6 - 15 ปี และสายงานด้านงานอำนวยการ
2) ความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพโดยรวมของปัจจัยแรงจูงใจในการทำงานของข้าราชการตำรวจ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ในระดับมาก และมีค่าเฉลี่ยของของปัจจัยแรงจูงใจด้านความก้าวหน้าในตำแหน่งงานอยู่ในระดับสูงสุด รองลงมาคือด้านลักษณะงานที่ปฏิบัติและด้านการได้รับการยอมรับตามลำดับ และปัจจัยความผูกพันต่อองค์กรของข้าราชการตำรวจ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ในระดับมาก และมีค่าเฉลี่ยของของปัจจัยความผูกพันต่อองค์กรด้านจิตใจอยู่ในระดับสูงสุด รองลงมาคือด้านการคงอยู่กับองค์กรและด้านบรรทัดฐานตามลำดับ
3) การทดสอบความสัมพันธ์ของปัจจัยคุณลักษณะประชากรต่อปัจจัยความผูกพันต่อองค์กรของข้าราชการตำรวจ พบว่าปัจจัยคุณลักษณะประชากร ด้านเพศ อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา ตำแหน่ง อัตราเงินเดือน และสายงาน ที่แตกต่างกันแต่มีความผูกพันต่อองค์กรที่ไม่แตกต่างกัน และปัจจัยแรงจูงใจในการทำงานของข้าราชการตำรวจมีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อปัจจัยความผูกพันต่อองค์กรของข้าราชการตำรวจ ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.01 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์ความสัมพันธ์เท่ากับ 0.762Curricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26486 SIU IS-T. รูปแบบความผูกพันต่อองค์การของข้าราชการตำรวจ: กรณีศึกษาสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ = Organizational Commitment of Thai Police Officers: Case Studies of the office of the Police Commission Royal Thai Police [printed text] / นันทวรรณ จันทาเทพ, Author ; อาภากร พลเทียร, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - viii, 114 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOM-MBA-2016-02
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ข้าราชการ -- การทำงาน
[LCSH]ความผูกพันต่อองค์การ -- การศึกษาเฉพาะกรณี
[LCSH]ตำรวจ -- ไทยKeywords: ความผูกพัน
องค์กรAbstract: การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อการศึกษารูปแบบความผูกพันต่อองค์กรของข้าราชการตำรวจ กรณีศึกษา สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา คือข้าราชการตำรวจสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 143 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม (มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์คือสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ที่นำมาใช้ในการวิเคราะห์คุณลักษณะของประชากร ใช้สถิติวิเคราะห์ t-test เพื่อทดสอบความสัมพันธ์ของตัวแปร 2 ตัวแปร และใช้สถิติวิเคราะห์ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน (Pearson’s Correlation Coefficient) เพื่อทดสอบความสัมพันธ์เชิงเส้นระหว่างตัวแปรเชิงปริมาณ 2 ตัวแปร
ผลการศึกษาพบว่า
1) คุณลักษณะของประชากรพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 31 – 40 ปี สถานภาพโสด การศึกษาระดับปริญญาตรี ตำแหน่งส่วนใหญ่เป็น รองสารวัตร – สารวัตร อัตราเงินเดือน อยู่ระหว่าง 15,001 – 25,000 บาท ระยะเวลาในการปฏิบัติงาน 6 - 15 ปี และสายงานด้านงานอำนวยการ
2) ความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพโดยรวมของปัจจัยแรงจูงใจในการทำงานของข้าราชการตำรวจ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ในระดับมาก และมีค่าเฉลี่ยของของปัจจัยแรงจูงใจด้านความก้าวหน้าในตำแหน่งงานอยู่ในระดับสูงสุด รองลงมาคือด้านลักษณะงานที่ปฏิบัติและด้านการได้รับการยอมรับตามลำดับ และปัจจัยความผูกพันต่อองค์กรของข้าราชการตำรวจ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ในระดับมาก และมีค่าเฉลี่ยของของปัจจัยความผูกพันต่อองค์กรด้านจิตใจอยู่ในระดับสูงสุด รองลงมาคือด้านการคงอยู่กับองค์กรและด้านบรรทัดฐานตามลำดับ
3) การทดสอบความสัมพันธ์ของปัจจัยคุณลักษณะประชากรต่อปัจจัยความผูกพันต่อองค์กรของข้าราชการตำรวจ พบว่าปัจจัยคุณลักษณะประชากร ด้านเพศ อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา ตำแหน่ง อัตราเงินเดือน และสายงาน ที่แตกต่างกันแต่มีความผูกพันต่อองค์กรที่ไม่แตกต่างกัน และปัจจัยแรงจูงใจในการทำงานของข้าราชการตำรวจมีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อปัจจัยความผูกพันต่อองค์กรของข้าราชการตำรวจ ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.01 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์ความสัมพันธ์เท่ากับ 0.762Curricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26486 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591535 SIU IS-T: SOM-MBA-2016-02 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน / วีณา สำราญรื่น / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน Original title : Factors Affecting the Job Performance Satisfaction of General Support Division, Border Patrol Police Bureau Material Type: printed text Authors: วีณา สำราญรื่น, Author ; อาภากร พลเทียร, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: xii, 135 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2016-03
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน -- ข้าราชการ -- ความพอใจในการทำงาน
[LCSH]ความพอใจ
[LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงานKeywords: ความพึงพอใจ Abstract: การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน จำแนกตามปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคล
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ ข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน จำนวน 156 คน เลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มแบบแบ่งเป็นชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับระดับความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน แบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ แบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคล แบบสอบถาม วัดระดับความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน แบบสอบถามความสัมพันธ์ของความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ และความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ค่าสถิติ t-test ชนิดวิเคราะห์ทางเดียว (One – Way Anova) และการหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายแบบ Pearson Product Moment Coefficient
ผลวิจัยพบว่า
1) ข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน มีระดับความ พึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก มาจากปัจจัยด้านเกี่ยวกับงานและปัจจัยด้านที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานหรือสิ่งแวดล้อม เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านความมั่นคงในงาน อยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนระดับความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ รายด้านที่อยู่ในระดับมาก ด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ด้านการได้รับความยอมรับนับถือ ด้านชีวิตส่วนตัว ด้านความสำเร็จของงาน ด้านสภาพการทำงาน ด้านการบังคับบัญชา ด้านนโยบายการบริหาร ด้านความก้าวหน้าในตำแหน่งงาน ด้านลักษณะงานความรับผิดชอบ ด้านเงินเดือน,รายได้ เรียงตามลำดับ
2) ปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยด้านเกี่ยวกับงาน ปัจจัยด้านที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน มีความสัมพันธ์เชิงบวกความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ราชการของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ต่อด้านบุคคล ด้านงาน และด้านการบริหารจัดการCurricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26487 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน = Factors Affecting the Job Performance Satisfaction of General Support Division, Border Patrol Police Bureau [printed text] / วีณา สำราญรื่น, Author ; อาภากร พลเทียร, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - xii, 135 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOM-MBA-2016-03
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน -- ข้าราชการ -- ความพอใจในการทำงาน
[LCSH]ความพอใจ
[LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงานKeywords: ความพึงพอใจ Abstract: การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน จำแนกตามปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคล
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ ข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน จำนวน 156 คน เลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มแบบแบ่งเป็นชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับระดับความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน แบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ แบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคล แบบสอบถาม วัดระดับความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน แบบสอบถามความสัมพันธ์ของความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ และความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ค่าสถิติ t-test ชนิดวิเคราะห์ทางเดียว (One – Way Anova) และการหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายแบบ Pearson Product Moment Coefficient
ผลวิจัยพบว่า
1) ข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน มีระดับความ พึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก มาจากปัจจัยด้านเกี่ยวกับงานและปัจจัยด้านที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานหรือสิ่งแวดล้อม เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านความมั่นคงในงาน อยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนระดับความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ รายด้านที่อยู่ในระดับมาก ด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ด้านการได้รับความยอมรับนับถือ ด้านชีวิตส่วนตัว ด้านความสำเร็จของงาน ด้านสภาพการทำงาน ด้านการบังคับบัญชา ด้านนโยบายการบริหาร ด้านความก้าวหน้าในตำแหน่งงาน ด้านลักษณะงานความรับผิดชอบ ด้านเงินเดือน,รายได้ เรียงตามลำดับ
2) ปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยด้านเกี่ยวกับงาน ปัจจัยด้านที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน มีความสัมพันธ์เชิงบวกความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ราชการของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ต่อด้านบุคคล ด้านงาน และด้านการบริหารจัดการCurricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26487 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591568 SIU IS-T: SOM-MBA-2016-03 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน กรณีศึกษา: ข้าราชการตำรวจสังกัดสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ / เนตินันท์ ด้วงประดิษฐ์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน กรณีศึกษา: ข้าราชการตำรวจสังกัดสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ Original title : Relationships between Leadership and Work Morale: A Case of Police Officers at the Office of Strategy Material Type: printed text Authors: เนตินันท์ ด้วงประดิษฐ์, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; อุษณีย์ เสวกวัชรี, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: viii, 123 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2016-04
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงาน
[LCSH]ภาวะผู้นำ -- การศึกษาเฉพาะกรณี
[LCSH]สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ -- ตำรวจKeywords: ภาวะผู้นำ
ข้าราชการตำรวจ
แรงจูงใจในการทำงานAbstract: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาวะผู้นำที่มีผลต่อขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน โดยศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน ของข้าราชการตำรวจ สังกัด สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาวิจัย คือ ข้าราชการตำรวจ สังกัด สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ ซึ่งเป็นการศึกษาเชิงสำรวจ โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล จำนวน 169 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน คือ Independent t-test, One-way ANOVA หากพบความแตกต่างจะทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่ โดยวิธี LSD (Least Significant Difference) และทดสอบความสัมพันธ์โดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน
ผลการศึกษาพบว่า ข้าราชการตำรวจ สังกัด สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ มีระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับภาวะผู้นำที่มีผลต่อขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน ภาพรวมมีระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ส่วนระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง และภาวะผู้นำแบบชี้นำ ผู้นำแบบสนับสนุน ผู้นำแบบมีส่วนร่วม ผู้นำแบบมุ่งเน้นความสำเร็จมีความสัมพันธ์กับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานอยู่ในระดับสูงมากและเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 นอกจากนี้ยังพบว่า เพศ อายุ ระดับการศึกษา ระยะเวลาการทำงาน และระดับชั้นยศ ที่แตกต่างกันมีผลต่อขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานที่ไม่แตกต่างกัน ส่วนสถานภาพที่แตกต่างกันมีผลต่อขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05Curricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26489 SIU IS-T. ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน กรณีศึกษา: ข้าราชการตำรวจสังกัดสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ = Relationships between Leadership and Work Morale: A Case of Police Officers at the Office of Strategy [printed text] / เนตินันท์ ด้วงประดิษฐ์, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; อุษณีย์ เสวกวัชรี, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - viii, 123 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOM-MBA-2016-04
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงาน
[LCSH]ภาวะผู้นำ -- การศึกษาเฉพาะกรณี
[LCSH]สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ -- ตำรวจKeywords: ภาวะผู้นำ
ข้าราชการตำรวจ
แรงจูงใจในการทำงานAbstract: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาวะผู้นำที่มีผลต่อขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน โดยศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน ของข้าราชการตำรวจ สังกัด สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาวิจัย คือ ข้าราชการตำรวจ สังกัด สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ ซึ่งเป็นการศึกษาเชิงสำรวจ โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล จำนวน 169 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน คือ Independent t-test, One-way ANOVA หากพบความแตกต่างจะทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่ โดยวิธี LSD (Least Significant Difference) และทดสอบความสัมพันธ์โดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน
ผลการศึกษาพบว่า ข้าราชการตำรวจ สังกัด สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ มีระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับภาวะผู้นำที่มีผลต่อขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน ภาพรวมมีระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ส่วนระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง และภาวะผู้นำแบบชี้นำ ผู้นำแบบสนับสนุน ผู้นำแบบมีส่วนร่วม ผู้นำแบบมุ่งเน้นความสำเร็จมีความสัมพันธ์กับขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานอยู่ในระดับสูงมากและเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 นอกจากนี้ยังพบว่า เพศ อายุ ระดับการศึกษา ระยะเวลาการทำงาน และระดับชั้นยศ ที่แตกต่างกันมีผลต่อขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานที่ไม่แตกต่างกัน ส่วนสถานภาพที่แตกต่างกันมีผลต่อขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05Curricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26489 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591550 SIU IS-T: SOM-MBA-2016-04 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ความสุขในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน) / คนธรส ชมเทศ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ความสุขในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน) Original title : Work Happiness of Police Officers at General Support Division, Border Patrol Police Bureau Material Type: printed text Authors: คนธรส ชมเทศ, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; อุษณีย์ เสวกวัชรี, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: viii, 101 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2016-05
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน -- ข้าราชการ -- ความพอใจในการทำงาน
[LCSH]ความสุขในการทำงาน -- วิจัย
[LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงานKeywords: ข้าราชการตำรวจ
ความสุขในการปฏิบัติงาน
คุณค่าAbstract: การวิจัยนี้ศึกษาระดับความสุข และเปรียบเทียบความสุขในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ในด้านสัมพันธภาพกับบุคลากรในองค์กร ความสำเร็จในงาน การตระหนักในคุณค่าของวิชาชีพตำรวจ การเป็นที่ยอมรับ
ทางสังคม การได้รับการสนับสนุนด้านสวัสดิการขององค์กร จำแนกตามข้อมูลด้านประชากรศาสตร์
ใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูลจากข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสนับสนุนกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน จำนวน 156 คน ใช้สถิติเชิงพรรณนาในการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล และ
การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One-Way ANOVA) ในการทดสอบสมมติฐาน
ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง มีอายุระหว่าง
41 – 50 ปี มีสถานภาพสมรส มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี มีชั้นยศเป็นชั้นประทวน มีรายเพียงพอแต่ไม่เหลือเก็บ อายุการทำงานมากกว่า 20 ปี ปฏิบัติงานอยู่ในฝ่ายสนับสนุน 3 ผลการวิจัยยังพบว่าความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า การตระหนักในคุณค่าของวิชาชีพตำรวจมากที่สุด รองลงมาคือการเป็นที่ยอมรับทางสังคม และด้านความสำเร็จในงาน ตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบว่าข้าราชการกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ที่มีภูมิหลังแตกต่างกัน มีความสุขในการปฏิบัติงานในแต่ละด้านไม่แตกต่างกันCurricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26490 SIU IS-T. ความสุขในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน) = Work Happiness of Police Officers at General Support Division, Border Patrol Police Bureau [printed text] / คนธรส ชมเทศ, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; อุษณีย์ เสวกวัชรี, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - viii, 101 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOM-MBA-2016-05
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน -- ข้าราชการ -- ความพอใจในการทำงาน
[LCSH]ความสุขในการทำงาน -- วิจัย
[LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงานKeywords: ข้าราชการตำรวจ
ความสุขในการปฏิบัติงาน
คุณค่าAbstract: การวิจัยนี้ศึกษาระดับความสุข และเปรียบเทียบความสุขในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ในด้านสัมพันธภาพกับบุคลากรในองค์กร ความสำเร็จในงาน การตระหนักในคุณค่าของวิชาชีพตำรวจ การเป็นที่ยอมรับ
ทางสังคม การได้รับการสนับสนุนด้านสวัสดิการขององค์กร จำแนกตามข้อมูลด้านประชากรศาสตร์
ใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูลจากข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสนับสนุนกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน จำนวน 156 คน ใช้สถิติเชิงพรรณนาในการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล และ
การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One-Way ANOVA) ในการทดสอบสมมติฐาน
ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง มีอายุระหว่าง
41 – 50 ปี มีสถานภาพสมรส มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี มีชั้นยศเป็นชั้นประทวน มีรายเพียงพอแต่ไม่เหลือเก็บ อายุการทำงานมากกว่า 20 ปี ปฏิบัติงานอยู่ในฝ่ายสนับสนุน 3 ผลการวิจัยยังพบว่าความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า การตระหนักในคุณค่าของวิชาชีพตำรวจมากที่สุด รองลงมาคือการเป็นที่ยอมรับทางสังคม และด้านความสำเร็จในงาน ตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบว่าข้าราชการกองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ที่มีภูมิหลังแตกต่างกัน มีความสุขในการปฏิบัติงานในแต่ละด้านไม่แตกต่างกันCurricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26490 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591584 SIU IS-T: SOM-MBA-2016-05 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. คุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการตำรวจ : กรณีศึกษา หน่วยงานระดับกองบังคับการขึ้นตรงต่อสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ / ณิชากร นาคทอง / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : คุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการตำรวจ : กรณีศึกษา หน่วยงานระดับกองบังคับการขึ้นตรงต่อสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ Original title : Quality of Work Life of Police Officers : Case Studies of Office of the Commissioner General, Royal Thai Police Material Type: printed text Authors: ณิชากร นาคทอง, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; อุษณีย์ เสวกวัชรี, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: viii, 79 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2016-06
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ข้าราชการตำรวจ -- คุณภาพชีวิต
[LCSH]ตำรวจ -- การทำงานKeywords: คุณภาพชีวิตในการทำงาน Abstract: งานค้นคว้าอิสระครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณภาพชีวิตในการทำงาน 8 ด้าน ของข้าราชการตำรวจ และเปรียบเทียบคุณภาพชีวิตในการทำงานของข้าราชการตำรวจ สังกัดหน่วยงานระดับ
กองบังคับการขึ้นตรงต่อสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จำแนกตามข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ ข้าราชการตำรวจ สังกัดหน่วยงานระดับกองบังคับการขึ้นตรงต่อสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จำนวน 280 ตัวอย่าง โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ สถิติเชิงพรรณนา ประกอบด้วย ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ประกอบด้วย Independent Samples t-test และ One-way ANOVA
ผลการศึกษาพบว่า ข้าราชการตำรวจส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 21 - 30 ปี มีระดับการศึกษาปริญญาตรี มีสถานภาพโสด รายได้ต่อเดือน 25,001 บาทขึ้นไป มีชั้นยศระดับประทวน และมีระยะเวลาในการปฏิบัติงานน้อยกว่า 5 ปี โดยมีคุณภาพชีวิตในการทำงานภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมาก คือ ด้านความภูมิในองค์กร
ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ข้าราชการตำรวจสังกัดหน่วยงานระดับกองบังคับการ ขึ้นตรงต่อสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่มีข้อมูลภูมิหลังด้านประชากรศาสตร์ ได้แก่ เพศ อายุ การศึกษา สถานภาพสมรส รายได้เฉลี่ยต่อเดือน ชั้นยศ และระยะเวลาในการปฏิบัติงาน ที่แตกต่างกันมีคุณภาพชีวิตในการทำงานที่ไม่แตกต่างกันCurricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26491 SIU IS-T. คุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการตำรวจ : กรณีศึกษา หน่วยงานระดับกองบังคับการขึ้นตรงต่อสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ = Quality of Work Life of Police Officers : Case Studies of Office of the Commissioner General, Royal Thai Police [printed text] / ณิชากร นาคทอง, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; อุษณีย์ เสวกวัชรี, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - viii, 79 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOM-MBA-2016-06
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ข้าราชการตำรวจ -- คุณภาพชีวิต
[LCSH]ตำรวจ -- การทำงานKeywords: คุณภาพชีวิตในการทำงาน Abstract: งานค้นคว้าอิสระครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณภาพชีวิตในการทำงาน 8 ด้าน ของข้าราชการตำรวจ และเปรียบเทียบคุณภาพชีวิตในการทำงานของข้าราชการตำรวจ สังกัดหน่วยงานระดับ
กองบังคับการขึ้นตรงต่อสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จำแนกตามข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ ข้าราชการตำรวจ สังกัดหน่วยงานระดับกองบังคับการขึ้นตรงต่อสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จำนวน 280 ตัวอย่าง โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ สถิติเชิงพรรณนา ประกอบด้วย ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ประกอบด้วย Independent Samples t-test และ One-way ANOVA
ผลการศึกษาพบว่า ข้าราชการตำรวจส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 21 - 30 ปี มีระดับการศึกษาปริญญาตรี มีสถานภาพโสด รายได้ต่อเดือน 25,001 บาทขึ้นไป มีชั้นยศระดับประทวน และมีระยะเวลาในการปฏิบัติงานน้อยกว่า 5 ปี โดยมีคุณภาพชีวิตในการทำงานภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมาก คือ ด้านความภูมิในองค์กร
ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ข้าราชการตำรวจสังกัดหน่วยงานระดับกองบังคับการ ขึ้นตรงต่อสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่มีข้อมูลภูมิหลังด้านประชากรศาสตร์ ได้แก่ เพศ อายุ การศึกษา สถานภาพสมรส รายได้เฉลี่ยต่อเดือน ชั้นยศ และระยะเวลาในการปฏิบัติงาน ที่แตกต่างกันมีคุณภาพชีวิตในการทำงานที่ไม่แตกต่างกันCurricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26491 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591576 SIU IS-T: SOM-MBA-2016-06 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อกระบวนการซื้อสินค้าออนไลน์ ของผู้บริโภคสำนักงานตึกช้าง / สินี อินชูพงษ์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อกระบวนการซื้อสินค้าออนไลน์ ของผู้บริโภคสำนักงานตึกช้าง Original title : Researching for Factors that Effect to Buying Online Products of Consumers from Elephants Tower Building Material Type: printed text Authors: สินี อินชูพงษ์, Author ; อาภากร พลเทียร, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: ix, 82 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2016-07
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การเลือกซื้อสินค้า
[LCSH]ผู้บริโภค -- พฤติกรรม
[LCSH]สินค้าออนไลน์Keywords: ซื้อสินค้าออนไลน์ Abstract: การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาปัจจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการเลือกสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของผู้บริโภคสำนักงานตึกช้าง 2. เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด (4ps) ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของผู้บริโภคสำนักงานตึกช้าง จำแนกตามปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคล
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ ผู้บริโภคสำนักงานตึกช้าง(พนักงานบริษัท) จำนวน 150 คน เลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มแบบแบ่งเป็นชั้นภูมิเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภคสำนักงานตึกช้าง แบ่งออกเป็น 4 ส่วนคือแบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคล แบบสอบถามด้านปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด แบบสอบถามด้านปัจจัยภาพลักษณ์และตราสินค้า และข้อเสนอแนะสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ ค่าร้อยละ(Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าส่วนเบี่ยงแบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ค่าสถิติ (t-test) ชนิดวิเคราะห์ทางเดียว (One-Way Anova) และการหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายแบบ Pearson Product Moment Coefficient
ผลวิจัยพบว่า
ปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดมีระดับการตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภคสำนักงานตึกช้างด้านช่องทางการจัดจำหน่ายอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือส่งเสริมการตลาดอยู่ในระดับมาก ด้านผลิตภัณฑ์และด้านราคาเรียงมาตามลำดับ ปัจจัยด้านภาพลักษณ์ตราสินค้ามีระดับการตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภคสำนักงานตึกช้างอยู่ในระดับมาก
ปัจจัยด้านการตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภคสำนักงานตึกช้างในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ระดับมากที่สุดคือด้านการประเมินทางเลือกกับด้านการตัดสินใจซื้อ รองลงมาคือด้านการค้นหาข้อมูลCurricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26492 SIU IS-T. ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อกระบวนการซื้อสินค้าออนไลน์ ของผู้บริโภคสำนักงานตึกช้าง = Researching for Factors that Effect to Buying Online Products of Consumers from Elephants Tower Building [printed text] / สินี อินชูพงษ์, Author ; อาภากร พลเทียร, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - ix, 82 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOM-MBA-2016-07
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การเลือกซื้อสินค้า
[LCSH]ผู้บริโภค -- พฤติกรรม
[LCSH]สินค้าออนไลน์Keywords: ซื้อสินค้าออนไลน์ Abstract: การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาปัจจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการเลือกสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของผู้บริโภคสำนักงานตึกช้าง 2. เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด (4ps) ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของผู้บริโภคสำนักงานตึกช้าง จำแนกตามปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคล
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ ผู้บริโภคสำนักงานตึกช้าง(พนักงานบริษัท) จำนวน 150 คน เลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มแบบแบ่งเป็นชั้นภูมิเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภคสำนักงานตึกช้าง แบ่งออกเป็น 4 ส่วนคือแบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคล แบบสอบถามด้านปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด แบบสอบถามด้านปัจจัยภาพลักษณ์และตราสินค้า และข้อเสนอแนะสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ ค่าร้อยละ(Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าส่วนเบี่ยงแบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ค่าสถิติ (t-test) ชนิดวิเคราะห์ทางเดียว (One-Way Anova) และการหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายแบบ Pearson Product Moment Coefficient
ผลวิจัยพบว่า
ปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดมีระดับการตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภคสำนักงานตึกช้างด้านช่องทางการจัดจำหน่ายอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือส่งเสริมการตลาดอยู่ในระดับมาก ด้านผลิตภัณฑ์และด้านราคาเรียงมาตามลำดับ ปัจจัยด้านภาพลักษณ์ตราสินค้ามีระดับการตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภคสำนักงานตึกช้างอยู่ในระดับมาก
ปัจจัยด้านการตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภคสำนักงานตึกช้างในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ระดับมากที่สุดคือด้านการประเมินทางเลือกกับด้านการตัดสินใจซื้อ รองลงมาคือด้านการค้นหาข้อมูลCurricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26492 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591600 SIU IS-T: SOM-MBA-2016-07 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ความผูกพันต่อองค์การของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล / ศักดิ์สยาม จิตวิสุทธิ์ศรี / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ความผูกพันต่อองค์การของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล Original title : Organization Commitment of Police Officers in the Investigation Division Metropolitan Police Bureau Material Type: printed text Authors: ศักดิ์สยาม จิตวิสุทธิ์ศรี, Author ; สมชาย รัตนโกมุท, Associated Name ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: vii, 47 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-08
IS [MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]กองบัญชาการตำรวจนครบาล -- ข้าราชการ
[LCSH]ความผูกพันต่อองค์การ -- พนักงาน
[LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงานKeywords: ความผูกพันต่อองค์การ
ข้าราชการตำรวจ
กองบังคับการสืบสวนสอบสวน
กองบัญชาการตำรวจนครบาลAbstract: การศึกษาเรื่อง ความผูกพันต่อองค์การของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ระดับความผูกพันต่อองค์การของข้าราชการตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ในด้านความเชื่อมั่นและการยอมรับเป้าหมายและค่านิยมขององค์การ ด้านความเต็มอกเต็มใจที่จะใช้ความพยายามเต็มความสามารถทำงานเพื่อองค์การ และด้านความปรารถนาที่จะรักษาสถานภาพการเป็นสมาชิกขององค์การไว้ โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา อายุราชการ ระดับชั้นยศ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือน
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ ข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล จำนวน 155 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนมากเป็นเพศชาย มีอายุ 31-40 ปี มีระดับการศึกษาปริญญาตรี มีอายุราชการ 16 ปีขึ้นไป มีระดับชั้นยศ ร.ต.ต.-ร.ต.อ. และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001 บาทขึ้นไป โดยวิเคราะห์ข้อมูลความผูกพันต่อองค์การของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อจำแนกเป็นรายด้านพบว่า ด้านที่มีความผูกพันอันดับที่หนึ่งคือ ด้านความเต็มอกเต็มใจที่จะใช้ความพยายามเต็มความสามารถทำงานเพื่อองค์การ มีระดับความผูกพันมาก อันดับที่สองคือ ด้านความปรารถนาที่จะรักษาสถานภาพการเป็นสมาชิกขององค์การไว้ มีระดับความผูกพันมาก และอันดับสุดท้ายคือ ด้านความเชื่อมั่นและยอมรับเป้าหมายและค่านิยมขององค์การ มีระดับความผูกพันปานกลาง ตามลำดับRecord link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26497 SIU IS-T. ความผูกพันต่อองค์การของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล = Organization Commitment of Police Officers in the Investigation Division Metropolitan Police Bureau [printed text] / ศักดิ์สยาม จิตวิสุทธิ์ศรี, Author ; สมชาย รัตนโกมุท, Associated Name ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - vii, 47 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-08
IS [MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]กองบัญชาการตำรวจนครบาล -- ข้าราชการ
[LCSH]ความผูกพันต่อองค์การ -- พนักงาน
[LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงานKeywords: ความผูกพันต่อองค์การ
ข้าราชการตำรวจ
กองบังคับการสืบสวนสอบสวน
กองบัญชาการตำรวจนครบาลAbstract: การศึกษาเรื่อง ความผูกพันต่อองค์การของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ระดับความผูกพันต่อองค์การของข้าราชการตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ในด้านความเชื่อมั่นและการยอมรับเป้าหมายและค่านิยมขององค์การ ด้านความเต็มอกเต็มใจที่จะใช้ความพยายามเต็มความสามารถทำงานเพื่อองค์การ และด้านความปรารถนาที่จะรักษาสถานภาพการเป็นสมาชิกขององค์การไว้ โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา อายุราชการ ระดับชั้นยศ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือน
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ ข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล จำนวน 155 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนมากเป็นเพศชาย มีอายุ 31-40 ปี มีระดับการศึกษาปริญญาตรี มีอายุราชการ 16 ปีขึ้นไป มีระดับชั้นยศ ร.ต.ต.-ร.ต.อ. และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001 บาทขึ้นไป โดยวิเคราะห์ข้อมูลความผูกพันต่อองค์การของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อจำแนกเป็นรายด้านพบว่า ด้านที่มีความผูกพันอันดับที่หนึ่งคือ ด้านความเต็มอกเต็มใจที่จะใช้ความพยายามเต็มความสามารถทำงานเพื่อองค์การ มีระดับความผูกพันมาก อันดับที่สองคือ ด้านความปรารถนาที่จะรักษาสถานภาพการเป็นสมาชิกขององค์การไว้ มีระดับความผูกพันมาก และอันดับสุดท้ายคือ ด้านความเชื่อมั่นและยอมรับเป้าหมายและค่านิยมขององค์การ มีระดับความผูกพันปานกลาง ตามลำดับRecord link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26497 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591618 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-08 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000591626 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-08 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available