From this page you can:
Home |
Search results
6 result(s) search for keyword(s) 'การพัฒนาโปรแกรม.การปรึกษาโดยการปรับความคิด.การปรึกษาโดยการปรับพฤติกรรม.ผู้ติดสุราที่เป็นโรคซึมเศร้า.โรคซึมเศร้า.'
Add the result to your basket Refine your search Apply to external sources Make a suggestion
การพัฒนาโปรแกรมการให้การปรึกษาโดยการปรับความคิดและพฤติกรรม / สมบัติ สกุลพรรณ์ in วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต, Vol.30 No.2 (พ.ค-ส.ค) 2559 ([06/15/2017])
[article]
Title : การพัฒนาโปรแกรมการให้การปรึกษาโดยการปรับความคิดและพฤติกรรม : สำหรับผู้ติดสุราที่เป็นโรคซึมเศร้า ที่มารับบริการในโรงพยาบาลชุมชน Original title : Development of cognitive behavior counseling program for persons with alcoholism and major depressive disorders receiving services at community hospitals Material Type: printed text Authors: สมบัติ สกุลพรรณ์, Author ; ดาราวรรณ ต๊ะปินตา, Author Publication Date: 2017 Article on page: p.38-49 Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต > Vol.30 No.2 (พ.ค-ส.ค) 2559 [06/15/2017] . - p.38-49Keywords: การพัฒนาโปรแกรม.การปรึกษาโดยการปรับความคิด.การปรึกษาโดยการปรับพฤติกรรม.ผู้ติดสุราที่เป็นโรคซึมเศร้า.โรคซึมเศร้า. Abstract: วัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนาโปรแกรมการให้การปรึกษา โดยการปรับความคิดและพฤติกรรมำหรับผู้ติดสุราที่เป็นโรคซึมเศร้าที่มารับบริการในโรงพยาบาลชุมชน
วิธีการศึกษา แนวคิดในการสร้างกิจกรรมในโปรแกรมจากทฤษฎีทางปัญญาของ เบค โดยมีขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรมตามแนวคิดของเบรพแมน 4 ขั้นตอน คือ 1) การประเมินความต้องการ 2) การวางแผนโปรแกรม 3) การนำโปรแกรมไปทดลองใช้ และ 4) การประเมินโปรแกรม
ผลการศึกษา
1 โปรแกรมการให้การปรึกษาโดยการปรับความคิดและพฤติกรรมสำหรับผู้ติดสุราที่เป็นโรคซึมเศร้าที่มารับบริการในโรงพยาบาลชุมชน มีการให้การปรึกษาจำนวน 6 ครั้ง ครั้งละ 45-90 นาที ในช่วงเวลา 3 สัปดาหฺ์
2 เนื้อหาหลักของโปรแกรม คือ การค้นหาความคิดอคโนมัติหรือการแก้ปัญหา
3 โปรแกรมมีความตรงตามเนื้อหา จากการตรวจสอบของผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน
4 ผู้ให้การปรึกษาและผู้ป่วยรายงานว่ากิจกรรม และงานในฏปรแกรมสามารถทำได้จริงและมีประโยชน์
5 ผู้ให้การปรึกษาจำเป็นต้องได้รับการฝึกก่อนการฝชเโปรแกรม
สรุป โปรแกรมการให้การปรึกษา โดยการปรับความคิด และพฤติกรรมสำหรับผุ้ติสุราที่เป็นโรคซึมเศร้าที่ได้พัฒนาขึ้น สามารถใช้ได้จริงและผู้ให้การปรึกษา และผู้ป่วยรับรู้ในประโยชน์ของโปรแกรมCurricular : BNS Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26928 [article] การพัฒนาโปรแกรมการให้การปรึกษาโดยการปรับความคิดและพฤติกรรม = Development of cognitive behavior counseling program for persons with alcoholism and major depressive disorders receiving services at community hospitals : สำหรับผู้ติดสุราที่เป็นโรคซึมเศร้า ที่มารับบริการในโรงพยาบาลชุมชน [printed text] / สมบัติ สกุลพรรณ์, Author ; ดาราวรรณ ต๊ะปินตา, Author . - 2017 . - p.38-49.
Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต > Vol.30 No.2 (พ.ค-ส.ค) 2559 [06/15/2017] . - p.38-49Keywords: การพัฒนาโปรแกรม.การปรึกษาโดยการปรับความคิด.การปรึกษาโดยการปรับพฤติกรรม.ผู้ติดสุราที่เป็นโรคซึมเศร้า.โรคซึมเศร้า. Abstract: วัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนาโปรแกรมการให้การปรึกษา โดยการปรับความคิดและพฤติกรรมำหรับผู้ติดสุราที่เป็นโรคซึมเศร้าที่มารับบริการในโรงพยาบาลชุมชน
วิธีการศึกษา แนวคิดในการสร้างกิจกรรมในโปรแกรมจากทฤษฎีทางปัญญาของ เบค โดยมีขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรมตามแนวคิดของเบรพแมน 4 ขั้นตอน คือ 1) การประเมินความต้องการ 2) การวางแผนโปรแกรม 3) การนำโปรแกรมไปทดลองใช้ และ 4) การประเมินโปรแกรม
ผลการศึกษา
1 โปรแกรมการให้การปรึกษาโดยการปรับความคิดและพฤติกรรมสำหรับผู้ติดสุราที่เป็นโรคซึมเศร้าที่มารับบริการในโรงพยาบาลชุมชน มีการให้การปรึกษาจำนวน 6 ครั้ง ครั้งละ 45-90 นาที ในช่วงเวลา 3 สัปดาหฺ์
2 เนื้อหาหลักของโปรแกรม คือ การค้นหาความคิดอคโนมัติหรือการแก้ปัญหา
3 โปรแกรมมีความตรงตามเนื้อหา จากการตรวจสอบของผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน
4 ผู้ให้การปรึกษาและผู้ป่วยรายงานว่ากิจกรรม และงานในฏปรแกรมสามารถทำได้จริงและมีประโยชน์
5 ผู้ให้การปรึกษาจำเป็นต้องได้รับการฝึกก่อนการฝชเโปรแกรม
สรุป โปรแกรมการให้การปรึกษา โดยการปรับความคิด และพฤติกรรมสำหรับผุ้ติสุราที่เป็นโรคซึมเศร้าที่ได้พัฒนาขึ้น สามารถใช้ได้จริงและผู้ให้การปรึกษา และผู้ป่วยรับรู้ในประโยชน์ของโปรแกรมCurricular : BNS Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26928 การพัฒนารูปแบบการป้องกันโรคซึมเศร้า / สุริยะ จงแพ in วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต, Vol.30 No.3 (Sep-Oct) 2559/2016 ([10/17/2017])
[article]
Title : การพัฒนารูปแบบการป้องกันโรคซึมเศร้า : ด้วยการให้การปรึกษาแบบกลุ่มแนวพุทธธรรมและโยค Original title : Development of prevention model for depressive disorder by buddhist group conseling an yoga Material Type: printed text Authors: สุริยะ จงแพ, Author ; สุณี ฉิมพิบูลย์, Author ; นภสร แก้วนิลกุล, Author ; มุนา วงศาโรจน์, Author ; พัชรี รัตนาพรพิทักษ์, Author ; ศิริเพ็ญ แก้วประดิษฐ์, Author Publication Date: 2017 Article on page: p.66-79 Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต > Vol.30 No.3 (Sep-Oct) 2559/2016 [10/17/2017] . - p.66-79Keywords: Group counseling. Buddhism. yoga. depressive disorder. การให้การปรึกษาแบบกลุ่ม. พุทธศาสนา. โยคะ. โรคซึมเศร้า. Abstract: วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนารูปแบบการป้องกันโรคซึมเศร้าด้วยการให้การปรึกษาแบบกลุ่มแนวพุทธธรรมและโยคะ และประเมินผลการนำรูปแบบไปใช้
วิธีการศึกษา:ดำเนินการตามรูปแบบของโครงการพัฒนาการวิจัยสู่การปฏิบัติเพื่อพัฒนาคุณภาพการบริการ และการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย ผลการพัฒนาพบว่ามีงานวิจัยที่นำมาศึกษา 12 เรื่อง สรุปได้เป็นรูปแบบการให้การปรึกษาแนวพุทธธรรมแบบกลุ่มปิด ร่วมกับอาสนะโยคะใช้เวลาบำบัด 3 ครั้งๆ ละ 120 นาที ผู้บำบัดเป็นพยาบาลและจิตอาสา กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้มีภาวะซึมเศร้า และผู้ป่วยโรคซึมเศร้าในชุมชนจำนวน 10 คน วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยการแจกแจงความถี่ และค่าร้อยละ
ผลการศึกษา: หลังได้รับการบำบัดกลุ่มตัวอย่างมีคะแนนเฉลี่ยของภาวะซึมเศร้าต่ำกว่าก่อนได้รับการบำบัด
สรุป: ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่ารูปแบบการป้องกันโรคซึมเศร้าด้วยการให้การปรึกษาแบบกลุ่มแนวพุทธธรรมและโยคะสามารถลดภาวะซึมเศร้าของผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าและผู้ป่วยโรคซึมเศร้าได้
Abstract
Objectives: To develop the model of prevention for depressive disorder by Buddhist group counseling and yoga and evaluate the model implementation.
Methods: The model based on capstone project and routine to research. A total of 12 research studies were selected in this study. Major findings regarding developed Buddhist close group counseling and yoga. There are three activities, each lasting 120 minutes by nurses and volunteer. The sample included ten persons with depression and depressive disorder in the community. Data were analyzed by descriptive statistics.
Results: The score of Beck Depression Inventory (BDI) decreased after receiving intervention.
Conclusion: Results from this study revealed that the model of prevention for depressive disorder by Buddhist group counseling and yoga can decrease depression of persons with depression and depressive disorder.Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27373 [article] การพัฒนารูปแบบการป้องกันโรคซึมเศร้า = Development of prevention model for depressive disorder by buddhist group conseling an yoga : ด้วยการให้การปรึกษาแบบกลุ่มแนวพุทธธรรมและโยค [printed text] / สุริยะ จงแพ, Author ; สุณี ฉิมพิบูลย์, Author ; นภสร แก้วนิลกุล, Author ; มุนา วงศาโรจน์, Author ; พัชรี รัตนาพรพิทักษ์, Author ; ศิริเพ็ญ แก้วประดิษฐ์, Author . - 2017 . - p.66-79.
Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต > Vol.30 No.3 (Sep-Oct) 2559/2016 [10/17/2017] . - p.66-79Keywords: Group counseling. Buddhism. yoga. depressive disorder. การให้การปรึกษาแบบกลุ่ม. พุทธศาสนา. โยคะ. โรคซึมเศร้า. Abstract: วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนารูปแบบการป้องกันโรคซึมเศร้าด้วยการให้การปรึกษาแบบกลุ่มแนวพุทธธรรมและโยคะ และประเมินผลการนำรูปแบบไปใช้
วิธีการศึกษา:ดำเนินการตามรูปแบบของโครงการพัฒนาการวิจัยสู่การปฏิบัติเพื่อพัฒนาคุณภาพการบริการ และการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย ผลการพัฒนาพบว่ามีงานวิจัยที่นำมาศึกษา 12 เรื่อง สรุปได้เป็นรูปแบบการให้การปรึกษาแนวพุทธธรรมแบบกลุ่มปิด ร่วมกับอาสนะโยคะใช้เวลาบำบัด 3 ครั้งๆ ละ 120 นาที ผู้บำบัดเป็นพยาบาลและจิตอาสา กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้มีภาวะซึมเศร้า และผู้ป่วยโรคซึมเศร้าในชุมชนจำนวน 10 คน วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยการแจกแจงความถี่ และค่าร้อยละ
ผลการศึกษา: หลังได้รับการบำบัดกลุ่มตัวอย่างมีคะแนนเฉลี่ยของภาวะซึมเศร้าต่ำกว่าก่อนได้รับการบำบัด
สรุป: ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่ารูปแบบการป้องกันโรคซึมเศร้าด้วยการให้การปรึกษาแบบกลุ่มแนวพุทธธรรมและโยคะสามารถลดภาวะซึมเศร้าของผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าและผู้ป่วยโรคซึมเศร้าได้
Abstract
Objectives: To develop the model of prevention for depressive disorder by Buddhist group counseling and yoga and evaluate the model implementation.
Methods: The model based on capstone project and routine to research. A total of 12 research studies were selected in this study. Major findings regarding developed Buddhist close group counseling and yoga. There are three activities, each lasting 120 minutes by nurses and volunteer. The sample included ten persons with depression and depressive disorder in the community. Data were analyzed by descriptive statistics.
Results: The score of Beck Depression Inventory (BDI) decreased after receiving intervention.
Conclusion: Results from this study revealed that the model of prevention for depressive disorder by Buddhist group counseling and yoga can decrease depression of persons with depression and depressive disorder.Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27373 ผลของโปรแกรมกลุ่มสุขภาพจิตศึกษาโดยใช้ซาเทียร์โมเดลเป็นฐาน / อรนลิน สิงขรณ์ in วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต, Vol.30 No.3 (Sep-Oct) 2559/2016 ([10/17/2017])
[article]
Title : ผลของโปรแกรมกลุ่มสุขภาพจิตศึกษาโดยใช้ซาเทียร์โมเดลเป็นฐาน : ต่ออาการซึมเศร้าในผู้หญิงไทยโรคซึมเศร้า Material Type: printed text Authors: อรนลิน สิงขรณ์, Author ; อัจฉราพร สี่หิรัญวงศ์, Author ; วิภากรณ์ ปัญญาดี, Author Publication Date: 2017 Article on page: p.21-35 Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต > Vol.30 No.3 (Sep-Oct) 2559/2016 [10/17/2017] . - p.21-35Keywords: Psycho-educatio., Satir’s Model. Women. Major Depressive Disorders. โปรแกรมกลุ่มสุขภาพจิตศึกษา. ซาเทียร์โมเดล. ผู้หญิง. โรคซึมเศร้า. Abstract: วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมกลุ่มสุขภาพจิตศึกษาโดยใช้ซาเทียร์โมเดลเป็นฐานต่ออาการซึมเศร้าในผู้หญิงไทยโรคซึมเศร้าระหว่างกลุ่มที่ได้รับโปรแกรมกลุ่มสุขภาพจิตศึกษาโดยใช้ซาเทียร์โมเดลเป็นฐาน และกลุ่มที่ได้รับการดูแลตามปกติหลังสิ้นสุดโปรแกรมทันที และหลังการทดลอง 2 สัปดาห์
วิธีการศึกษา: การวิจัยกึ่งทดลองครั้งนี้มีกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยหญิงไทยที่มารับบริการ ณ คลินิกจิตเวช โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จำนวน 24 ราย สุ่มตัวอย่างเข้ากลุ่มทดลอง 11 ราย มีอายุเฉลี่ย 46.9 (SD = 9.2) ปี ได้รับโปรแกรมกลุ่มสุขภาพจิตศึกษาโดยใช้ซาเทียร์โมเดลเป็นฐาน จำนวน 6 ครั้ง (1 ครั้งต่อสัปดาห์) และกลุ่มควบคุม 13 ราย มีอายุเฉลี่ย 42.5 (SD = 7.2) ปี ได้รับการดูแลตามปกติของหน่วยงาน ผู้วิจัยรวบรวมข้อมูลระดับอาการซึมเศร้า ระหว่าง 13 ถึง 29 คะแนน ตามเกณฑ์การเลือกตัวอย่างเข้าศึกษา โดยใช้แบบประเมินอาการซึมเศร้า (The Hamilton Rating Scale for depression / HAM-D) และใช้เป็นข้อมูลระดับอาการซึมเศร้าระยะก่อนได้รับโปรแกรม(Pre-test) หลังเสร็จสิ้นโปรแกรมทันที (Post-test 1)และหลังการทดลอง 2 สัปดาห์ (Post-test 2) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบวัดซ้ำ 1 ปัจจัย
ผลการศึกษา: อาการซึมเศร้าในผู้หญิงไทยโรคซึมเศร้าระหว่างกลุ่มที่ได้รับโปรแกรมกลุ่มสุขภาพจิตศึกษาโดยใช้ซาเทียร์โมเดลเป็นฐานและกลุ่มที่ได้รับการให้การดูแลตามปกติแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (F1, 22 = 12.786, p = .002) โดยกลุ่มที่ได้รับโปรแกรมกลุ่มสุขภาพจิตศึกษาโดยใช้ซาเทียร์โมเดลเป็นฐานมีค่าเฉลี่ยอาการซึมเศร้า
น้อยกว่ากลุ่มควบคุม และระดับอาการซึมเศร้าในผู้หญิงไทยโรคซึมเศร้าในช่วงเวลาหลังเสร็จสิ้นโปรแกรมทันที (Post-test 1) และหลังการทดลอง 2 สัปดาห์ (Post-test 2) แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (F 1, 22 = 13.801, p = .001) โดยระดับอาการซึมเศร้าหลังเสร็จสิ้นโปรแกรมทันที สูงกว่าหลังการทดลอง 2 สัปดาห์ ส่วนปฏิสัมพันธ์ระหว่างโปรแกรมกลุ่มสุขภาพจิตศึกษาโดยใช้ซาเทียร์โมเดลเป็นฐานกับช่วงเวลาที่วัดต่อระดับอาการซึมเศร้าไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (P > .05)
สรุปผลการศึกษา: โปรแกรมกลุ่มสุขภาพจิตศึกษาโดยใช้ซาเทียร์โมเดลเป็นฐานมีผลต่อการลดอาการซึมเศร้าในผู้หญิงไทยโรคซึมเศร้าระหว่างกลุ่มที่ศึกษาและภายในกลุ่มทดลอง
Abstract
Objective: To compare the effects of psycho-educational group program based on Satir’s model on depressive symptoms in Thai women with Major Depressive Disorders between standard treatments.
Methods: The samples of this quasi experimental research were 24 Thai women with major depressive disorder in Chiangrai Prachanukroh hospital. With random assignment, 11 participants (M = 46.9, SD = 9.2 years old) underwent to 6-weekly-session psycho-education program while 13 samples (M = 42.5, SD = 7.2 years old) experienced routine care. The researcher measured the severity of depressive symptoms by using the Hamilton Rating Scale at the pre-test, post-test 1 (6-weekly-sessions ended), post-test 2 (2 weeks after intervention). One factor repeated measure ANOVA was used to analyze the data.
Results: Mean depressive symptom differed statistically significant between groups (F1, 22 = 12.786, p = .002). The result revealed reductions of the depressive symptom mean between experiment and control groups. Also, Mean depressive symptom differed statistically significant between time periods (F1, 22 = 13.801, p = .001). The mean of depressive symptom at 6-weekly-sessions ended was higher than those 2 weeks after intervention. However, their interaction effect was not statistically significant (P > .05). The result revealed reductions of the mean.
Conclusion:The psycho-educational group program based on Satir’s model significantly elicited decreases in depressive symptoms across time periods.Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27367 [article] ผลของโปรแกรมกลุ่มสุขภาพจิตศึกษาโดยใช้ซาเทียร์โมเดลเป็นฐาน : ต่ออาการซึมเศร้าในผู้หญิงไทยโรคซึมเศร้า [printed text] / อรนลิน สิงขรณ์, Author ; อัจฉราพร สี่หิรัญวงศ์, Author ; วิภากรณ์ ปัญญาดี, Author . - 2017 . - p.21-35.
Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต > Vol.30 No.3 (Sep-Oct) 2559/2016 [10/17/2017] . - p.21-35Keywords: Psycho-educatio., Satir’s Model. Women. Major Depressive Disorders. โปรแกรมกลุ่มสุขภาพจิตศึกษา. ซาเทียร์โมเดล. ผู้หญิง. โรคซึมเศร้า. Abstract: วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมกลุ่มสุขภาพจิตศึกษาโดยใช้ซาเทียร์โมเดลเป็นฐานต่ออาการซึมเศร้าในผู้หญิงไทยโรคซึมเศร้าระหว่างกลุ่มที่ได้รับโปรแกรมกลุ่มสุขภาพจิตศึกษาโดยใช้ซาเทียร์โมเดลเป็นฐาน และกลุ่มที่ได้รับการดูแลตามปกติหลังสิ้นสุดโปรแกรมทันที และหลังการทดลอง 2 สัปดาห์
วิธีการศึกษา: การวิจัยกึ่งทดลองครั้งนี้มีกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยหญิงไทยที่มารับบริการ ณ คลินิกจิตเวช โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จำนวน 24 ราย สุ่มตัวอย่างเข้ากลุ่มทดลอง 11 ราย มีอายุเฉลี่ย 46.9 (SD = 9.2) ปี ได้รับโปรแกรมกลุ่มสุขภาพจิตศึกษาโดยใช้ซาเทียร์โมเดลเป็นฐาน จำนวน 6 ครั้ง (1 ครั้งต่อสัปดาห์) และกลุ่มควบคุม 13 ราย มีอายุเฉลี่ย 42.5 (SD = 7.2) ปี ได้รับการดูแลตามปกติของหน่วยงาน ผู้วิจัยรวบรวมข้อมูลระดับอาการซึมเศร้า ระหว่าง 13 ถึง 29 คะแนน ตามเกณฑ์การเลือกตัวอย่างเข้าศึกษา โดยใช้แบบประเมินอาการซึมเศร้า (The Hamilton Rating Scale for depression / HAM-D) และใช้เป็นข้อมูลระดับอาการซึมเศร้าระยะก่อนได้รับโปรแกรม(Pre-test) หลังเสร็จสิ้นโปรแกรมทันที (Post-test 1)และหลังการทดลอง 2 สัปดาห์ (Post-test 2) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบวัดซ้ำ 1 ปัจจัย
ผลการศึกษา: อาการซึมเศร้าในผู้หญิงไทยโรคซึมเศร้าระหว่างกลุ่มที่ได้รับโปรแกรมกลุ่มสุขภาพจิตศึกษาโดยใช้ซาเทียร์โมเดลเป็นฐานและกลุ่มที่ได้รับการให้การดูแลตามปกติแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (F1, 22 = 12.786, p = .002) โดยกลุ่มที่ได้รับโปรแกรมกลุ่มสุขภาพจิตศึกษาโดยใช้ซาเทียร์โมเดลเป็นฐานมีค่าเฉลี่ยอาการซึมเศร้า
น้อยกว่ากลุ่มควบคุม และระดับอาการซึมเศร้าในผู้หญิงไทยโรคซึมเศร้าในช่วงเวลาหลังเสร็จสิ้นโปรแกรมทันที (Post-test 1) และหลังการทดลอง 2 สัปดาห์ (Post-test 2) แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (F 1, 22 = 13.801, p = .001) โดยระดับอาการซึมเศร้าหลังเสร็จสิ้นโปรแกรมทันที สูงกว่าหลังการทดลอง 2 สัปดาห์ ส่วนปฏิสัมพันธ์ระหว่างโปรแกรมกลุ่มสุขภาพจิตศึกษาโดยใช้ซาเทียร์โมเดลเป็นฐานกับช่วงเวลาที่วัดต่อระดับอาการซึมเศร้าไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (P > .05)
สรุปผลการศึกษา: โปรแกรมกลุ่มสุขภาพจิตศึกษาโดยใช้ซาเทียร์โมเดลเป็นฐานมีผลต่อการลดอาการซึมเศร้าในผู้หญิงไทยโรคซึมเศร้าระหว่างกลุ่มที่ศึกษาและภายในกลุ่มทดลอง
Abstract
Objective: To compare the effects of psycho-educational group program based on Satir’s model on depressive symptoms in Thai women with Major Depressive Disorders between standard treatments.
Methods: The samples of this quasi experimental research were 24 Thai women with major depressive disorder in Chiangrai Prachanukroh hospital. With random assignment, 11 participants (M = 46.9, SD = 9.2 years old) underwent to 6-weekly-session psycho-education program while 13 samples (M = 42.5, SD = 7.2 years old) experienced routine care. The researcher measured the severity of depressive symptoms by using the Hamilton Rating Scale at the pre-test, post-test 1 (6-weekly-sessions ended), post-test 2 (2 weeks after intervention). One factor repeated measure ANOVA was used to analyze the data.
Results: Mean depressive symptom differed statistically significant between groups (F1, 22 = 12.786, p = .002). The result revealed reductions of the depressive symptom mean between experiment and control groups. Also, Mean depressive symptom differed statistically significant between time periods (F1, 22 = 13.801, p = .001). The mean of depressive symptom at 6-weekly-sessions ended was higher than those 2 weeks after intervention. However, their interaction effect was not statistically significant (P > .05). The result revealed reductions of the mean.
Conclusion:The psycho-educational group program based on Satir’s model significantly elicited decreases in depressive symptoms across time periods.Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27367 ผลของโปรแกรมการจัดการกับการรับรู้เหตุการณ์เครียดในชีวิตแบบผสมผสานต่อภาวะซึมเศร้าของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าในชุมชน / โสภา ตั้งทีฆกูล in วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต, Vol.31 No.1 (Jan-Apr) 2017/2560 ([11/08/2017])
[article]
Title : ผลของโปรแกรมการจัดการกับการรับรู้เหตุการณ์เครียดในชีวิตแบบผสมผสานต่อภาวะซึมเศร้าของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าในชุมชน Original title : The effect of integrated perceived stressful life event management program on depression of depressive disorder patients in community Material Type: printed text Authors: โสภา ตั้งทีฆกูล, Author ; วีณา จีระแพทย์, Author ; เพ็ญพักตร์ อุทิศ, Author Publication Date: 2017 Article on page: p.133-147 Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต > Vol.31 No.1 (Jan-Apr) 2017/2560 [11/08/2017] . - p.133-147Keywords: การรับรู้เหตุการณ์เครียดในชีวิต ภาวะซึมเศร้า โรคซึมเศร้า.Perceived stressful life event. Depression. Depressive disorder. Abstract: วัตถุประสงค์: การวิจัยกึ่งทดลองแบบสองกลุ่มวัดก่อนและหลังการทดลองเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการจัดการกับการรับรู้เหตุการณ์เครียดในชีวิตแบบผสมผสาน ต่อภาวะซึมเศร้าของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าในชุมชน
วิธีดำเนินการ: กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอายุ 20-59 ปี ซึ่งเข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยนอกที่คลินิกจิตเวช โรงพยาบาลชุมชน จำนวน 40 คน ได้รับการจับคู่ให้มีคุณลักษณะที่ใกล้เคียงกันในเรื่อง อายุ เพศ และคะแนนภาวะซึมเศร้า จากนั้นได้รับการสุ่มเข้าเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 20 คน กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมการจัดการกับการรับรู้เหตุการณ์เครียดในชีวิตแบบผสมผสาน กลุ่มควบคุมได้รับการพยาบาลตามปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) โปรแกรมการจัดการกับการรับรู้เหตุการณ์เครียดในชีวิตแบบผสมผสาน 2) แบบสอบถามเหตุการณ์เครียดในชีวิต และ 3) แบบประเมินภาวะซึมเศร้า ซึ่งโปรแกรมฯ ผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหา โดยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 ท่าน เครื่องมือแบบสอบถามเหตุการณ์เครียดในชีวิต และแบบประเมินภาวะซึมเศร้า มีค่าความเที่ยงสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค เท่ากับ .91 และ .82 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติที
ผลการศึกษา: 1) ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า หลังได้รับโปรแกรมการจัดการกับการรับรู้เหตุการณ์เครียดในชีวิตแบบผสมผสาน มีระดับภาวะซึมเศร้าต่ำกว่าก่อนได้รับโปรแกรมฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (t = 29.442, p < .05) 2) ผู้ป่วยโรคซึมเศร้ากลุ่มที่ได้รับโปรแกรมฯ มีระดับภาวะซึมเศร้าต่ำกว่ากลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (t = 12.668, p <.05).
Objective: The purpose of this quasiexperimental pretest-posttest with control group research design was to determine the effect of the integrated perceived stressful life event management program on depression of depressive disorder patients in the community.
Method: The subjects were 40 patients diagnosed with depressive disorder, aged of 20-59 years, at the psychiatric clinic, out-patient department of a community hospital. They were matched pairs by sex, similar age and depression scores and then randomly assigned into the experimental and control groups, 20 subjects in each group. The experimental group received the integrated perceived stressful life event management program whereas the control group received routine nursing care. Research instruments consisted of the integrated perceived stressful life event management program, life stress event questionnaire and the Thai Hamilton Rating Scale for Depression. The integrated perceived stressful life event management program was validated for content validity by 5 professional experts. Reliability of the life stress event and the Thai Hamilton Rating Scale for Depression were reported by Cronbach,s Alpha coefficient as of .91 and .82, respectively. Data were analyzed using descriptive statistics, dependent and independent t-tests.
Results:1) The depression of patients with depressive disorder in the community after receiving the integrated perceived stressful life event management program was significantly lower than that before (t = 29.442, p < .05) 2) The depression of depressive disorder patients in the community after received integrated perceived stressful life event management program was significantly lower than that of those who receiving routine nursing care (t = 12.668, p < .05).Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27476 [article] ผลของโปรแกรมการจัดการกับการรับรู้เหตุการณ์เครียดในชีวิตแบบผสมผสานต่อภาวะซึมเศร้าของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าในชุมชน = The effect of integrated perceived stressful life event management program on depression of depressive disorder patients in community [printed text] / โสภา ตั้งทีฆกูล, Author ; วีณา จีระแพทย์, Author ; เพ็ญพักตร์ อุทิศ, Author . - 2017 . - p.133-147.
Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต > Vol.31 No.1 (Jan-Apr) 2017/2560 [11/08/2017] . - p.133-147Keywords: การรับรู้เหตุการณ์เครียดในชีวิต ภาวะซึมเศร้า โรคซึมเศร้า.Perceived stressful life event. Depression. Depressive disorder. Abstract: วัตถุประสงค์: การวิจัยกึ่งทดลองแบบสองกลุ่มวัดก่อนและหลังการทดลองเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการจัดการกับการรับรู้เหตุการณ์เครียดในชีวิตแบบผสมผสาน ต่อภาวะซึมเศร้าของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าในชุมชน
วิธีดำเนินการ: กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอายุ 20-59 ปี ซึ่งเข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยนอกที่คลินิกจิตเวช โรงพยาบาลชุมชน จำนวน 40 คน ได้รับการจับคู่ให้มีคุณลักษณะที่ใกล้เคียงกันในเรื่อง อายุ เพศ และคะแนนภาวะซึมเศร้า จากนั้นได้รับการสุ่มเข้าเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 20 คน กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมการจัดการกับการรับรู้เหตุการณ์เครียดในชีวิตแบบผสมผสาน กลุ่มควบคุมได้รับการพยาบาลตามปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) โปรแกรมการจัดการกับการรับรู้เหตุการณ์เครียดในชีวิตแบบผสมผสาน 2) แบบสอบถามเหตุการณ์เครียดในชีวิต และ 3) แบบประเมินภาวะซึมเศร้า ซึ่งโปรแกรมฯ ผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหา โดยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 ท่าน เครื่องมือแบบสอบถามเหตุการณ์เครียดในชีวิต และแบบประเมินภาวะซึมเศร้า มีค่าความเที่ยงสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค เท่ากับ .91 และ .82 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติที
ผลการศึกษา: 1) ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า หลังได้รับโปรแกรมการจัดการกับการรับรู้เหตุการณ์เครียดในชีวิตแบบผสมผสาน มีระดับภาวะซึมเศร้าต่ำกว่าก่อนได้รับโปรแกรมฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (t = 29.442, p < .05) 2) ผู้ป่วยโรคซึมเศร้ากลุ่มที่ได้รับโปรแกรมฯ มีระดับภาวะซึมเศร้าต่ำกว่ากลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (t = 12.668, p <.05).
Objective: The purpose of this quasiexperimental pretest-posttest with control group research design was to determine the effect of the integrated perceived stressful life event management program on depression of depressive disorder patients in the community.
Method: The subjects were 40 patients diagnosed with depressive disorder, aged of 20-59 years, at the psychiatric clinic, out-patient department of a community hospital. They were matched pairs by sex, similar age and depression scores and then randomly assigned into the experimental and control groups, 20 subjects in each group. The experimental group received the integrated perceived stressful life event management program whereas the control group received routine nursing care. Research instruments consisted of the integrated perceived stressful life event management program, life stress event questionnaire and the Thai Hamilton Rating Scale for Depression. The integrated perceived stressful life event management program was validated for content validity by 5 professional experts. Reliability of the life stress event and the Thai Hamilton Rating Scale for Depression were reported by Cronbach,s Alpha coefficient as of .91 and .82, respectively. Data were analyzed using descriptive statistics, dependent and independent t-tests.
Results:1) The depression of patients with depressive disorder in the community after receiving the integrated perceived stressful life event management program was significantly lower than that before (t = 29.442, p < .05) 2) The depression of depressive disorder patients in the community after received integrated perceived stressful life event management program was significantly lower than that of those who receiving routine nursing care (t = 12.668, p < .05).Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27476 ผลของโปรแกรมการบำบัดโดยการแก้ปัญหาต่อภาวะซึมเศร้าในผู้ป่วยโรคซึมเศร้า / ธวัชชัย พละศักดิ์ in วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต, Vol.31 No.1 (Jan-Apr) 2017/2560 ([11/08/2017])
[article]
Title : ผลของโปรแกรมการบำบัดโดยการแก้ปัญหาต่อภาวะซึมเศร้าในผู้ป่วยโรคซึมเศร้า Original title : The effect of the problem solving therapy program on depression of patients with major depressivedioo Material Type: printed text Authors: ธวัชชัย พละศักดิ์, Author ; รังสิมันต์ สุนทรไชยา, Author ; รัชนีกร อุปเสน, Author Publication Date: 2017 Article on page: p.60-74 Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต > Vol.31 No.1 (Jan-Apr) 2017/2560 [11/08/2017] . - p.60-74Keywords: การบำบัดโดยการแก้ปัญหา. ภาวะซึมเศร้า. โรคซึมเศร้า.roblem solving therapy. Depression. Major Depressive Disorder. Abstract: วัตถุประสงค์: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง มีวัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบภาวะซึมเศร้าของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าก่อนและหลังการได้รับโปรแกรมการบำบัดโดยการแก้ปัญหา และเปรียบเทียบภาวะซึมเศร้าของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่ได้รับโปรแกรมการบำบัดโดยการแก้ปัญหากับกลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติ
วิธีการศึกษา: กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่มารับการรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ จำนวน 40 คน จับคู่ตามลักษณะที่คล้ายกัน ได้แก่ เพศ รายได้ และระดับภาวะซึมเศร้า แล้วสุ่มแยกเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) โปรแกรมการบำบัดโดยการแก้ปัญหา 2) แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล 3)แบบประเมินภาวะซึมเศร้า 4) แบบสำรวจการแก้ปัญหา ซึ่งเครื่องมือที่ใช้ทั้งหมดผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหา โดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน ค่าความเที่ยงของแบบประเมินภาวะซึมเศร้า และแบบสำรวจการแก้ปัญหา เท่ากับ .75 และ .78 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ยเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบที (t-test)
ผลการศึกษา:
1. ภาวะซึมเศร้าของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าหลังได้รับโปรแกรมการบำบัดโดยการแก้ปัญหาน้อยกว่าก่อนได้รับโปรแกรมการบำบัดโดยการแก้ปัญหา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. ภาวะซึมเศร้าของผู้ป่วยโรคซึมเศร้ากลุ่มทดลองภายหลังได้รับโปรแกรมการบำบัดโดยการแก้ปัญหา น้อยกว่าผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่ได้รับการพยาบาลปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
สรุป: โปรแกรมการบำบัดโดยการแก้ปัญหาสามารถทำให้ภาวะซึมเศร้าของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าลดลงได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้าน้อยและปานกลาง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
Objective: The purpose of this experimental research were to compare depression of patient with major depressive disorder before and after receiving the problem solving therapy program; and to compare depression between the patients who received the problem solving therapy program and who received the routine nursing care.
Methods: A sample of 40 patients with major depressive disorder was received treatment at the out patients of Prasrimahabhodi Psychiatric Hospital. Matched pair characteristics of gender personal and levels of depression income were randomly assigned into the experimental and the control group. The research instruments were 1) Problem Solving Therapy Program 2) Personal data questionnaire 3) Beck Depression Inventory 4) Problem Solving Inventory. These instruments were tested for content validity by five professional experts. The reliability of Beck Depression Inventory and Problem Solving Inventoy was .75 and .78. Data were analyzed by using mean, standard deviation and t - test.
Results:
1. Depression of the patients with major depressive disorder after receive the problem solving therapy program was statistically significantly less than before at the level of .05.
2. Depression of the patients with major depressive disorder after receive the problem solving therapy program was statistically significantly less than those who received routine nursing care at the level of .05.
Conclusion: Problem Solving Therapy Program can reduce level of depression in patients with mild and moderate major depressive disorder.
Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27472 [article] ผลของโปรแกรมการบำบัดโดยการแก้ปัญหาต่อภาวะซึมเศร้าในผู้ป่วยโรคซึมเศร้า = The effect of the problem solving therapy program on depression of patients with major depressivedioo [printed text] / ธวัชชัย พละศักดิ์, Author ; รังสิมันต์ สุนทรไชยา, Author ; รัชนีกร อุปเสน, Author . - 2017 . - p.60-74.
Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต > Vol.31 No.1 (Jan-Apr) 2017/2560 [11/08/2017] . - p.60-74Keywords: การบำบัดโดยการแก้ปัญหา. ภาวะซึมเศร้า. โรคซึมเศร้า.roblem solving therapy. Depression. Major Depressive Disorder. Abstract: วัตถุประสงค์: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง มีวัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบภาวะซึมเศร้าของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าก่อนและหลังการได้รับโปรแกรมการบำบัดโดยการแก้ปัญหา และเปรียบเทียบภาวะซึมเศร้าของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่ได้รับโปรแกรมการบำบัดโดยการแก้ปัญหากับกลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติ
วิธีการศึกษา: กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่มารับการรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ จำนวน 40 คน จับคู่ตามลักษณะที่คล้ายกัน ได้แก่ เพศ รายได้ และระดับภาวะซึมเศร้า แล้วสุ่มแยกเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) โปรแกรมการบำบัดโดยการแก้ปัญหา 2) แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล 3)แบบประเมินภาวะซึมเศร้า 4) แบบสำรวจการแก้ปัญหา ซึ่งเครื่องมือที่ใช้ทั้งหมดผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหา โดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน ค่าความเที่ยงของแบบประเมินภาวะซึมเศร้า และแบบสำรวจการแก้ปัญหา เท่ากับ .75 และ .78 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ยเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบที (t-test)
ผลการศึกษา:
1. ภาวะซึมเศร้าของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าหลังได้รับโปรแกรมการบำบัดโดยการแก้ปัญหาน้อยกว่าก่อนได้รับโปรแกรมการบำบัดโดยการแก้ปัญหา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. ภาวะซึมเศร้าของผู้ป่วยโรคซึมเศร้ากลุ่มทดลองภายหลังได้รับโปรแกรมการบำบัดโดยการแก้ปัญหา น้อยกว่าผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่ได้รับการพยาบาลปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
สรุป: โปรแกรมการบำบัดโดยการแก้ปัญหาสามารถทำให้ภาวะซึมเศร้าของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าลดลงได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้าน้อยและปานกลาง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
Objective: The purpose of this experimental research were to compare depression of patient with major depressive disorder before and after receiving the problem solving therapy program; and to compare depression between the patients who received the problem solving therapy program and who received the routine nursing care.
Methods: A sample of 40 patients with major depressive disorder was received treatment at the out patients of Prasrimahabhodi Psychiatric Hospital. Matched pair characteristics of gender personal and levels of depression income were randomly assigned into the experimental and the control group. The research instruments were 1) Problem Solving Therapy Program 2) Personal data questionnaire 3) Beck Depression Inventory 4) Problem Solving Inventory. These instruments were tested for content validity by five professional experts. The reliability of Beck Depression Inventory and Problem Solving Inventoy was .75 and .78. Data were analyzed by using mean, standard deviation and t - test.
Results:
1. Depression of the patients with major depressive disorder after receive the problem solving therapy program was statistically significantly less than before at the level of .05.
2. Depression of the patients with major depressive disorder after receive the problem solving therapy program was statistically significantly less than those who received routine nursing care at the level of .05.
Conclusion: Problem Solving Therapy Program can reduce level of depression in patients with mild and moderate major depressive disorder.
Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27472 ผลของโปรแกรมการสนับสนุนทางสังคมแบบกลุ่มต่อพฤติกรรมการใช้ยาตามเกณฑ์การรักษาของผู้ป่วยสูงอายุโรคซึมเศร้า / พิสิฐ รุ่งโรจน์วัฒนศิริ in วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต, Vol.31 No.1 (Jan-Apr) 2017/2560 ([11/08/2017])
[article]
Title : ผลของโปรแกรมการสนับสนุนทางสังคมแบบกลุ่มต่อพฤติกรรมการใช้ยาตามเกณฑ์การรักษาของผู้ป่วยสูงอายุโรคซึมเศร้า Original title : The effect of group social support program on medication adherence of elderly patients with major depressive disorder WITH MAJOR DEPRESSIVE DISORDER Material Type: printed text Authors: พิสิฐ รุ่งโรจน์วัฒนศิริ, Author ; รังสิมันต์ สุนทรไชยา, Author ; รัชนีกร อุปเสน, Author Publication Date: 2017 Article on page: p.119-132. Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต > Vol.31 No.1 (Jan-Apr) 2017/2560 [11/08/2017] . - p.119-132.Keywords: ผู้ป่วยสูงอายุ. โรคซึมเศร้า. พฤติกรรมการใช้ยาตามเกณฑ์การรักษา. การสนับสนุนทางสังคม.Elderly patient. Major depressive disorder. Medication adherence. Social support. Abstract: วัตถุประสงค์: การวิจัยกึ่งทดลองนี้มี วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้ยาตามเกณฑ์การรักษาของผู้ป่วยสูงอายุโรคซึมเศร้าที่ได้รับการสนับสนุนทางสังคมแบบกลุ่ม
วิธีการศึกษา: กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอายุ 60 ปีขึ้นไป แผนกผู้ป่วยนอกจำนวน 40 คน ได้รับการจับคู่แล้วสุ่มเข้ากลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมกลุ่มละ 20 คน ผู้วิจัยพัฒนาเนื้อหาการสนับสนุนทางสังคมแบบกลุ่มจากแนวคิดการสนับสนุนทางสังคมของ House (1981) โดยมีองค์ประกอบ 4 ด้านได้แก่ 1) การสนับสนุนด้านอารมณ์ 2) การสนับสนุนด้านการประเมินค่า 3) การสนับสนุนด้านข้อมูลข่าวสาร และ 4) การสนับสนุนด้านทรัพยากรในการพัฒนาเนื้อหา/สาระของแต่ละกิจกรรมและกระบวนการดำเนินกลุ่มของMarram (1978) เครื่องมือในการวิจัยประกอบด้วย1) แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล 2) แบบทดสอบสภาพสมองเบื้องต้นฉบับภาษาไทย 3) แบบประเมินพฤติกรรมการรับประทานยาและ 4) แบบประเมินการสนับสนุนทางสังคมวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติที
ผลการศึกษา: ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1. พฤติกรรมการใช้ยาตามเกณฑ์การรักษาของผู้สูงอายุโรคซึมเศร้าหลังได้รับโปรแกรมการสนับสนุนทางสังคมสูงกว่าก่อนได้รับโปรแกรมฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. หลังการทดลองพฤติกรรมการใช้ยาตามเกณฑ์การรักษาของผู้สูงอายุโรคซึมเศร้ากลุ่มที่ได้รับโปรแกรมฯ สูงกว่ากลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05.
Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27475 [article] ผลของโปรแกรมการสนับสนุนทางสังคมแบบกลุ่มต่อพฤติกรรมการใช้ยาตามเกณฑ์การรักษาของผู้ป่วยสูงอายุโรคซึมเศร้า = The effect of group social support program on medication adherence of elderly patients with major depressive disorder WITH MAJOR DEPRESSIVE DISORDER [printed text] / พิสิฐ รุ่งโรจน์วัฒนศิริ, Author ; รังสิมันต์ สุนทรไชยา, Author ; รัชนีกร อุปเสน, Author . - 2017 . - p.119-132.
Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต > Vol.31 No.1 (Jan-Apr) 2017/2560 [11/08/2017] . - p.119-132.Keywords: ผู้ป่วยสูงอายุ. โรคซึมเศร้า. พฤติกรรมการใช้ยาตามเกณฑ์การรักษา. การสนับสนุนทางสังคม.Elderly patient. Major depressive disorder. Medication adherence. Social support. Abstract: วัตถุประสงค์: การวิจัยกึ่งทดลองนี้มี วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้ยาตามเกณฑ์การรักษาของผู้ป่วยสูงอายุโรคซึมเศร้าที่ได้รับการสนับสนุนทางสังคมแบบกลุ่ม
วิธีการศึกษา: กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอายุ 60 ปีขึ้นไป แผนกผู้ป่วยนอกจำนวน 40 คน ได้รับการจับคู่แล้วสุ่มเข้ากลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมกลุ่มละ 20 คน ผู้วิจัยพัฒนาเนื้อหาการสนับสนุนทางสังคมแบบกลุ่มจากแนวคิดการสนับสนุนทางสังคมของ House (1981) โดยมีองค์ประกอบ 4 ด้านได้แก่ 1) การสนับสนุนด้านอารมณ์ 2) การสนับสนุนด้านการประเมินค่า 3) การสนับสนุนด้านข้อมูลข่าวสาร และ 4) การสนับสนุนด้านทรัพยากรในการพัฒนาเนื้อหา/สาระของแต่ละกิจกรรมและกระบวนการดำเนินกลุ่มของMarram (1978) เครื่องมือในการวิจัยประกอบด้วย1) แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล 2) แบบทดสอบสภาพสมองเบื้องต้นฉบับภาษาไทย 3) แบบประเมินพฤติกรรมการรับประทานยาและ 4) แบบประเมินการสนับสนุนทางสังคมวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติที
ผลการศึกษา: ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1. พฤติกรรมการใช้ยาตามเกณฑ์การรักษาของผู้สูงอายุโรคซึมเศร้าหลังได้รับโปรแกรมการสนับสนุนทางสังคมสูงกว่าก่อนได้รับโปรแกรมฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. หลังการทดลองพฤติกรรมการใช้ยาตามเกณฑ์การรักษาของผู้สูงอายุโรคซึมเศร้ากลุ่มที่ได้รับโปรแกรมฯ สูงกว่ากลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05.
Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27475