Collection Title: | SIU THE-T | Title : | ลักษณะองค์การที่เป็นเลิศที่มีต่อผลการดำเนินงานของธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมในเขตภาคเหนือของประเทศไทย | Original title : | Characteristics of Excellence Performance Organization that Influencing the Performance of Small and Medium Enterprise in Northern Region of Thailand | Material Type: | printed text | Authors: | รัฐนันท์ พงศ์วิริทธิ์ธร, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; วิไลพร เลาหโกศล, Associated Name | Publisher: | กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร | Publication Date: | 2018 | Pagination: | xii, 266 น. | Layout: | ตาราง, ภาพประกอบ | Size: | 30 ซม. | Price: | 500.00 บาท | General note: | SIU THE-T: SOM-DBA-2018-03
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2561 | Languages : | Thai (tha) | Descriptors: | [LCSH]ธุรกิจขนาดกลาง [LCSH]ธุรกิจขนาดย่อม
| Keywords: | ลักษณะองค์กรที่เป็นเลิศ,
ผลการดำเนินงาน,
ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม,
ภาคเหนือของประเทศไทย | Abstract: | งานวิจัยครั้งนี้เพื่อทราบถึงลักษณะองค์การที่เป็นเลิศที่มีอิทธิพลต่อผลการดำเนินงานของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตภาคเหนือของประเทศไทย จากประชากรและกลุ่มตัวอย่างของผู้ประกอบการธุรกิจในเขตพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยทั้งหมด 17 จังหวัด ซึ่งกลุ่มตัวที่ทำการคัดเลือกโดยใช้วิธีการเลือกตัวอย่างแบบไม่ใช้ความน่าจะเป็น (Nonprobability Sampling) การสุ่มเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เนื่องจากข้อมูลในการประกอบธุรกิจมีความสำคัญและต้องให้ผู้ประกอบการสมัครใจ จำนวน 400 ราย โดยใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิตเชิงพรรณา ได้แก่ การหาค่าเฉลี่ยร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Arithmetic Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และการทดสอบสมมติฐาน (Hypothesis Testing) ด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปซึ่งทดสอบความสัมพันธ์ของตัวแปร สำหรับกำหนดการวัดการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว One-Way ANOVA และการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิสหสัมพันธ์ (Correlation Coefficient)
ผลการวิจัยพบว่า ลักษณะองค์การที่เป็นเลิศของธุรกิจธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตภาคเหนือของประเทศไทย ในภาพรวมสอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริงในระดับมาก (x̄ = 3.910) เมื่อพิจารณารายด้านทั้ง 6 ด้าน มีความสอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริงในระดับมากทุกด้านได้แก่ 1.) การนำองค์การ (การกำกับดูแลองค์การ) (x̄ = 3.865) 2.) การวางแผนเชิงกลยุทธ์ (การนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติ) (x̄ = 4.062) 3.) การมุ่งเน้นลูกค้า (x̄ = 3.723) 4.) การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ (x̄ = 3.967) 5.) การมุ่งเน้นบุคลากร (x̄ = 4.130) และ 6.) การมุ่งเน้นการปฏิบัติการ (x̄ = 3.715) ผลการดำเนินงานด้านผลลัพธ์ด้านการเงินของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตภาคเหนือของประเทศไทย ในภาพรวมอยู่ในระดับที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเป้าหมาย (x̄ = 3.752) เมื่อพิจารณารายข้ออยู่ในระดับที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเป้าหมายทุกข้อ ได้แก่ อัตราการขยายตัวปีล่าสุดของความสามารถในการชำระหนี้ (Leverage Ratio) (x̄ = 4.305) อัตราการขยายตัวปีล่าสุดของผลตอบแทนต่อนักลงทุน (ROI) (x̄ = 4.245) และอัตราการขยายตัวปีล่าสุดของผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) (x̄ = 3.925)
การทดสอบสมมติฐานของการวิจัยพบว่า ลักษะทางประชากรศาสตร์ที่แตกต่างกันทางด้าน อายุ ระดับการศึกษา ประสบการณ์ในการทำงาน และกลุ่มประเภทของธุรกิจ มีค่าเฉลี่ยระดับความสอดคล้องต่อลักษณะขององค์การที่เป็นเลิศที่ไม่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามจะมีความแตกกันของลักษณะขององค์การที่เป็นเลิศจำแนกตามตำแหน่งงาน ส่วนลักษณะองค์การที่เป็นเลิศของธุรกิจธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตภาคเหนือของประเทศไทยนั้น พบว่า การนำองค์การ (r= 0.610, Sig.= 0.000) การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ (r= -0.160, Sig. = 0.001) การมุ่งเน้นบุคลากร (r= -0.156, Sig. = 0.002) มีความสัมพันธ์ต่อผลการดำเนินงานของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งการวางแผนเชิงกลยุทธ์ (r= -0.001, Sig. = 0.997) การมุ่งเน้นลูกค้า (r= -0.090, Sig. = 0.071) และการมุ่งเน้นการปฏิบัติการ (r= 0.077, Sig. = 0.124) ไม่มีความสัมพันธ์ต่อผลการดำเนินงานของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตภาคเหนือของประเทศไทย
นอกจากนี้การนำงานวิจัยไปพัฒนาลักษณะองค์การที่เป็นเลิศที่มีอิทธิพลต่อผลการดำเนินงานของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตภาคเหนือของประเทศไทย ควรมุ่งเน้น การนำองค์กร ซึ่งผู้นำขององค์การได้ชี้นำ ในการกำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ และกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายและสามารถสื่อสารภายในองค์การได้ทั้งองค์การ โดยมีระบบการกำกับดูแลองค์การ ด้านกฎหมาย จริยธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งการตั้งเป้าหมายของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และการควบคุม ติดตาม ประเมินผล เพื่อให้เป็นองค์กรแห่งความเป็นเลิศนั้น ควรต้องลดความสัมพันธ์เชิงลบหรือเป็นผลทางลบที่จะทำให้องค์การไม่เป็นองค์การแห่งความเป็นเลิศ โดยต้องมีการทบทวนเป้าหมาย การปรับเปลี่ยนแผนงานให้มีความหยืดหยุ่นหรือทันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจหรือเน้นการวางแผนงาน แผนคน แผนปฏิบัติ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์การ ซึ่งต้องมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ในตำแหน่งหน้าที่ของบุคลากร เพื่อให้การสร้างความหยืดหยุ่นในตำแหน่งงาน | Curricular : | BBA/MBA/PhDM | Record link: | http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27838 |
SIU THE-T. ลักษณะองค์การที่เป็นเลิศที่มีต่อผลการดำเนินงานของธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมในเขตภาคเหนือของประเทศไทย = Characteristics of Excellence Performance Organization that Influencing the Performance of Small and Medium Enterprise in Northern Region of Thailand [printed text] / รัฐนันท์ พงศ์วิริทธิ์ธร, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; วิไลพร เลาหโกศล, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2018 . - xii, 266 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม. 500.00 บาท SIU THE-T: SOM-DBA-2018-03
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2561 Languages : Thai ( tha) Descriptors: | [LCSH]ธุรกิจขนาดกลาง [LCSH]ธุรกิจขนาดย่อม
| Keywords: | ลักษณะองค์กรที่เป็นเลิศ,
ผลการดำเนินงาน,
ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม,
ภาคเหนือของประเทศไทย | Abstract: | งานวิจัยครั้งนี้เพื่อทราบถึงลักษณะองค์การที่เป็นเลิศที่มีอิทธิพลต่อผลการดำเนินงานของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตภาคเหนือของประเทศไทย จากประชากรและกลุ่มตัวอย่างของผู้ประกอบการธุรกิจในเขตพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยทั้งหมด 17 จังหวัด ซึ่งกลุ่มตัวที่ทำการคัดเลือกโดยใช้วิธีการเลือกตัวอย่างแบบไม่ใช้ความน่าจะเป็น (Nonprobability Sampling) การสุ่มเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เนื่องจากข้อมูลในการประกอบธุรกิจมีความสำคัญและต้องให้ผู้ประกอบการสมัครใจ จำนวน 400 ราย โดยใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิตเชิงพรรณา ได้แก่ การหาค่าเฉลี่ยร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Arithmetic Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และการทดสอบสมมติฐาน (Hypothesis Testing) ด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปซึ่งทดสอบความสัมพันธ์ของตัวแปร สำหรับกำหนดการวัดการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว One-Way ANOVA และการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิสหสัมพันธ์ (Correlation Coefficient)
ผลการวิจัยพบว่า ลักษณะองค์การที่เป็นเลิศของธุรกิจธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตภาคเหนือของประเทศไทย ในภาพรวมสอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริงในระดับมาก (x̄ = 3.910) เมื่อพิจารณารายด้านทั้ง 6 ด้าน มีความสอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริงในระดับมากทุกด้านได้แก่ 1.) การนำองค์การ (การกำกับดูแลองค์การ) (x̄ = 3.865) 2.) การวางแผนเชิงกลยุทธ์ (การนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติ) (x̄ = 4.062) 3.) การมุ่งเน้นลูกค้า (x̄ = 3.723) 4.) การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ (x̄ = 3.967) 5.) การมุ่งเน้นบุคลากร (x̄ = 4.130) และ 6.) การมุ่งเน้นการปฏิบัติการ (x̄ = 3.715) ผลการดำเนินงานด้านผลลัพธ์ด้านการเงินของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตภาคเหนือของประเทศไทย ในภาพรวมอยู่ในระดับที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเป้าหมาย (x̄ = 3.752) เมื่อพิจารณารายข้ออยู่ในระดับที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเป้าหมายทุกข้อ ได้แก่ อัตราการขยายตัวปีล่าสุดของความสามารถในการชำระหนี้ (Leverage Ratio) (x̄ = 4.305) อัตราการขยายตัวปีล่าสุดของผลตอบแทนต่อนักลงทุน (ROI) (x̄ = 4.245) และอัตราการขยายตัวปีล่าสุดของผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) (x̄ = 3.925)
การทดสอบสมมติฐานของการวิจัยพบว่า ลักษะทางประชากรศาสตร์ที่แตกต่างกันทางด้าน อายุ ระดับการศึกษา ประสบการณ์ในการทำงาน และกลุ่มประเภทของธุรกิจ มีค่าเฉลี่ยระดับความสอดคล้องต่อลักษณะขององค์การที่เป็นเลิศที่ไม่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามจะมีความแตกกันของลักษณะขององค์การที่เป็นเลิศจำแนกตามตำแหน่งงาน ส่วนลักษณะองค์การที่เป็นเลิศของธุรกิจธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตภาคเหนือของประเทศไทยนั้น พบว่า การนำองค์การ (r= 0.610, Sig.= 0.000) การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ (r= -0.160, Sig. = 0.001) การมุ่งเน้นบุคลากร (r= -0.156, Sig. = 0.002) มีความสัมพันธ์ต่อผลการดำเนินงานของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งการวางแผนเชิงกลยุทธ์ (r= -0.001, Sig. = 0.997) การมุ่งเน้นลูกค้า (r= -0.090, Sig. = 0.071) และการมุ่งเน้นการปฏิบัติการ (r= 0.077, Sig. = 0.124) ไม่มีความสัมพันธ์ต่อผลการดำเนินงานของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตภาคเหนือของประเทศไทย
นอกจากนี้การนำงานวิจัยไปพัฒนาลักษณะองค์การที่เป็นเลิศที่มีอิทธิพลต่อผลการดำเนินงานของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตภาคเหนือของประเทศไทย ควรมุ่งเน้น การนำองค์กร ซึ่งผู้นำขององค์การได้ชี้นำ ในการกำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ และกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายและสามารถสื่อสารภายในองค์การได้ทั้งองค์การ โดยมีระบบการกำกับดูแลองค์การ ด้านกฎหมาย จริยธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งการตั้งเป้าหมายของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และการควบคุม ติดตาม ประเมินผล เพื่อให้เป็นองค์กรแห่งความเป็นเลิศนั้น ควรต้องลดความสัมพันธ์เชิงลบหรือเป็นผลทางลบที่จะทำให้องค์การไม่เป็นองค์การแห่งความเป็นเลิศ โดยต้องมีการทบทวนเป้าหมาย การปรับเปลี่ยนแผนงานให้มีความหยืดหยุ่นหรือทันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจหรือเน้นการวางแผนงาน แผนคน แผนปฏิบัติ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์การ ซึ่งต้องมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ในตำแหน่งหน้าที่ของบุคลากร เพื่อให้การสร้างความหยืดหยุ่นในตำแหน่งงาน | Curricular : | BBA/MBA/PhDM | Record link: | http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27838 |
|