From this page you can:
Home |
Author details
Author วรรณศรี อุมาหฤทัย
Available item(s) by this author
Add the result to your basket Make a suggestion Refine your search Apply to external sourcesSIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านตัดขนสุนัข ในเขต จังหวัดพระนครศรีอยุธยา / สินารถ นามอรรถ์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2014
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านตัดขนสุนัข ในเขต จังหวัดพระนครศรีอยุธยา Original title : The Influential Factor on Consumer’s Choosing Decision in the Dog Grooming Shop in Phra Nakhon Sri Ayutthaya Province Material Type: printed text Authors: สินารถ นามอรรถ์, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; กรวิชญ์ บุญส่ง, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2014 Pagination: xiii, 89 น. Layout: ill, tables Size: 30 cm. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2014-05
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การซื้อสินค้า -- การตัดสินใจ
[LCSH]ผู้บริโภค -- พฤติกรรม
[LCSH]สุนัขKeywords: การตอบสนองของผู้ซื้อ
สามเหลี่ยมแห่งการบริการ
สิ่งกระตุ้น
สิ่งกระตุ้นทางการตลาดAbstract: การศึกษาวิจัยเรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านตัดขนสุนัข ในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีวัตถุประสงค์ เพื่อ ศึกษาพฤติกรรม ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดเปรียบเทียบความแตกต่างของปัจจัยส่วนบุคคล ต่อปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการร้านตัดขนสุนัข ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา Curricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26202 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านตัดขนสุนัข ในเขต จังหวัดพระนครศรีอยุธยา = The Influential Factor on Consumer’s Choosing Decision in the Dog Grooming Shop in Phra Nakhon Sri Ayutthaya Province [printed text] / สินารถ นามอรรถ์, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; กรวิชญ์ บุญส่ง, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014 . - xiii, 89 น. : ill, tables ; 30 cm.
500.00
SIU IS-T: SOM-MBA-2014-05
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การซื้อสินค้า -- การตัดสินใจ
[LCSH]ผู้บริโภค -- พฤติกรรม
[LCSH]สุนัขKeywords: การตอบสนองของผู้ซื้อ
สามเหลี่ยมแห่งการบริการ
สิ่งกระตุ้น
สิ่งกระตุ้นทางการตลาดAbstract: การศึกษาวิจัยเรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านตัดขนสุนัข ในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีวัตถุประสงค์ เพื่อ ศึกษาพฤติกรรม ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดเปรียบเทียบความแตกต่างของปัจจัยส่วนบุคคล ต่อปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการร้านตัดขนสุนัข ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา Curricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26202 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000590693 SIU IS-T: SOM-MBA-2014-05 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อการทำธุรกิจประเภทรักษาความปลอดภัยในจังหวัดสมุทรสาคร / พลจักร พิพัฒนสุคนธ์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2014
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีผลต่อการทำธุรกิจประเภทรักษาความปลอดภัยในจังหวัดสมุทรสาคร Original title : Factors Affecting Security Business in Samut Sakhon Province Material Type: printed text Authors: พลจักร พิพัฒนสุคนธ์, Author ; กรวิชญ์ บุญส่ง, Associated Name ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2014 Pagination: viii, 70 น. Layout: ill, tables Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2014-07
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การบริการ -- ความพอใจ
[LCSH]ผู้บริโภค -- พฤติกรรมKeywords: ธุรกิจงานรักษาความปลอดภัย
ความเป็นไปได้ด้านการตลาด
การตัดสินใจ
ความพึงพอใจAbstract: การวิจัยเรื่องปัจจัยที่มีผลต่อการทำธุรกิจประเภทรักษาความปลอดภัย ในจังหวัดสมุทรสาคร มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ด้านการตลาดในการลงทุนทำธุรกิจรักษาความปลอดภัย เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยในการลงทุนทำธุรกิจรักษาความปลอดภัย เพื่อศึกษาวิเคราะห์พฤติกรรมในการเลือกใช้บริการงานรักษาความปลอดภัย และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้บริการรักษาความปลอดภัย ในการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณโดยใช้วิธีการสำรวจ ซึ่งกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือผู้ประกอบการหรือองค์การผู้ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยและกลุ่มผู้ใช้บริการงานรักษาความปลอดภัย ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร Curricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26204 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อการทำธุรกิจประเภทรักษาความปลอดภัยในจังหวัดสมุทรสาคร = Factors Affecting Security Business in Samut Sakhon Province [printed text] / พลจักร พิพัฒนสุคนธ์, Author ; กรวิชญ์ บุญส่ง, Associated Name ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014 . - viii, 70 น. : ill, tables ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOM-MBA-2014-07
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การบริการ -- ความพอใจ
[LCSH]ผู้บริโภค -- พฤติกรรมKeywords: ธุรกิจงานรักษาความปลอดภัย
ความเป็นไปได้ด้านการตลาด
การตัดสินใจ
ความพึงพอใจAbstract: การวิจัยเรื่องปัจจัยที่มีผลต่อการทำธุรกิจประเภทรักษาความปลอดภัย ในจังหวัดสมุทรสาคร มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ด้านการตลาดในการลงทุนทำธุรกิจรักษาความปลอดภัย เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยในการลงทุนทำธุรกิจรักษาความปลอดภัย เพื่อศึกษาวิเคราะห์พฤติกรรมในการเลือกใช้บริการงานรักษาความปลอดภัย และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้บริการรักษาความปลอดภัย ในการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณโดยใช้วิธีการสำรวจ ซึ่งกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือผู้ประกอบการหรือองค์การผู้ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยและกลุ่มผู้ใช้บริการงานรักษาความปลอดภัย ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร Curricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26204 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000580629 SIU IS-T: SOM-MBA-2014-07 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ / ปิติทัต กงทอง / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีผลต่อการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ Original title : Factors that Effected for Preventing and Suppressing of Prostitution of Police Sub-Division 4 ATI-Human Trafficking Division, Central Investigation Bureau, Royal Thai Police Material Type: printed text Authors: ปิติทัต กงทอง, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: viii, 88 น. Layout: ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-16
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ -- ข้าราชการตำรวจ
[LCSH]การค้ามนุษย์ -- การป้องกันKeywords: การป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี
ความผูกพันกับองค์การ
ทัศนคติของผู้บังคับบัญชา
ความรู้ความเข้าใจของเจ้าหน้าที่
การสื่อสารAbstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบปัจจัยด้านประชากรศาสตร์กับปัจจัยด้านการปฏิบัติงานการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 3) เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการปฏิบัติงานการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยผู้วิจัยใช้วิธีการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณ ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยทางด้านประชากรศาสตร์ มีผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 36-45 ปีขึ้นไป ได้มีการสมรสแล้วเป็นส่วนใหญ่และส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี และมีรายได้ส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 10,001 – 20,000 บาท โดยส่วนใหญ่มีประสบการณ์การทำงานอยู่ระหว่าง 16-20 ปี และจากการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปผลการวิจัยแต่ละปัจจัยหลักมีลำดับความสำคัญดังนี้คือ ลำดับแรก ได้แก่ ด้านความผูกพันสัมพันธ์กับองค์การมีความสำคัญ ลำดับที่สอง ได้แก่ ด้านความรู้ความเข้าใจของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ลำดับที่สาม ได้แก่ ด้านทัศนคติของผู้บังคับบัญชา ลำดับที่สี่ ด้านการสื่อสาร วัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ โดยทั้งสี่ลำดับนี้ เป็นปัจจัยที่ผู้ตอบแบบอบถามให้ความสำคัญอยู่ระดับมาก ลำดับที่สี่ ได้แก่ ด้านอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ และลำดับสุดท้าย ได้แก่ ด้านการจัดสรรงบประมาณ เป็นปัจจัยที่ผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญอยู่ในระดับปานกลาง ข้อเสนอแนะในการนำผลการศึกษาค้นคว้าไปใช้ คือ ส่งเสริมและสนับสนุนให้ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติงานการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีมีความพร้อมในการปฏิบัติงาน โดยการพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมให้มีความพร้อมในเรื่องการสร้างประสบการณ์ในการทำงานด้านการป้องกันและการปราบปรามการค้าประเวณี การเสริมรายได้ไปพร้อม ๆ กับการวางแผนการใช้จ่ายต่อเดือน ส่งเสริมให้ลาศึกษาต่อและฝึกอบรมในด้านที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนให้ปฏิบัติงานในหน่วยงานที่เหมาะสม และส่งเสริมให้มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการดำเนินงานใน ปัจจัยต่าง ๆ คือ ปัจจัยทางด้านนโยบาย ด้านมาตรการการปฏิบัติ
ด้านกฎหมาย ด้านงบประมาณ ด้านการบริหารจัดการ และด้านบุคลากร ได้แก่ การทบทวนนโยบาย มาตรการ การจัดระบบขั้นตอนที่เกี่ยวข้องให้เอื้อต่อการปฏิบัติงานการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี การให้รางวัลและการคุ้มครองเป็นพิเศษแก่เจ้าหน้าที่ของภาครัฐและประชาชนที่ให้ความร่วมมือในการปราบปรามการค้าประเวณี การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้การป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีและการแสวงหาแนวร่วมภาคประชาชน ในการป้องกันปราบปรามการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีให้มากขึ้น โดยการสร้างความร่วมมือกับองค์การ ภาคีต่าง ๆ ทั้ง ภาครัฐ ประชาชน ชุมชน และภาคเอกชน การเตรียมความพร้อมของบุคลากรทั้งจำนวนที่เหมาะสมและการพัฒนาศักยภาพให้บุคลากรมีความรู้ความสามารถในการดำเนินงาน ตลอดจนมีความพร้อมทั้งทางร่างกาย จิตใจ สังคมCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26537 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ = Factors that Effected for Preventing and Suppressing of Prostitution of Police Sub-Division 4 ATI-Human Trafficking Division, Central Investigation Bureau, Royal Thai Police [printed text] / ปิติทัต กงทอง, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - viii, 88 น. : ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-16
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ -- ข้าราชการตำรวจ
[LCSH]การค้ามนุษย์ -- การป้องกันKeywords: การป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี
ความผูกพันกับองค์การ
ทัศนคติของผู้บังคับบัญชา
ความรู้ความเข้าใจของเจ้าหน้าที่
การสื่อสารAbstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบปัจจัยด้านประชากรศาสตร์กับปัจจัยด้านการปฏิบัติงานการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 3) เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการปฏิบัติงานการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยผู้วิจัยใช้วิธีการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณ ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยทางด้านประชากรศาสตร์ มีผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 36-45 ปีขึ้นไป ได้มีการสมรสแล้วเป็นส่วนใหญ่และส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี และมีรายได้ส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 10,001 – 20,000 บาท โดยส่วนใหญ่มีประสบการณ์การทำงานอยู่ระหว่าง 16-20 ปี และจากการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปผลการวิจัยแต่ละปัจจัยหลักมีลำดับความสำคัญดังนี้คือ ลำดับแรก ได้แก่ ด้านความผูกพันสัมพันธ์กับองค์การมีความสำคัญ ลำดับที่สอง ได้แก่ ด้านความรู้ความเข้าใจของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ลำดับที่สาม ได้แก่ ด้านทัศนคติของผู้บังคับบัญชา ลำดับที่สี่ ด้านการสื่อสาร วัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ โดยทั้งสี่ลำดับนี้ เป็นปัจจัยที่ผู้ตอบแบบอบถามให้ความสำคัญอยู่ระดับมาก ลำดับที่สี่ ได้แก่ ด้านอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ และลำดับสุดท้าย ได้แก่ ด้านการจัดสรรงบประมาณ เป็นปัจจัยที่ผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญอยู่ในระดับปานกลาง ข้อเสนอแนะในการนำผลการศึกษาค้นคว้าไปใช้ คือ ส่งเสริมและสนับสนุนให้ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติงานการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีมีความพร้อมในการปฏิบัติงาน โดยการพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมให้มีความพร้อมในเรื่องการสร้างประสบการณ์ในการทำงานด้านการป้องกันและการปราบปรามการค้าประเวณี การเสริมรายได้ไปพร้อม ๆ กับการวางแผนการใช้จ่ายต่อเดือน ส่งเสริมให้ลาศึกษาต่อและฝึกอบรมในด้านที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนให้ปฏิบัติงานในหน่วยงานที่เหมาะสม และส่งเสริมให้มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการดำเนินงานใน ปัจจัยต่าง ๆ คือ ปัจจัยทางด้านนโยบาย ด้านมาตรการการปฏิบัติ
ด้านกฎหมาย ด้านงบประมาณ ด้านการบริหารจัดการ และด้านบุคลากร ได้แก่ การทบทวนนโยบาย มาตรการ การจัดระบบขั้นตอนที่เกี่ยวข้องให้เอื้อต่อการปฏิบัติงานการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี การให้รางวัลและการคุ้มครองเป็นพิเศษแก่เจ้าหน้าที่ของภาครัฐและประชาชนที่ให้ความร่วมมือในการปราบปรามการค้าประเวณี การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้การป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีและการแสวงหาแนวร่วมภาคประชาชน ในการป้องกันปราบปรามการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีให้มากขึ้น โดยการสร้างความร่วมมือกับองค์การ ภาคีต่าง ๆ ทั้ง ภาครัฐ ประชาชน ชุมชน และภาคเอกชน การเตรียมความพร้อมของบุคลากรทั้งจำนวนที่เหมาะสมและการพัฒนาศักยภาพให้บุคลากรมีความรู้ความสามารถในการดำเนินงาน ตลอดจนมีความพร้อมทั้งทางร่างกาย จิตใจ สังคมCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26537 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591790 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-16 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000591808 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-16 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันองค์การของข้าราชการตำรวจในสังกัด กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ / มุขดา ปะนิทานะโต / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันองค์การของข้าราชการตำรวจในสังกัด กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ Original title : Factors Affecting the Organizational Commitment of Police under Division 2 Economic Crime Suppression Division Material Type: printed text Authors: มุขดา ปะนิทานะโต, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: viii, 86 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-18
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ -- ข้าราชการตำรวจ
[LCSH]ความผูกพันต่อองค์การKeywords: ความผูกพัน Abstract: การศึกษางานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อความผูกพันองค์การ 2) ศึกษาระดับความผูกพันต่อองค์การจำแนกตามปัจจัยลักษณะงาน ประกอบด้วย สภาพแวดล้อมภายในและสภาพแวดล้อมภายนอก การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ รวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากข้าราชการตำรวจในสังกัดกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ จำนวน 65 คน ใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ ได้แก่ ค่าความถี่ร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระหว่างกลุ่ม 2 กลุ่ม ด้วย t-test การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยรายคู่ด้วยวิธี LSD
ผลการศึกษาพบว่า 1) ปัจจัยลักษณะงานโดยรวมส่งผลต่อความผูกพันต่อองค์การในระดับมาก ด้านสภาพแวดล้อมภายในส่งผลในระดับมาก เรียงจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านเพื่อนร่วมงาน ด้านผู้บังคับบัญชา และด้านสวัสดิการ ตามลำดับ ด้านสภาพแวดล้อมภายนอกส่งผลในระดับมาก เรียงจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านแรงจูงใจภายนอก ด้านสภาพแวดล้อมในการทำงาน และด้านสถานที่ปฏิบัติงานตามลำดับ
2) อายุที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ระดับความผูกพันต่อองค์การโดยรวมปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมภายนอกและด้านสภาพแวดล้อมในการทำงานแตกต่างกัน 3) ระดับการศึกษาที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ระดับความผูกพันต่อองค์การด้านสภาพแวดล้อมภายใน ด้านผู้บังคับบัญชาและด้านสภาพแวดล้อมในการทำงานแตกต่างกัน และ 4) ชั้นยศที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ระดับความผูกพันต่อองค์การด้านสภาพแวดล้อมภายในและด้านผู้บังคับบัญชาแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26528 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันองค์การของข้าราชการตำรวจในสังกัด กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ = Factors Affecting the Organizational Commitment of Police under Division 2 Economic Crime Suppression Division [printed text] / มุขดา ปะนิทานะโต, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - viii, 86 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-18
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ -- ข้าราชการตำรวจ
[LCSH]ความผูกพันต่อองค์การKeywords: ความผูกพัน Abstract: การศึกษางานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อความผูกพันองค์การ 2) ศึกษาระดับความผูกพันต่อองค์การจำแนกตามปัจจัยลักษณะงาน ประกอบด้วย สภาพแวดล้อมภายในและสภาพแวดล้อมภายนอก การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ รวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากข้าราชการตำรวจในสังกัดกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ จำนวน 65 คน ใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ ได้แก่ ค่าความถี่ร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระหว่างกลุ่ม 2 กลุ่ม ด้วย t-test การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยรายคู่ด้วยวิธี LSD
ผลการศึกษาพบว่า 1) ปัจจัยลักษณะงานโดยรวมส่งผลต่อความผูกพันต่อองค์การในระดับมาก ด้านสภาพแวดล้อมภายในส่งผลในระดับมาก เรียงจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านเพื่อนร่วมงาน ด้านผู้บังคับบัญชา และด้านสวัสดิการ ตามลำดับ ด้านสภาพแวดล้อมภายนอกส่งผลในระดับมาก เรียงจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านแรงจูงใจภายนอก ด้านสภาพแวดล้อมในการทำงาน และด้านสถานที่ปฏิบัติงานตามลำดับ
2) อายุที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ระดับความผูกพันต่อองค์การโดยรวมปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมภายนอกและด้านสภาพแวดล้อมในการทำงานแตกต่างกัน 3) ระดับการศึกษาที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ระดับความผูกพันต่อองค์การด้านสภาพแวดล้อมภายใน ด้านผู้บังคับบัญชาและด้านสภาพแวดล้อมในการทำงานแตกต่างกัน และ 4) ชั้นยศที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ระดับความผูกพันต่อองค์การด้านสภาพแวดล้อมภายในและด้านผู้บังคับบัญชาแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26528 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591717 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-18 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000591725 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-18 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน / ธงชัย มานะพัฒนเสถียร / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน Original title : Factors Affecting Work Motivation Among the Non-Commissioned Police. The Royal Protection Police Sub-Division 2, Protection and Crowd Control Division Material Type: printed text Authors: ธงชัย มานะพัฒนเสถียร, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: x, 99 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-03
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงาน
[LCSH]แรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่Keywords: แรงจูงใจ,
การปฏิบัติงาน,
กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชนAbstract: การศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับและปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน
ผลการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนมากเป็นเพศชาย มีอายุ 20 – 30 ปี มีอายุราชการ 1 – 10 ปี มีระดับการศึกษาระดับปริญญาตรี มีระดับชั้นยศสิบตำรวจตรี และปฏิบัติงานอยู่ในสายงานอารักขาที่ 4 ปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายปัจจัย พบว่า ในปัจจัยจูงใจ โดยรวมและรายด้านทุกด้านอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านแล้วเรียงอันดับจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านความสำเร็จของงาน ด้านเนื้องาน ด้านความรับผิดชอบต่องาน ด้านความรู้สึกยอมรับ และด้านความก้าวหน้า ส่วนปัจจัยค้ำจุน โดยภาพรวมและรายด้านทุกด้านอยู่ในระดับมากเมื่อพิจารณารายด้านแล้วเรียงอันดับจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านนโยบายและการบริหารขององค์การ ด้านความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร่วมงาน ด้านการบังคับบัญชา ด้านเงินเดือนและความมั่นคงในงาน และด้านสภาพแวดล้อมในการทำงาน ตามลำดับ ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า สถานภาพส่วนบุคคลด้านเพศ อายุ ระดับการศึกษา อายุราชการ ชั้นยศ และสายงานที่ปฏิบัติ แตกต่างกันมีแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชนไม่แตกต่างกัน
ข้อเสนอแนะ: ประการแรก ผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานควรปรับปรุงหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา ควรมีการจัดฝึกอบรม ศึกษาดูงานให้กับบุคลากรเพื่อเพิ่มพูนความรู้ ควรส่งเสริมให้กำลังพลได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ ควรจัดให้มีเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานอย่างเพียงพอและมีความทันสมัย ควรจัดสวัสดิการเงินกู้ช่วยเหลือทางการเงินด้านต่าง ๆ รวมทั้งควรจัดให้มีสวัสดิการอาหารกลางวันและจำหน่ายสินค้าราคาถูกให้กับกำลังพล ในด้านนโยบายและการบริหารขององค์การ ผู้บังคับบัญชาควรส่งเสริมให้กำลังพลมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนงานการปฏิบัติงาน และใช้ภาวะผู้นำในการบริหารองค์การเพื่อทำให้กำลังพลเกิดความกระตือรือร้นในการทำงานอยู่เสมอ และประการที่สอง ในการศึกษางานวิจัยครั้งต่อไป ควรพิจารณาหาวิธีการวิจัยในลักษณะอื่นนอกเหนือจากการวิจัยแบบสำรวจเพื่อให้ได้ข้อมูลที่หลากหลาย
Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26684 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน = Factors Affecting Work Motivation Among the Non-Commissioned Police. The Royal Protection Police Sub-Division 2, Protection and Crowd Control Division [printed text] / ธงชัย มานะพัฒนเสถียร, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - x, 99 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-03
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงาน
[LCSH]แรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่Keywords: แรงจูงใจ,
การปฏิบัติงาน,
กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชนAbstract: การศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับและปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน
ผลการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนมากเป็นเพศชาย มีอายุ 20 – 30 ปี มีอายุราชการ 1 – 10 ปี มีระดับการศึกษาระดับปริญญาตรี มีระดับชั้นยศสิบตำรวจตรี และปฏิบัติงานอยู่ในสายงานอารักขาที่ 4 ปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายปัจจัย พบว่า ในปัจจัยจูงใจ โดยรวมและรายด้านทุกด้านอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านแล้วเรียงอันดับจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านความสำเร็จของงาน ด้านเนื้องาน ด้านความรับผิดชอบต่องาน ด้านความรู้สึกยอมรับ และด้านความก้าวหน้า ส่วนปัจจัยค้ำจุน โดยภาพรวมและรายด้านทุกด้านอยู่ในระดับมากเมื่อพิจารณารายด้านแล้วเรียงอันดับจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านนโยบายและการบริหารขององค์การ ด้านความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร่วมงาน ด้านการบังคับบัญชา ด้านเงินเดือนและความมั่นคงในงาน และด้านสภาพแวดล้อมในการทำงาน ตามลำดับ ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า สถานภาพส่วนบุคคลด้านเพศ อายุ ระดับการศึกษา อายุราชการ ชั้นยศ และสายงานที่ปฏิบัติ แตกต่างกันมีแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชนไม่แตกต่างกัน
ข้อเสนอแนะ: ประการแรก ผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานควรปรับปรุงหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา ควรมีการจัดฝึกอบรม ศึกษาดูงานให้กับบุคลากรเพื่อเพิ่มพูนความรู้ ควรส่งเสริมให้กำลังพลได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ ควรจัดให้มีเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานอย่างเพียงพอและมีความทันสมัย ควรจัดสวัสดิการเงินกู้ช่วยเหลือทางการเงินด้านต่าง ๆ รวมทั้งควรจัดให้มีสวัสดิการอาหารกลางวันและจำหน่ายสินค้าราคาถูกให้กับกำลังพล ในด้านนโยบายและการบริหารขององค์การ ผู้บังคับบัญชาควรส่งเสริมให้กำลังพลมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนงานการปฏิบัติงาน และใช้ภาวะผู้นำในการบริหารองค์การเพื่อทำให้กำลังพลเกิดความกระตือรือร้นในการทำงานอยู่เสมอ และประการที่สอง ในการศึกษางานวิจัยครั้งต่อไป ควรพิจารณาหาวิธีการวิจัยในลักษณะอื่นนอกเหนือจากการวิจัยแบบสำรวจเพื่อให้ได้ข้อมูลที่หลากหลาย
Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26684 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000593259 SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-03 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000593192 SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-03 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการกระทำผิดกฎหมายจราจรประเภทรถยนต์ ในเขตพื้นที่อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา / ไพศาล ปิ่มขุนทศ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการกระทำผิดกฎหมายจราจรประเภทรถยนต์ ในเขตพื้นที่อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา Original title : (Factors influencing the illegal traffic behaviors of cars in Bang Khla District Chachoengsao Province) Material Type: printed text Authors: ไพศาล ปิ่มขุนทศ, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: vii, 71 น. Layout: ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-22
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]รถยนต์
[LCSH]รถยนต์ -- กฎหมายและระเบียบข้อบังคับKeywords: อิทธิพลต่อพฤติกรรมการกระทำผิดกฎหมายจราจรประเภทรถยนต์ Abstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการกระทำความผิดกฎหมายจราจรประเภทรถยนต์ ในพื้นที่อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา 2) เพื่อศึกษาเปรียบปัจจัยด้านประชากรศาสตร์กับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการกระทำความผิดกฎหมายจราจรประเภทรถยนต์ ในพื้นที่ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา 3) เพื่อเป็นแนวทางในการนำเสนอปัญหา อุปสรรค และปรับปรุงหน่วยงานการจราจรประเภทรถยนต์ ในพื้นที่อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา
การวิจัยหลักครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณโดยใช้แบบสอบถามแบบปลายปิดและแบบปลายเปิดเป็นเครื่องสำคัญในการวิจัย โดยมีขนาดกลุ่มตัวอย่างประชากรจำนวน 110 คน จากการศึกษาพบว่า พฤติกรรมของผู้ขับขี่รถยนต์มีอิทธิพลต่อการกระทำผิดกฎหมายจราจรประเภทรถยนต์ในเขตพื้นที่อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา จำแนกตามประชากรศาสตร์ที่ ได้แก่ 1. เพศ 2. อายุ 3. สถานภาพสมรส 4. การศึกษา 5.รายได้และ 6. ประสบการณ์การขับรถยนต์สรุปได้ว่า จากการศึกษาพบว่า ผู้ขับขี่รถยนต์ส่วนใหญ่ เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 26 – 30 ปี ส่วนใหญ่สถานภาพโสด ส่วนใหญ่มีระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี รายได้ส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 10,000 – 20,000 บาท และมีประสบการณ์ขับรถยนต์ส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 10 – 15 ปี นอกจากนี้ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการกระทำผิดกฎหมายจราจรประเภทรถยนต์ในเขตพื้นที่ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้แก่ ด้านลักษณะความพร้อมของยานพาหนะและ ด้านลักษณะความพร้อมของผู้ขับขี่มีพฤติกรรมส่วนใหญ่อยู่ในระดับมาก ส่วนด้านสภาพแวดล้อมในการขับขี่บนท้องถนนด้านความปลอดภัยในการขับขี่ด้านความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายจราจรด้านการติดตั้งสัญลักษณ์เครื่องหมายจราจรและด้านปฏิบัติตามกฎหมายจราจร มีพฤติกรรมอยู่ในระดับปานกลาง ข้อเสนอแนะในการวิจัย ควรจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกและประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับกฎหมายจราจร และขอความร่วมมือจากสถานศึกษาในการเข้าไปให้ความรู้ด้านการจราจรแก่เด็กนักเรียนให้มีความรู้ในการป้องกันตนเองจากอุบัติเหตุได้และให้เกิดความสำนึกในความปลอดภัยพร้อมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการจัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านกฎหมายจราจรกับประชาชนในชุมชนCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26611 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการกระทำผิดกฎหมายจราจรประเภทรถยนต์ ในเขตพื้นที่อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา = (Factors influencing the illegal traffic behaviors of cars in Bang Khla District Chachoengsao Province) [printed text] / ไพศาล ปิ่มขุนทศ, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - vii, 71 น. : ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-22
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]รถยนต์
[LCSH]รถยนต์ -- กฎหมายและระเบียบข้อบังคับKeywords: อิทธิพลต่อพฤติกรรมการกระทำผิดกฎหมายจราจรประเภทรถยนต์ Abstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการกระทำความผิดกฎหมายจราจรประเภทรถยนต์ ในพื้นที่อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา 2) เพื่อศึกษาเปรียบปัจจัยด้านประชากรศาสตร์กับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการกระทำความผิดกฎหมายจราจรประเภทรถยนต์ ในพื้นที่ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา 3) เพื่อเป็นแนวทางในการนำเสนอปัญหา อุปสรรค และปรับปรุงหน่วยงานการจราจรประเภทรถยนต์ ในพื้นที่อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา
การวิจัยหลักครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณโดยใช้แบบสอบถามแบบปลายปิดและแบบปลายเปิดเป็นเครื่องสำคัญในการวิจัย โดยมีขนาดกลุ่มตัวอย่างประชากรจำนวน 110 คน จากการศึกษาพบว่า พฤติกรรมของผู้ขับขี่รถยนต์มีอิทธิพลต่อการกระทำผิดกฎหมายจราจรประเภทรถยนต์ในเขตพื้นที่อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา จำแนกตามประชากรศาสตร์ที่ ได้แก่ 1. เพศ 2. อายุ 3. สถานภาพสมรส 4. การศึกษา 5.รายได้และ 6. ประสบการณ์การขับรถยนต์สรุปได้ว่า จากการศึกษาพบว่า ผู้ขับขี่รถยนต์ส่วนใหญ่ เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 26 – 30 ปี ส่วนใหญ่สถานภาพโสด ส่วนใหญ่มีระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี รายได้ส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 10,000 – 20,000 บาท และมีประสบการณ์ขับรถยนต์ส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 10 – 15 ปี นอกจากนี้ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการกระทำผิดกฎหมายจราจรประเภทรถยนต์ในเขตพื้นที่ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้แก่ ด้านลักษณะความพร้อมของยานพาหนะและ ด้านลักษณะความพร้อมของผู้ขับขี่มีพฤติกรรมส่วนใหญ่อยู่ในระดับมาก ส่วนด้านสภาพแวดล้อมในการขับขี่บนท้องถนนด้านความปลอดภัยในการขับขี่ด้านความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายจราจรด้านการติดตั้งสัญลักษณ์เครื่องหมายจราจรและด้านปฏิบัติตามกฎหมายจราจร มีพฤติกรรมอยู่ในระดับปานกลาง ข้อเสนอแนะในการวิจัย ควรจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกและประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับกฎหมายจราจร และขอความร่วมมือจากสถานศึกษาในการเข้าไปให้ความรู้ด้านการจราจรแก่เด็กนักเรียนให้มีความรู้ในการป้องกันตนเองจากอุบัติเหตุได้และให้เกิดความสำนึกในความปลอดภัยพร้อมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการจัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านกฎหมายจราจรกับประชาชนในชุมชนCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26611 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000592608 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-22 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000592574 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-22 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่ส่งผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันปราบปราม ของข้าราชการตำรวจน้ำ สถานีตำรวจน้ำ 1 กองกำกับการ 12 กองบังคับการตำรวจน้ำจังหวัดเชียงราย / เชี่ยววิทย์ ศรีวิเชียร / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่ส่งผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันปราบปราม ของข้าราชการตำรวจน้ำ สถานีตำรวจน้ำ 1 กองกำกับการ 12 กองบังคับการตำรวจน้ำจังหวัดเชียงราย Original title : Factors that Affected Motivation in job for Preventing and Suppressing of Marine Police Station 1 Marine Police Division 12 district Chiang Rai Province Material Type: printed text Authors: เชี่ยววิทย์ ศรีวิเชียร, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: viii, 89 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-15
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การจูงใจในการทำงาน -- เชียงราย
[LCSH]ข้าราชการตำรวจน้ำ -- การปฏิบัติหน้าที่Keywords: แรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ความรับผิดชอบและความสำเร็จของงาน
ความก้าวหน้าและความมั่นคง
นโยบายและการบริหารงาน
สภาพแวดล้อมในการทำงานAbstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันปราบปรามของข้าราชการตำรวจน้ำ กองกำกับการ 12 กองบังคับตำรวจน้ำจังหวัดเชียงราย 2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันปราบปรามของข้าราชการตำรวจน้ำ กองกำกับการ 12 กองบังคับตำรวจน้ำจังหวัดเชียงราย 3)เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะในการสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันปราบปรามของข้าราชการตำรวจน้ำ กองกำกับการ 12 กองบังคับตำรวจน้ำจังหวัดเชียงรายการศึกษาวิจัยนี้เป็นการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้ขนาดกลุ่มตัวอย่างเท่ากับ 129 ตัวอย่าง ในการสรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลของข้าราชการตำรวจน้ำ กองกำกับการ 12 กองบังคับการตำรวจน้ำ จังหวัดเชียงรายเป็นข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ ได้แก่ 1. เพศ 2. อายุ 3. สถานภาพสมรส 4. การศึกษา 5.ประสบการณ์การทำงาน และ 6.รายได้เป็นการแจกแจงจำนวน (ความถี่) และร้อยละ จากการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามจากข้อมูลส่วนบุคคลของข้าราชการตำรวจน้ำ กองกำกับการ 12 กองบังคับการตำรวจน้ำ จังหวัดเชียงรายเป็นข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 36-45 ปี สถานภาพสมรสแล้ว มีการศึกษาระดับปริญญาตรีมีประสบการณ์การทำงาน ระหว่าง 16-20 ปี และรายได้อยู่ระหว่าง10,001 – 20,000 บาทในการสรุปผลการวิจัยเกี่ยวกับปัจจัยที่สำคัญ 7 ด้าน ประกอบด้วย ด้านความรับผิดชอบ และความสำเร็จของงานด้านความก้าวหน้าและความมั่นคง ด้านการยอมรับนับถือด้านความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นด้านนโยบายและการบริหารงาน ด้านเงินเดือนและสวัสดิการ ด้านสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ส่งผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันปราบปรามของข้าราชการตำรวจน้ำ กองกำกับการ 12 กองบังคับการตำรวจน้ำ จังหวัดเชียงราย โดยรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีข้อเสนอแนะของการศึกษาค้นคว้าควรจัดให้มีองค์ประกอบด้านการกระตุ้นเกี่ยวกับงานซึ่งอาจทำได้หลายลักษณะด้วยกัน วิธีที่ยอมรับกันมากวิธีหนึ่งคือ การกระจายงานได้แก่ลดการเข้มงวดและเปิดโอกาสให้มีการใช้เหตุผลและความรับผิดชอบในงานให้มากขึ้น จัดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำทำงานร่วมกันเป็นหน่วยเดียวที่มีความสมบูรณ์ในตัวมากกว่าที่จะแยกกันทำงานตามลำพังเป็นส่วน ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำมากขึ้นในการตัดสินใจและการปฏิบัติและให้มีอิสระบ้างในการดำเนินงาน จัดให้มีการประชาสัมพันธ์รายงานผลผลิตต่อผู้ปฏิบัติโดยตรงอย่างสม่ำเสมอและบ่อย ๆมากขึ้น กระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำลองทำงานใหม่ ๆและงานที่มีความยากมากขึ้น ซึ่งจะสร้างแรงจูงใจให้พยายามและก้าวหน้ามากขึ้น และมีการมอบงานพิเศษให้ทำเพื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำจะได้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะอย่าง อาจเป็นด้านปฏิบัติหรือกระบวนการทำงานหรือการพัฒนาการคิดของพนักงานแต่ละคน Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26545 SIU IS-T. ปัจจัยที่ส่งผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันปราบปราม ของข้าราชการตำรวจน้ำ สถานีตำรวจน้ำ 1 กองกำกับการ 12 กองบังคับการตำรวจน้ำจังหวัดเชียงราย = Factors that Affected Motivation in job for Preventing and Suppressing of Marine Police Station 1 Marine Police Division 12 district Chiang Rai Province [printed text] / เชี่ยววิทย์ ศรีวิเชียร, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - viii, 89 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-15
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การจูงใจในการทำงาน -- เชียงราย
[LCSH]ข้าราชการตำรวจน้ำ -- การปฏิบัติหน้าที่Keywords: แรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ความรับผิดชอบและความสำเร็จของงาน
ความก้าวหน้าและความมั่นคง
นโยบายและการบริหารงาน
สภาพแวดล้อมในการทำงานAbstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันปราบปรามของข้าราชการตำรวจน้ำ กองกำกับการ 12 กองบังคับตำรวจน้ำจังหวัดเชียงราย 2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันปราบปรามของข้าราชการตำรวจน้ำ กองกำกับการ 12 กองบังคับตำรวจน้ำจังหวัดเชียงราย 3)เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะในการสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันปราบปรามของข้าราชการตำรวจน้ำ กองกำกับการ 12 กองบังคับตำรวจน้ำจังหวัดเชียงรายการศึกษาวิจัยนี้เป็นการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้ขนาดกลุ่มตัวอย่างเท่ากับ 129 ตัวอย่าง ในการสรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลของข้าราชการตำรวจน้ำ กองกำกับการ 12 กองบังคับการตำรวจน้ำ จังหวัดเชียงรายเป็นข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ ได้แก่ 1. เพศ 2. อายุ 3. สถานภาพสมรส 4. การศึกษา 5.ประสบการณ์การทำงาน และ 6.รายได้เป็นการแจกแจงจำนวน (ความถี่) และร้อยละ จากการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามจากข้อมูลส่วนบุคคลของข้าราชการตำรวจน้ำ กองกำกับการ 12 กองบังคับการตำรวจน้ำ จังหวัดเชียงรายเป็นข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 36-45 ปี สถานภาพสมรสแล้ว มีการศึกษาระดับปริญญาตรีมีประสบการณ์การทำงาน ระหว่าง 16-20 ปี และรายได้อยู่ระหว่าง10,001 – 20,000 บาทในการสรุปผลการวิจัยเกี่ยวกับปัจจัยที่สำคัญ 7 ด้าน ประกอบด้วย ด้านความรับผิดชอบ และความสำเร็จของงานด้านความก้าวหน้าและความมั่นคง ด้านการยอมรับนับถือด้านความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นด้านนโยบายและการบริหารงาน ด้านเงินเดือนและสวัสดิการ ด้านสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ส่งผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันปราบปรามของข้าราชการตำรวจน้ำ กองกำกับการ 12 กองบังคับการตำรวจน้ำ จังหวัดเชียงราย โดยรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีข้อเสนอแนะของการศึกษาค้นคว้าควรจัดให้มีองค์ประกอบด้านการกระตุ้นเกี่ยวกับงานซึ่งอาจทำได้หลายลักษณะด้วยกัน วิธีที่ยอมรับกันมากวิธีหนึ่งคือ การกระจายงานได้แก่ลดการเข้มงวดและเปิดโอกาสให้มีการใช้เหตุผลและความรับผิดชอบในงานให้มากขึ้น จัดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำทำงานร่วมกันเป็นหน่วยเดียวที่มีความสมบูรณ์ในตัวมากกว่าที่จะแยกกันทำงานตามลำพังเป็นส่วน ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำมากขึ้นในการตัดสินใจและการปฏิบัติและให้มีอิสระบ้างในการดำเนินงาน จัดให้มีการประชาสัมพันธ์รายงานผลผลิตต่อผู้ปฏิบัติโดยตรงอย่างสม่ำเสมอและบ่อย ๆมากขึ้น กระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำลองทำงานใหม่ ๆและงานที่มีความยากมากขึ้น ซึ่งจะสร้างแรงจูงใจให้พยายามและก้าวหน้ามากขึ้น และมีการมอบงานพิเศษให้ทำเพื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำจะได้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะอย่าง อาจเป็นด้านปฏิบัติหรือกระบวนการทำงานหรือการพัฒนาการคิดของพนักงานแต่ละคน Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26545 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591857 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-15 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000591865 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-15 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยในการตัดสินใจเลือกซื้อการประกันภัยรถยนต์ กับบริษัทประกันภัยในจังหวัดเพชรบูรณ์ / ทิพวัลย์ ศักดาพิทักษ์
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยในการตัดสินใจเลือกซื้อการประกันภัยรถยนต์ กับบริษัทประกันภัยในจังหวัดเพชรบูรณ์ Original title : Factors Affecting the Purchasing Decision to Motor Insurance with Insurance Company in Phetchabun Material Type: printed text Authors: ทิพวัลย์ ศักดาพิทักษ์, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; กรวิชญ์ บุญส่ง, Associated Name Pagination: xiv, 111 p. Layout: ill, tables Size: 30 cm. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2014-03
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]Consumers -- Decision purchasing
[LCSH]รถยนต์ -- เพชรบูรณ์
[LCSH]สินค้า -- ประกันภัยKeywords: การรับรู้ถึงความเสี่ยง
การเลือกบนทางเลือก
บริการที่ลูกค้าคาดหวัง
อิทธิพลทางครอบครัวAbstract: การค้นคว้าอิสระเรื่อง ปัจจัยในการตัดสินใจเลือกซื้อการประกันภัยรถยนต์กับบริษัทประกันภัยในจังหวัดเพชรบูรณ์ มีวัตถุประสงค์ เพื่อ ศึกษาข้อมูลส่วนบุคคล ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด และเปรียบเทียบความแตกต่างของปัจจัยส่วนบุคคล ต่อปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อประกันภัย โดยทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างจังหวัดเพชรบูรณ์ Curricular : GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26200 SIU IS-T. ปัจจัยในการตัดสินใจเลือกซื้อการประกันภัยรถยนต์ กับบริษัทประกันภัยในจังหวัดเพชรบูรณ์ = Factors Affecting the Purchasing Decision to Motor Insurance with Insurance Company in Phetchabun [printed text] / ทิพวัลย์ ศักดาพิทักษ์, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; กรวิชญ์ บุญส่ง, Associated Name . - [s.d.] . - xiv, 111 p. : ill, tables ; 30 cm.
500.00
SIU IS-T: SOM-MBA-2014-03
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]Consumers -- Decision purchasing
[LCSH]รถยนต์ -- เพชรบูรณ์
[LCSH]สินค้า -- ประกันภัยKeywords: การรับรู้ถึงความเสี่ยง
การเลือกบนทางเลือก
บริการที่ลูกค้าคาดหวัง
อิทธิพลทางครอบครัวAbstract: การค้นคว้าอิสระเรื่อง ปัจจัยในการตัดสินใจเลือกซื้อการประกันภัยรถยนต์กับบริษัทประกันภัยในจังหวัดเพชรบูรณ์ มีวัตถุประสงค์ เพื่อ ศึกษาข้อมูลส่วนบุคคล ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด และเปรียบเทียบความแตกต่างของปัจจัยส่วนบุคคล ต่อปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อประกันภัย โดยทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างจังหวัดเพชรบูรณ์ Curricular : GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26200 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000590685 SIU IS-T: SOM-MBA-2014-03 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ผลสัมฤทธิ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการขอทานต่างด้าวกัมพูชา ตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 / สมชาย สาริกบุตร / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU IS-T Title : ผลสัมฤทธิ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการขอทานต่างด้าวกัมพูชา ตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 Original title : The Result of Protection and Problem-Solving about Alien’s Cambodian Beggar by Panhandle Control Act, B.E.2559 (2016) Material Type: printed text Authors: สมชาย สาริกบุตร, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: viii, 96 น. Layout: ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-16
Independent Study [MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ขอทาน -- กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ
[LCSH]พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559Keywords: ขอทานต่างด้าว,
ขบวนการ,
พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559Abstract: การศึกษาค้นคว้าอิสระเรื่อง “ผลสัมฤทธิ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการขอทานต่างด้าวกัมพูชาตาม พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559” เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยมีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาถึงสาเหตุของขอทานต่างด้าวกัมพูชาที่ลักลอบเข้าเมืองมาเพื่อขอทานในประเทศไทย (2) เพื่อศึกษาถึงปัญหาและอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาขอทานต่างด้าวกัมพูชาตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2484 (3) เพื่อศึกษาว่า พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 สามารถแก้ไขปัญหาขอทานต่างด้าวกัมพูชาได้หรือไม่ โดยการศึกษาครั้งนี้ใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างหรือการสัมภาษณ์แบบเป็นทางการ (structured interview or formal interview) และข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาโดยการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น รายงานการศึกษาวิจัย วิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ เอกสารทางราชการ รวมทั้งข้อมูลจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ แล้วนำข้อมูลที่ได้มานำเสนอตามวัตถุประสงค์
ผลการศึกษาพบว่า ด้วยปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศกัมพูชาที่ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน จึงทำให้คนกัมพูชาลักลอบเข้ามาขอทานในประเทศไทยจำนวนมาก จากเหตุผลเข้ามาขอทานเพราะมีฐานะยากจน เปลี่ยนเป็นเข้ามาขอทานเป็นอาชีพ มีขบวนการนำคนต่างด้าวกัมพูชาเข้ามาขอทานทั้งที่สมัครใจและโดนบังคับ ก่อให้เกิดปัญหาการค้ามนุษย์ตามมา ด้วยพระราชบัญญัติควบคุมคนขอทาน พ.ศ. 2484 ไม่ได้กำหนดบทลงโทษสำหรับคนที่มาขอทาน โดยเฉพาะคนต่างด้าวเมื่อถูกจับกุมก็ไม่ต้องถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด กฎหมายกำหนดเพียงให้ทำการผลักดันกลับประเทศต้นทาง ทำให้คนต่างด้าวไม่เกิดความเกรงกลัวต่อการจับกุมและลักลอบมาขอทานอีก ส่งผลให้ไม่สามารถแก้ปัญหาขอทานต่างด้าวได้ จึงจำเป็นต้องออกกฎหมายพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 ให้การขอทานเป็นความผิด มีโทษทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งมีบทลงโทษกับขบวนการที่นำคนต่างด้าวมาขอทาน เมื่อมีการนำกฎหมายมาบังคับใช้กับขอทานต่างด้าวอย่างจริงจังทำให้คนต่างด้าวเกิดความเกรงกลัวไม่กล้าที่จะมาขอทาน
ข้อเสนอแนะจากการวิจัย (1) ควรมีการศึกษาและติดตามผลการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติ ควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559 ว่าสามารถแก้ไขปัญหาขอทานต่างด้าวกัมพูชาได้หรือไม่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการในการทำงานเชิงรุก กวดขัน และปราบปราม ดำเนินคดีกับผู้ที่มาขอทานหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและไม่เลือกปฏิบัติ เมื่อมีการบังคับใช้กฎหมายอย่าง จริงจังก็จะทำให้จำนวนขอทานต่างด้าวลดน้อยลงไปได้ในอนาคต (2) ควรมีการศึกษาและประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 กับการแก้ปัญหาขอทานต่างด้าวกัมพูชาว่าพฤติการณ์ของขอทานต่างด้าวกัมพูชามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และ (3) ควรมีการศึกษาถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาขอทานต่างด้าวกัมพูชาสัมฤทธิ์ผลตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27323 SIU IS-T. ผลสัมฤทธิ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการขอทานต่างด้าวกัมพูชา ตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 = The Result of Protection and Problem-Solving about Alien’s Cambodian Beggar by Panhandle Control Act, B.E.2559 (2016) [printed text] / สมชาย สาริกบุตร, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - viii, 96 น. : ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-16
Independent Study [MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ขอทาน -- กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ
[LCSH]พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559Keywords: ขอทานต่างด้าว,
ขบวนการ,
พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559Abstract: การศึกษาค้นคว้าอิสระเรื่อง “ผลสัมฤทธิ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการขอทานต่างด้าวกัมพูชาตาม พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559” เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยมีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาถึงสาเหตุของขอทานต่างด้าวกัมพูชาที่ลักลอบเข้าเมืองมาเพื่อขอทานในประเทศไทย (2) เพื่อศึกษาถึงปัญหาและอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาขอทานต่างด้าวกัมพูชาตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2484 (3) เพื่อศึกษาว่า พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 สามารถแก้ไขปัญหาขอทานต่างด้าวกัมพูชาได้หรือไม่ โดยการศึกษาครั้งนี้ใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างหรือการสัมภาษณ์แบบเป็นทางการ (structured interview or formal interview) และข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาโดยการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น รายงานการศึกษาวิจัย วิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ เอกสารทางราชการ รวมทั้งข้อมูลจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ แล้วนำข้อมูลที่ได้มานำเสนอตามวัตถุประสงค์
ผลการศึกษาพบว่า ด้วยปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศกัมพูชาที่ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน จึงทำให้คนกัมพูชาลักลอบเข้ามาขอทานในประเทศไทยจำนวนมาก จากเหตุผลเข้ามาขอทานเพราะมีฐานะยากจน เปลี่ยนเป็นเข้ามาขอทานเป็นอาชีพ มีขบวนการนำคนต่างด้าวกัมพูชาเข้ามาขอทานทั้งที่สมัครใจและโดนบังคับ ก่อให้เกิดปัญหาการค้ามนุษย์ตามมา ด้วยพระราชบัญญัติควบคุมคนขอทาน พ.ศ. 2484 ไม่ได้กำหนดบทลงโทษสำหรับคนที่มาขอทาน โดยเฉพาะคนต่างด้าวเมื่อถูกจับกุมก็ไม่ต้องถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด กฎหมายกำหนดเพียงให้ทำการผลักดันกลับประเทศต้นทาง ทำให้คนต่างด้าวไม่เกิดความเกรงกลัวต่อการจับกุมและลักลอบมาขอทานอีก ส่งผลให้ไม่สามารถแก้ปัญหาขอทานต่างด้าวได้ จึงจำเป็นต้องออกกฎหมายพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 ให้การขอทานเป็นความผิด มีโทษทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งมีบทลงโทษกับขบวนการที่นำคนต่างด้าวมาขอทาน เมื่อมีการนำกฎหมายมาบังคับใช้กับขอทานต่างด้าวอย่างจริงจังทำให้คนต่างด้าวเกิดความเกรงกลัวไม่กล้าที่จะมาขอทาน
ข้อเสนอแนะจากการวิจัย (1) ควรมีการศึกษาและติดตามผลการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติ ควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559 ว่าสามารถแก้ไขปัญหาขอทานต่างด้าวกัมพูชาได้หรือไม่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการในการทำงานเชิงรุก กวดขัน และปราบปราม ดำเนินคดีกับผู้ที่มาขอทานหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและไม่เลือกปฏิบัติ เมื่อมีการบังคับใช้กฎหมายอย่าง จริงจังก็จะทำให้จำนวนขอทานต่างด้าวลดน้อยลงไปได้ในอนาคต (2) ควรมีการศึกษาและประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 กับการแก้ปัญหาขอทานต่างด้าวกัมพูชาว่าพฤติการณ์ของขอทานต่างด้าวกัมพูชามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และ (3) ควรมีการศึกษาถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาขอทานต่างด้าวกัมพูชาสัมฤทธิ์ผลตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27323 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000595387 SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-16 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000595379 SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-16 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. พฤติกรรมและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวต่อเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี / ตุลาการ ผิวผ่อง / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : พฤติกรรมและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวต่อเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี Original title : Behavior and Satisfaction of Domestic Tourists Toward the Pha Taem National Park, Khon Chiam District Ubonratchathani Province Material Type: printed text Authors: ตุลาการ ผิวผ่อง, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: x, 89 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-24
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การท่องเที่ยว -- พฤติกรรม
[LCSH]อุทยานแห่งชาติผาแต้ม -- อุบลราชธานี -- ความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวKeywords: พฤติกรรมและความพึงพอใจ การท่องเที่ยว และอุทยานแห่งชาติ Abstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว 2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบปัจจัยทางด้านประชากรศาสตร์กับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว 3) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบปัจจัยทางด้านประชากรศาสตร์กับความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวต่อเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี และ 4) เพื่อเป็นข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวให้กับเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี โดยผู้วิจัยใช้วิธีการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณ (quantitative method) และศึกษาจากเอกสารที่เกี่ยวข้อง (documentary analysis) รวมทั้งการสร้างแบบสอบถามให้เป็นเครื่องมือในการวิจัยอย่างมีคุณภาพที่นำไปใช้กับนักท่องเที่ยว มีคำถามแบบปลายปิด (close-end questionnaire) แบบปลายเปิด (open questionnaire) และแบบมาตราส่วนประเมินค่า (rating scale) เป็นเครื่องมือสำหรับการวิจัยในการเก็บรวบรวมข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางมาเที่ยวที่เขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26612 SIU IS-T. พฤติกรรมและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวต่อเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี = Behavior and Satisfaction of Domestic Tourists Toward the Pha Taem National Park, Khon Chiam District Ubonratchathani Province [printed text] / ตุลาการ ผิวผ่อง, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - x, 89 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-24
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การท่องเที่ยว -- พฤติกรรม
[LCSH]อุทยานแห่งชาติผาแต้ม -- อุบลราชธานี -- ความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวKeywords: พฤติกรรมและความพึงพอใจ การท่องเที่ยว และอุทยานแห่งชาติ Abstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว 2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบปัจจัยทางด้านประชากรศาสตร์กับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว 3) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบปัจจัยทางด้านประชากรศาสตร์กับความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวต่อเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี และ 4) เพื่อเป็นข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวให้กับเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี โดยผู้วิจัยใช้วิธีการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณ (quantitative method) และศึกษาจากเอกสารที่เกี่ยวข้อง (documentary analysis) รวมทั้งการสร้างแบบสอบถามให้เป็นเครื่องมือในการวิจัยอย่างมีคุณภาพที่นำไปใช้กับนักท่องเที่ยว มีคำถามแบบปลายปิด (close-end questionnaire) แบบปลายเปิด (open questionnaire) และแบบมาตราส่วนประเมินค่า (rating scale) เป็นเครื่องมือสำหรับการวิจัยในการเก็บรวบรวมข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางมาเที่ยวที่เขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26612 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000592624 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-24 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000592590 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-24 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. รูปแบบภาวะผู้นำของข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ตามความคาดหวังของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 / พัชรี ล่วงมัจฉา / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU IS-T Title : รูปแบบภาวะผู้นำของข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ตามความคาดหวังของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 Original title : Leadership Style of Commissioned Police Officer Towards the Expectation of Non-Commissioned Police Officer, the Border Patrol Police, Subdivision 21 Material Type: printed text Authors: พัชรี ล่วงมัจฉา, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: xii, 100 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-37
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ข้าราชการตำรวจ
[LCSH]ภาวะผู้นำKeywords: รูปแบบภาวะผู้นำ
ความคาดหวัง
ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน
ข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร
กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21Abstract: งานค้นคว้าอิสระนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงระดับความคาดหวังของข้าราชการตำรวจ
ชั้นประทวน กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 ที่มีต่อข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร
กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 ในด้านรูปแบบภาวะผู้นำ ด้านคุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้นำ และในด้านคุณลักษณะที่เกี่ยวข้องกับงานของผู้นำ ซึ่งได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบโดยจำแนกตามสถานภาพส่วนบุคคล รวมถึงเพื่อศึกษาถึงปัญหา แนวทางการแก้ไขปัญหา และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมอื่น ๆ
ประชากรที่ใช้ในการศึกษา คือ ข้าราชการตํารวจชั้นประทวน กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 21 ในฝ่ายอำนวยการทั้งหมด จํานวน 210 คน โดยจําแนกตามสถานภาพส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา อายุราชการ โดยทำการศึกษาถึงคุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้นำทั้งหมด 5 ด้าน รวมถึงศึกษา ในด้านคุณลักษณะที่เกี่ยวข้องกับงานของผู้นำทั้งหมด 6 ด้าน โดยใช้สถิติพื้นฐาน คือ การแจกแจงความถี่ การหาค่าเฉลี่ย และค่าร้อยละ ซึ่งได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงพรรณนา รวมถึงวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยโปรแกรม SPSS
ผลการศึกษา พบว่า ข้าราชการตํารวจชั้นประทวน กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 จํานวน 210 คน ส่วนมากเป็นเพศชาย มีอายุ 41-50 ปี มีระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี และมีอายุราชการ 1-10 ปี โดยผลการวิเคราะห์ระดับความคาดหวังของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 ที่มีต่อข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 ในด้านรูปแบบภาวะผู้นำ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อจําแนกเป็นรายด้าน พบว่า อันดับที่ 1 คือ ผู้นำแบบประชาธิปไตย อันดับรองลงมา คือ ผู้นำแบบใช้อำนาจ ตามลําดับ ส่วนในด้านคุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้นำทั้งหมด 5 ด้าน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อันดับที่ 1 คือ ด้านบุคลิกภาพ รองลงมา คือ ด้านสติปัญญา ด้านสังคม ด้านกายภาพ ส่วนอันดับสุดท้าย คือ ด้านภูมิหลังส่วนบุคคล และในด้านคุณลักษณะที่เกี่ยวข้องกับงานของผู้นำทั้งหมด 6 ด้าน เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อย่อย พบว่า อันดับที่หนึ่ง คือ ด้านความมีมาตรฐาน คือ ผู้นำสามารถใช้ทักษะด้านมนุษย์สัมพันธ์ในการทำงานได้เป็นอย่างดีและมีมาตรฐานในการทำงานโดยไม่เลือกปฏิบัติ และด้านการมีความชัดเจน คือ ผู้นำมีความชัดเจนในด้านมาตรฐานการทำงาน ซึ่งอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านความรู้สึกเป็นทีมงาน คือ ผู้นำสามารถสร้างบรรยากาศของความรู้สึกเป็นทีมงานได้เป็นอย่างดีซึ่งอยู่ในระดับมาก และด้านการรู้ถึงหน้าที่รับผิดชอบ คือ ผู้นำมีการช่วยเหลือสนับสนุนการปฏิบัติงานของผู้ใต้บังคับบัญชาและเปิดโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นในการทำงาน
ข้อเสนอแนะ ผู้บังคับบัญชาในหน่วยงานควรจะต้องนำเอาหลักการทางประชาธิปไตยมาปรับใช้ในการบริหารงานบริหารคน ทั้งนี้เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา และควรต้องมีคุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้นำในด้านการมีบุคลิกภาพที่ดี ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างความเคารพศรัทธาให้เกิดมีกับผู้ใต้บังคับบัญชา ส่วนในด้านคุณลักษณะที่เกี่ยวข้องกับงานของผู้นำนั้นต้องให้ความสำคัญในด้านความมีมาตรฐาน ดังนั้น ในการปฏิบัติงานผู้นำต้องมีความชัดเจนในมาตรฐานการทำงานโดยไม่เลือกปฏิบัติ อีกทั้งยังต้องมีทักษะด้านมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน สามารถที่จะสร้างบรรยากาศของความรู้สึกเป็นทีมงานได้เป็นอย่างดี สามารถที่จะคอยช่วยเหลือสนับสนุนการปฏิบัติงานของผู้ใต้บังคับบัญชาได้ทุกภารกิจ และเปิดโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ในการทำงานได้
กล่าวโดยสรุป ผู้บังคับบัญชาหรือผู้นำหน่วยต้องมีการนำปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงในสภาพปัจจุบันนำมาแก้ไขเป็นกรณีเร่งด่วน ซึ่งเป็นวิธีการตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้ใต้บังคับบัญชาได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้เกิดขึ้นในทีมงาน ซึ่งจะส่งผลที่ดีต่อการปฏิบัติหน้าที่ โดยจะสามารถส่งเสริมสนับสนุนทุกภารกิจให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติงานให้กับหน่วยงานได้เป็นอย่างดี รวมถึงผู้บังคับบัญชาหรือผู้นำหน่วยนั้นควรจะต้องมีการศึกษาเกี่ยวกับระดับความคาดหวังของผู้ใต้บังคับบัญชาในส่วนงานอื่น ๆ ด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพให้กับหน่วยงานในภาพรวมต่อไปCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27312 SIU IS-T. รูปแบบภาวะผู้นำของข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ตามความคาดหวังของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 = Leadership Style of Commissioned Police Officer Towards the Expectation of Non-Commissioned Police Officer, the Border Patrol Police, Subdivision 21 [printed text] / พัชรี ล่วงมัจฉา, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - xii, 100 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-37
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ข้าราชการตำรวจ
[LCSH]ภาวะผู้นำKeywords: รูปแบบภาวะผู้นำ
ความคาดหวัง
ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน
ข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร
กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21Abstract: งานค้นคว้าอิสระนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงระดับความคาดหวังของข้าราชการตำรวจ
ชั้นประทวน กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 ที่มีต่อข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร
กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 ในด้านรูปแบบภาวะผู้นำ ด้านคุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้นำ และในด้านคุณลักษณะที่เกี่ยวข้องกับงานของผู้นำ ซึ่งได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบโดยจำแนกตามสถานภาพส่วนบุคคล รวมถึงเพื่อศึกษาถึงปัญหา แนวทางการแก้ไขปัญหา และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมอื่น ๆ
ประชากรที่ใช้ในการศึกษา คือ ข้าราชการตํารวจชั้นประทวน กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 21 ในฝ่ายอำนวยการทั้งหมด จํานวน 210 คน โดยจําแนกตามสถานภาพส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา อายุราชการ โดยทำการศึกษาถึงคุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้นำทั้งหมด 5 ด้าน รวมถึงศึกษา ในด้านคุณลักษณะที่เกี่ยวข้องกับงานของผู้นำทั้งหมด 6 ด้าน โดยใช้สถิติพื้นฐาน คือ การแจกแจงความถี่ การหาค่าเฉลี่ย และค่าร้อยละ ซึ่งได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงพรรณนา รวมถึงวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยโปรแกรม SPSS
ผลการศึกษา พบว่า ข้าราชการตํารวจชั้นประทวน กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 จํานวน 210 คน ส่วนมากเป็นเพศชาย มีอายุ 41-50 ปี มีระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี และมีอายุราชการ 1-10 ปี โดยผลการวิเคราะห์ระดับความคาดหวังของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 ที่มีต่อข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 ในด้านรูปแบบภาวะผู้นำ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อจําแนกเป็นรายด้าน พบว่า อันดับที่ 1 คือ ผู้นำแบบประชาธิปไตย อันดับรองลงมา คือ ผู้นำแบบใช้อำนาจ ตามลําดับ ส่วนในด้านคุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้นำทั้งหมด 5 ด้าน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อันดับที่ 1 คือ ด้านบุคลิกภาพ รองลงมา คือ ด้านสติปัญญา ด้านสังคม ด้านกายภาพ ส่วนอันดับสุดท้าย คือ ด้านภูมิหลังส่วนบุคคล และในด้านคุณลักษณะที่เกี่ยวข้องกับงานของผู้นำทั้งหมด 6 ด้าน เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อย่อย พบว่า อันดับที่หนึ่ง คือ ด้านความมีมาตรฐาน คือ ผู้นำสามารถใช้ทักษะด้านมนุษย์สัมพันธ์ในการทำงานได้เป็นอย่างดีและมีมาตรฐานในการทำงานโดยไม่เลือกปฏิบัติ และด้านการมีความชัดเจน คือ ผู้นำมีความชัดเจนในด้านมาตรฐานการทำงาน ซึ่งอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านความรู้สึกเป็นทีมงาน คือ ผู้นำสามารถสร้างบรรยากาศของความรู้สึกเป็นทีมงานได้เป็นอย่างดีซึ่งอยู่ในระดับมาก และด้านการรู้ถึงหน้าที่รับผิดชอบ คือ ผู้นำมีการช่วยเหลือสนับสนุนการปฏิบัติงานของผู้ใต้บังคับบัญชาและเปิดโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นในการทำงาน
ข้อเสนอแนะ ผู้บังคับบัญชาในหน่วยงานควรจะต้องนำเอาหลักการทางประชาธิปไตยมาปรับใช้ในการบริหารงานบริหารคน ทั้งนี้เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา และควรต้องมีคุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้นำในด้านการมีบุคลิกภาพที่ดี ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างความเคารพศรัทธาให้เกิดมีกับผู้ใต้บังคับบัญชา ส่วนในด้านคุณลักษณะที่เกี่ยวข้องกับงานของผู้นำนั้นต้องให้ความสำคัญในด้านความมีมาตรฐาน ดังนั้น ในการปฏิบัติงานผู้นำต้องมีความชัดเจนในมาตรฐานการทำงานโดยไม่เลือกปฏิบัติ อีกทั้งยังต้องมีทักษะด้านมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน สามารถที่จะสร้างบรรยากาศของความรู้สึกเป็นทีมงานได้เป็นอย่างดี สามารถที่จะคอยช่วยเหลือสนับสนุนการปฏิบัติงานของผู้ใต้บังคับบัญชาได้ทุกภารกิจ และเปิดโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ในการทำงานได้
กล่าวโดยสรุป ผู้บังคับบัญชาหรือผู้นำหน่วยต้องมีการนำปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงในสภาพปัจจุบันนำมาแก้ไขเป็นกรณีเร่งด่วน ซึ่งเป็นวิธีการตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้ใต้บังคับบัญชาได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้เกิดขึ้นในทีมงาน ซึ่งจะส่งผลที่ดีต่อการปฏิบัติหน้าที่ โดยจะสามารถส่งเสริมสนับสนุนทุกภารกิจให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติงานให้กับหน่วยงานได้เป็นอย่างดี รวมถึงผู้บังคับบัญชาหรือผู้นำหน่วยนั้นควรจะต้องมีการศึกษาเกี่ยวกับระดับความคาดหวังของผู้ใต้บังคับบัญชาในส่วนงานอื่น ๆ ด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพให้กับหน่วยงานในภาพรวมต่อไปCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27312 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000595205 SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-37 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000595197 SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-37 c .1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าและบริการ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร / ภัทรวดี สมศรี / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2014
Collection Title: SIU IS-T Title : ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าและบริการ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร Original title : Influencing Factors toward Decision Making of Purchasing Goods and Services Over the Internet of Consumers in Bangkok Material Type: printed text Authors: ภัทรวดี สมศรี, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; กรวิชญ์ บุญส่ง, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2014 Pagination: xi, 69 น. Layout: ีill, tables Size: 30 cm. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2014-04
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ความพอใจของผู้ใช้บริการ -- การศึกษาเฉพาะกรณี
[LCSH]ผู้บริโภค -- กรุงเทพฯ -- การตัดสินใจใช้บริการ
[LCSH]สินค้าอุปโภคบริโภคKeywords: ทฤษฎีการตัดสินใจของผู้บริโภค
พาณิชย์อินเล็กทรอนิกส์
สิ่งกระตุ้นAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเลือกซื้อสินค้าและบริการผ่านทางอินเตอร์ ด้านพฤติกรรมในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ และระดับความพึงพอใจในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ ผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร Curricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26201 SIU IS-T. ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าและบริการ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร = Influencing Factors toward Decision Making of Purchasing Goods and Services Over the Internet of Consumers in Bangkok [printed text] / ภัทรวดี สมศรี, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; กรวิชญ์ บุญส่ง, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014 . - xi, 69 น. : ีill, tables ; 30 cm.
500.00
SIU IS-T: SOM-MBA-2014-04
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ความพอใจของผู้ใช้บริการ -- การศึกษาเฉพาะกรณี
[LCSH]ผู้บริโภค -- กรุงเทพฯ -- การตัดสินใจใช้บริการ
[LCSH]สินค้าอุปโภคบริโภคKeywords: ทฤษฎีการตัดสินใจของผู้บริโภค
พาณิชย์อินเล็กทรอนิกส์
สิ่งกระตุ้นAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเลือกซื้อสินค้าและบริการผ่านทางอินเตอร์ ด้านพฤติกรรมในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ และระดับความพึงพอใจในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ ผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร Curricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26201 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000590701 SIU IS-T: SOM-MBA-2014-04 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ ฝ่ายสนับสนุน 3 กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน / สามารถ ทวีกาญจน์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU IS-T Title : แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ ฝ่ายสนับสนุน 3 กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน Original title : Motivation to Work Police Support Sub Division 3, Support Division, Border Patrol Police Bureau Material Type: printed text Authors: สามารถ ทวีกาญจน์, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: ix, 60 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-07
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การจูงใจในการทำงาน
[LCSH]ข้าราชการตำรวจ
[LCSH]ตำรวจตระเวนชายแดนKeywords: แรงจูงใจในการปฏิบัติงาน,
ตำรวจตระเวนชายแดน,
ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์Abstract: การศึกษาค้นคว้าอิสระเรื่องแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ ฝ่ายสนับสนุน 3 กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงปริมาณโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อศึกษาถึงระดับแรงจูงใจ และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ ฝ่ายสนับสนุน 3 กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวน จากกลุ่มตัวอย่างข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรระดับ รองสารวัตร และชั้นประทวน จำนวน 63 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 31 – 40 ปี มีการศึกษาระดับปริญญาตรี ระดับชั้นยศจ่าสิบตำรวจ และดาบตำรวจ มีอัตราเงินเดือนระหว่าง 20,001 – 25,000 บาท
ผลการศึกษาครั้งนี้พบว่า แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ ฝ่ายสนับสนุน 3 กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านอยู่ในระดับมาก 10 ด้าน คือ ด้านความสำเร็จในการปฏิบัติงาน ด้านการได้รับการยอมรับ ด้านลักษณะงานที่ปฏิบัติ ด้านความรับผิดชอบ ด้านความก้าวหน้าในการปฏิบัติงาน ด้านนโยบาย การบริหาร ด้านการปกครองบังคับบัญชา ด้านความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา ด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ด้านสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงาน ส่วนด้านค่าตอบแทนและสวัสดิการ อยู่ในระดับปานกลาง ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ข้าราชการตำรวจ ฝ่ายสนับสนุน 3 กองบังคับการ สนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา ระดับชั้นยศ เงินเดือน และอายุราชการ ต่างกัน มีแรงจูงใจในการปฏิบัติงานที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05
ข้อเสนอแนะจากการศึกษา
1. ควรมีการศึกษาในระดับกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อจะได้ทราบถึงความคิดเห็นของข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ให้ครอบคลุมทุกสายงาน และทุกมิติพื้นที่ ได้อย่างครอบคลุม ซึ่งจะได้รับความคิดเห็นที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
2. ควรมีการศึกษาถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อระดับแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน และมีการเปรียบเทียบกับตัวแปรอิสระ เพื่อสามารถอธิบายความสัมพันธ์ และปัจจัยต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม
3. ควรศึกษาถึงแนวทางการเสริมสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ โดยพิจารณาให้ครบ ครอบคลุมทุกด้านเพื่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานได้อย่างเต็มศักยภาพ และเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดแก่หน่วยงานCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26783 SIU IS-T. แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ ฝ่ายสนับสนุน 3 กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน = Motivation to Work Police Support Sub Division 3, Support Division, Border Patrol Police Bureau [printed text] / สามารถ ทวีกาญจน์, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - ix, 60 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-07
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การจูงใจในการทำงาน
[LCSH]ข้าราชการตำรวจ
[LCSH]ตำรวจตระเวนชายแดนKeywords: แรงจูงใจในการปฏิบัติงาน,
ตำรวจตระเวนชายแดน,
ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์Abstract: การศึกษาค้นคว้าอิสระเรื่องแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ ฝ่ายสนับสนุน 3 กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงปริมาณโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อศึกษาถึงระดับแรงจูงใจ และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ ฝ่ายสนับสนุน 3 กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวน จากกลุ่มตัวอย่างข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรระดับ รองสารวัตร และชั้นประทวน จำนวน 63 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 31 – 40 ปี มีการศึกษาระดับปริญญาตรี ระดับชั้นยศจ่าสิบตำรวจ และดาบตำรวจ มีอัตราเงินเดือนระหว่าง 20,001 – 25,000 บาท
ผลการศึกษาครั้งนี้พบว่า แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ ฝ่ายสนับสนุน 3 กองบังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านอยู่ในระดับมาก 10 ด้าน คือ ด้านความสำเร็จในการปฏิบัติงาน ด้านการได้รับการยอมรับ ด้านลักษณะงานที่ปฏิบัติ ด้านความรับผิดชอบ ด้านความก้าวหน้าในการปฏิบัติงาน ด้านนโยบาย การบริหาร ด้านการปกครองบังคับบัญชา ด้านความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา ด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ด้านสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงาน ส่วนด้านค่าตอบแทนและสวัสดิการ อยู่ในระดับปานกลาง ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ข้าราชการตำรวจ ฝ่ายสนับสนุน 3 กองบังคับการ สนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา ระดับชั้นยศ เงินเดือน และอายุราชการ ต่างกัน มีแรงจูงใจในการปฏิบัติงานที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05
ข้อเสนอแนะจากการศึกษา
1. ควรมีการศึกษาในระดับกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อจะได้ทราบถึงความคิดเห็นของข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ให้ครอบคลุมทุกสายงาน และทุกมิติพื้นที่ ได้อย่างครอบคลุม ซึ่งจะได้รับความคิดเห็นที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
2. ควรมีการศึกษาถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อระดับแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน และมีการเปรียบเทียบกับตัวแปรอิสระ เพื่อสามารถอธิบายความสัมพันธ์ และปัจจัยต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม
3. ควรศึกษาถึงแนวทางการเสริมสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ โดยพิจารณาให้ครบ ครอบคลุมทุกด้านเพื่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานได้อย่างเต็มศักยภาพ และเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดแก่หน่วยงานCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26783 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000593465 SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-07 c.2 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available 32002000593432 SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-07 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available การออมและการทำประกันชีวิตของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร / พรเทพ ศานติวรพงศ์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2014
Title : การออมและการทำประกันชีวิตของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร Original title : Saving and Making Life Insuranceof People in Bangkok Material Type: printed text Authors: พรเทพ ศานติวรพงศ์, Author ; กรวิชญ์ บุญส่ง, Associated Name ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2014 Pagination: ix, 81 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2014-08
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การออมทรัพย์
[LCSH]พฤติกรรมผู้บริโภค -- กรุงเทพฯKeywords: การออม
การทำประกันชีวิต
พฤติกรรมการออม
พฤติกรรมการทำประกันชีวิตAbstract: การวิจัยเรื่องการศึกษาพฤติกรรมการออมเงินและการทำประกันชีวิตของประชาชนที่จัดทำขึ้นในเขตกรุงเทพมหานครจำนวน 449 คน ในครั้งนี้ได้แบ่งการศึกษาออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกได้แก่ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับลักษณะทางด้านประชากร ฐานะทางเศรษฐกิจของประชากร ส่วนที่สองเกี่ยวกับพฤติกรรมการออม และส่วนที่สาม เกี่ยวกับพฤติกรรมการทำประกันชีวิตของประชากร การออมเงินของประชากรที่ทำการศึกษาส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อการสะสมทรัพย์โดยผู้มีเงินออมออมเงินในบัญชีสะสมทรัพย์เป็นส่วนมาก รองลงมาคือในบัญชีฝากประจำ โดยประชากรกลุ่มตัวอย่างมีเงินออมที่ระดับ 1,001-5,000 บาทต่อเดือนเป็นสัดส่วนสูงที่สุด Curricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26206 การออมและการทำประกันชีวิตของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร = Saving and Making Life Insuranceof People in Bangkok [printed text] / พรเทพ ศานติวรพงศ์, Author ; กรวิชญ์ บุญส่ง, Associated Name ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014 . - ix, 81 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOM-MBA-2014-08
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การออมทรัพย์
[LCSH]พฤติกรรมผู้บริโภค -- กรุงเทพฯKeywords: การออม
การทำประกันชีวิต
พฤติกรรมการออม
พฤติกรรมการทำประกันชีวิตAbstract: การวิจัยเรื่องการศึกษาพฤติกรรมการออมเงินและการทำประกันชีวิตของประชาชนที่จัดทำขึ้นในเขตกรุงเทพมหานครจำนวน 449 คน ในครั้งนี้ได้แบ่งการศึกษาออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกได้แก่ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับลักษณะทางด้านประชากร ฐานะทางเศรษฐกิจของประชากร ส่วนที่สองเกี่ยวกับพฤติกรรมการออม และส่วนที่สาม เกี่ยวกับพฤติกรรมการทำประกันชีวิตของประชากร การออมเงินของประชากรที่ทำการศึกษาส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อการสะสมทรัพย์โดยผู้มีเงินออมออมเงินในบัญชีสะสมทรัพย์เป็นส่วนมาก รองลงมาคือในบัญชีฝากประจำ โดยประชากรกลุ่มตัวอย่างมีเงินออมที่ระดับ 1,001-5,000 บาทต่อเดือนเป็นสัดส่วนสูงที่สุด Curricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26206 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000580611 SIU IS-T: SOM-MBA-2014-08 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารธุรกิจประเภทร้านไอศกรีมกับความพึงพอใจของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร / นิภาพร บุญเจริญ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2014
Title : ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารธุรกิจประเภทร้านไอศกรีมกับความพึงพอใจของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร Original title : Relationship between Ice Cream Business Management and Satisfaction among Bangkok Consumer Material Type: printed text Authors: นิภาพร บุญเจริญ, Author ; กรวิชญ์ บุญส่ง, Associated Name ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2014 Pagination: x, 85 p. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2014-09
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การศึกษา -- การบริการ
[LCSH]ธุรกิจ -- การสำรวจ
[LCSH]พฤติกรรมผู้บริโภค -- กรุงเทพฯKeywords: พฤติกรรมการบริโภค
ผู้บริโภค
ร้านไอศกรีม
ไอศกรีมรสเดี่ยว
ไอศกรีมผสมAbstract: การศึกษาวิจัยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารธุรกิจประเภทร้านไอศกรีมกับความพึงพอใจของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานครครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจในการเลือกกินไอศกรีม เพื่อเปรียบเทียบระดับความพึงพอใจของผู้บริโภคในการกินไอศกรีม เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริการกับความพึงพอใจของผู้บริโภค ซึ่งเป็นการศึกษาวิจัยเชิงสำรวจ (Survey research) ทำการรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม ใช้กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริโภคที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร Curricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26207 ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารธุรกิจประเภทร้านไอศกรีมกับความพึงพอใจของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร = Relationship between Ice Cream Business Management and Satisfaction among Bangkok Consumer [printed text] / นิภาพร บุญเจริญ, Author ; กรวิชญ์ บุญส่ง, Associated Name ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014 . - x, 85 p. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOM-MBA-2014-09
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การศึกษา -- การบริการ
[LCSH]ธุรกิจ -- การสำรวจ
[LCSH]พฤติกรรมผู้บริโภค -- กรุงเทพฯKeywords: พฤติกรรมการบริโภค
ผู้บริโภค
ร้านไอศกรีม
ไอศกรีมรสเดี่ยว
ไอศกรีมผสมAbstract: การศึกษาวิจัยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารธุรกิจประเภทร้านไอศกรีมกับความพึงพอใจของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานครครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจในการเลือกกินไอศกรีม เพื่อเปรียบเทียบระดับความพึงพอใจของผู้บริโภคในการกินไอศกรีม เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริการกับความพึงพอใจของผู้บริโภค ซึ่งเป็นการศึกษาวิจัยเชิงสำรวจ (Survey research) ทำการรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม ใช้กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริโภคที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร Curricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26207 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000506830 SIU IS-T: SOM-MBA-2014-09 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available