From this page you can:
Home |
Collection details
Collection SIU IS-T
Documents available under this collective title
Add the result to your basketSIU IS-T. การพัฒนารูปแบบการสร้างสื่อการเรียนการสอนหมากรุกไทย ผ่านเว็บ www.playok.com กรณีศึกษา: ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย / กรฎา บุตรชน / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU IS-T Title : การพัฒนารูปแบบการสร้างสื่อการเรียนการสอนหมากรุกไทย ผ่านเว็บ www.playok.com กรณีศึกษา: ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย Original title : Development of the Model for Teaching and Learning Thai Chess through www.playok.com Case Study: Board Game Clubs in Thai Universities Material Type: printed text Authors: กรฎา บุตรชน, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: xv, 91 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-04
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2017.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]สื่อการสอน
[LCSH]หมากรุกไทยKeywords: การพัฒนารูปแบบการสร้างสื่อการเรียนการสอนหมากรุกไทย,
ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทยAbstract: วัตถุประสงค์ในการศึกษาครั้งนี้เพื่อ 1) เพื่อศึกษาลักษณะประชากรของผู้เล่นหมากรุกไทย
ที่มีความต้องการูปแบบการเรียนการสอนหมากรุกไทยผ่านเว็บ www.playok.com ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย 2) เพื่อกระตุ้นอาจารย์ นักศึกษา เกิดความสนใจในการเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้รูปแบบการสร้างสื่อการเรียนการสอนหมากรุกไทยผ่านเว็บ www.playok.com ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย และ 3) เพื่อจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหมากรุกไทยของผู้สอน โดยรูปแบบการเรียนการสอนผ่านเว็บ www.playok.com ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ผู้เรียนชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย 5 สถาบัน จำนวน 100 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ ได้แก่ แบบสอบถามผ่าน Online สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ t- test การวิเคราะห์ค่าความแปรปรวนจำแนวทางเดียว (One-way analysis of variance--ANOVA) และการเปรียบเทียบเชิงซ้อนรายคู่ (multiple-comparison) ของ LSD
ผลการศึกษาพบว่า
ด้านลักษณะประชากร พบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง ช่วงอายุ 20-24 ปี เรียนปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ อาชีพ นักเรียน/นักศึกษา นับถือศาสนาพุทธ
ด้านพฤติกรรม ส่วนใหญ่เล่นหมากรุกผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ แต่เล่นผ่านเว็บ www.playok.com นาน ๆ ครั้ง ในแต่ละครั้ง 1-2 ชั่วโมง ช่วงเวลา 18.01-20.00 น. บุคคลที่เล่นด้วยมากสุด คือ เพื่อน/รุ่นพี่/รุ่นน้อง
ด้านความสนใจนิยมเล่นเพราะสนุกสนาน ประสบการณ์เล่นหมากรุกไทย 1-2 ปี มีพัฒนาการในระดับปานกลาง ส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าช่วยให้พัฒนาฝีมือขึ้น ถ้าฝึกซ้อมผ่านเว็บ www.playok.com และส่วนใหญ่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬามหาลัย ผลการแข่งขันอยู่ในระดับดีมาก
ด้านเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการสร้างสื่อการเรียนการสอน พบว่า ส่วนใหญ่ควรเสริมความรู้ และเพิ่มหัวข้อ ด้านการเปิดหมาก ในแต่ละครั้งควรฝึกซ้อม นานมากกว่า 6 ชั่วโมง และควรพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน ด้านการบันทึกหมากและวิเคราะห์เกมของท่านหลังฝึกซ้อมเสร็จ และนำบันทึกหมากที่เหมาะกับสไตล์ของท่านมาฝึกฝน
ด้านการจัดกิจกรรการเรียนการสอน ผู้เรียนส่วนใหญ่อยู่ในระดับฝีมือ เริ่มต้น-ปานกลาง รองลงมา ดี-ดีมาก
ระดับฝีมือเริ่มต้น-ปานกลาง ข้อที่มากที่สุดคือ การทบทวนท้ายชั่วโมง รองลงมาคือ การฝึกฝนปลายกระดานร่วมกัน และข้อที่น้อยที่สุดคือ การนำเสนอภาพประกอบการเล่น เช่น
รูปหมากต่าง ๆ เป็นต้น
ระดับฝีมือดี-ดีมาก ข้อที่มากที่สุดคือ ปัจจัยด้านการทบทวนท้ายชั่วโมง รองลงมาคือ ปัจจัยด้านการฝึกฝนปลายกระดานร่วมกัน และข้อที่น้อยที่สุดคือ ปัจจัยด้านเว็บไซด์มีประสิทธิภาพ
ข้อเสนอแนะ
ถึงแม้ว่าการเรียนการสอนออนไลน์จะได้ผลในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถทดแทนการเรียนการสอนแบบตัวต่อตัวได้หรือการฝึกในรูปแบบชมรมที่มีการพบปะกันอย่างสม่ำเสมอ แต่สามารถควบคู่ไปในทิศทางเดียวกันได้Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27447 SIU IS-T. การพัฒนารูปแบบการสร้างสื่อการเรียนการสอนหมากรุกไทย ผ่านเว็บ www.playok.com กรณีศึกษา: ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย = Development of the Model for Teaching and Learning Thai Chess through www.playok.com Case Study: Board Game Clubs in Thai Universities [printed text] / กรฎา บุตรชน, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - xv, 91 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-04
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2017.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]สื่อการสอน
[LCSH]หมากรุกไทยKeywords: การพัฒนารูปแบบการสร้างสื่อการเรียนการสอนหมากรุกไทย,
ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทยAbstract: วัตถุประสงค์ในการศึกษาครั้งนี้เพื่อ 1) เพื่อศึกษาลักษณะประชากรของผู้เล่นหมากรุกไทย
ที่มีความต้องการูปแบบการเรียนการสอนหมากรุกไทยผ่านเว็บ www.playok.com ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย 2) เพื่อกระตุ้นอาจารย์ นักศึกษา เกิดความสนใจในการเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้รูปแบบการสร้างสื่อการเรียนการสอนหมากรุกไทยผ่านเว็บ www.playok.com ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย และ 3) เพื่อจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหมากรุกไทยของผู้สอน โดยรูปแบบการเรียนการสอนผ่านเว็บ www.playok.com ชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ผู้เรียนชมรมหมากกระดานมหาวิทยาลัยไทย 5 สถาบัน จำนวน 100 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ ได้แก่ แบบสอบถามผ่าน Online สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ t- test การวิเคราะห์ค่าความแปรปรวนจำแนวทางเดียว (One-way analysis of variance--ANOVA) และการเปรียบเทียบเชิงซ้อนรายคู่ (multiple-comparison) ของ LSD
ผลการศึกษาพบว่า
ด้านลักษณะประชากร พบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง ช่วงอายุ 20-24 ปี เรียนปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ อาชีพ นักเรียน/นักศึกษา นับถือศาสนาพุทธ
ด้านพฤติกรรม ส่วนใหญ่เล่นหมากรุกผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ แต่เล่นผ่านเว็บ www.playok.com นาน ๆ ครั้ง ในแต่ละครั้ง 1-2 ชั่วโมง ช่วงเวลา 18.01-20.00 น. บุคคลที่เล่นด้วยมากสุด คือ เพื่อน/รุ่นพี่/รุ่นน้อง
ด้านความสนใจนิยมเล่นเพราะสนุกสนาน ประสบการณ์เล่นหมากรุกไทย 1-2 ปี มีพัฒนาการในระดับปานกลาง ส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าช่วยให้พัฒนาฝีมือขึ้น ถ้าฝึกซ้อมผ่านเว็บ www.playok.com และส่วนใหญ่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬามหาลัย ผลการแข่งขันอยู่ในระดับดีมาก
ด้านเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการสร้างสื่อการเรียนการสอน พบว่า ส่วนใหญ่ควรเสริมความรู้ และเพิ่มหัวข้อ ด้านการเปิดหมาก ในแต่ละครั้งควรฝึกซ้อม นานมากกว่า 6 ชั่วโมง และควรพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน ด้านการบันทึกหมากและวิเคราะห์เกมของท่านหลังฝึกซ้อมเสร็จ และนำบันทึกหมากที่เหมาะกับสไตล์ของท่านมาฝึกฝน
ด้านการจัดกิจกรรการเรียนการสอน ผู้เรียนส่วนใหญ่อยู่ในระดับฝีมือ เริ่มต้น-ปานกลาง รองลงมา ดี-ดีมาก
ระดับฝีมือเริ่มต้น-ปานกลาง ข้อที่มากที่สุดคือ การทบทวนท้ายชั่วโมง รองลงมาคือ การฝึกฝนปลายกระดานร่วมกัน และข้อที่น้อยที่สุดคือ การนำเสนอภาพประกอบการเล่น เช่น
รูปหมากต่าง ๆ เป็นต้น
ระดับฝีมือดี-ดีมาก ข้อที่มากที่สุดคือ ปัจจัยด้านการทบทวนท้ายชั่วโมง รองลงมาคือ ปัจจัยด้านการฝึกฝนปลายกระดานร่วมกัน และข้อที่น้อยที่สุดคือ ปัจจัยด้านเว็บไซด์มีประสิทธิภาพ
ข้อเสนอแนะ
ถึงแม้ว่าการเรียนการสอนออนไลน์จะได้ผลในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถทดแทนการเรียนการสอนแบบตัวต่อตัวได้หรือการฝึกในรูปแบบชมรมที่มีการพบปะกันอย่างสม่ำเสมอ แต่สามารถควบคู่ไปในทิศทางเดียวกันได้Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27447 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000595775 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-04 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000595783 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-04 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ความคาดหวังของผู้ใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอต่อสื่อสังคมออนไลน์ ในเขตกรุงเทพมหานคร / อรญาฎา บุญศิริ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU IS-T Title : ความคาดหวังของผู้ใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอต่อสื่อสังคมออนไลน์ ในเขตกรุงเทพมหานคร Original title : Expectations of Users of Wedding Studios on Social Media in Bangkok Areas Material Type: printed text Authors: อรญาฎา บุญศิริ, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: xii, 77 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-05
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2017.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]สื่อสังคมออนไลน์ -- กรุงเทพฯ Keywords: ความคาดหวัง,
ผู้ใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอ,
สื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานครAbstract: วัตถุประสงค์ในการศึกษาครั้งนี้เพื่อ 1) ศึกษาลักษณะประชากรของผู้ใช้บริการเวดดิ้งสตูดิโอทางสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษาความสำคัญในการเลือกร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่อใช้ในงานแต่งงานจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร 3) เพื่อศึกษาการตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร และ 4) เพื่อศึกษาความคาดหวังในการใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ประชากรคู่แต่งงานที่เป็นผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 100 คู่ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ ได้แก่ แบบสอบถาม Online สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ t-test การวิเคราะห์ค่าความแปรปรวนจำแนวทางเดียว (One-way Analysis of Variance-ANOVA) และการเปรียบเทียบเชิงซ้อนรายคู่ (Multiple-Comparison) ของ LSD
ผลการศึกษาพบว่า
1) ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง มีอายุ 20-30 ปี มีการศึกษาในระดับปริญญาตรี มีอาชีพ พนักงานบริษัทเอกชน/รับจ้าง มีรายได้ต่อเดือน 20001-30000 บาท และนับถือศาสนาพุทธ
2) ผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับความสำคัญในการเลือกร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่อใช้ในงานแต่งงานจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ส่วนใหญ่ตั้งใจเลือกใช้ร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่องานแต่งงานของท่าน ตั้งใจว่าต้องใช้ร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่องานแต่งงานเท่านั้น ใช้เวลานานเท่าใดในการตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่องานแต่งงาน คิดว่าร้านเวดดิ้งสตูดิโอ ควรให้บริการในด้านใดเพิ่มเติมจากที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน และคิดว่าในภาพรวมการจัดงานแต่งงานจากร้านเวดดิ้งสตูดิโอกับจัดงานแต่งงานกันเองอย่างไหนดีกว่ากัน
3) ผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับเกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ส่วนใหญ่การตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก และคาดหวังในการใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก
4) การทดสอบสมมุติฐาน
4.1 การเปรียบเทียบลักษณะประชากรของผู้ใช้บริการเวดดิ้งสตูดิโอทางสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานครต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการในการใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า จำแนกตามอายุ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ จำแนกตามอาชีพ มีความแตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .01 ส่วนด้านเพศ ระดับการศึกษา รายได้ต่อเดือน และด้านศาสนา พบว่า ไม่แตกต่างกัน
4.2 การเปรียบเทียบลักษณะประชากรของผู้ใช้บริการเวดดิ้งสตูดิโอทางสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานครต่อความคาดหวังในการใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ไม่แตกต่างกัน
4.3 การเปรียบเทียบความสำคัญในการเลือกร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่อใช้ในงานแต่งงานจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานครต่อ การตัดสินใจเลือกใช้บริการ และความคาดหวังในการใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ไม่แตกต่างกันCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27448 SIU IS-T. ความคาดหวังของผู้ใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอต่อสื่อสังคมออนไลน์ ในเขตกรุงเทพมหานคร = Expectations of Users of Wedding Studios on Social Media in Bangkok Areas [printed text] / อรญาฎา บุญศิริ, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - xii, 77 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-05
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2017.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]สื่อสังคมออนไลน์ -- กรุงเทพฯ Keywords: ความคาดหวัง,
ผู้ใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอ,
สื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานครAbstract: วัตถุประสงค์ในการศึกษาครั้งนี้เพื่อ 1) ศึกษาลักษณะประชากรของผู้ใช้บริการเวดดิ้งสตูดิโอทางสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษาความสำคัญในการเลือกร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่อใช้ในงานแต่งงานจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร 3) เพื่อศึกษาการตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร และ 4) เพื่อศึกษาความคาดหวังในการใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ประชากรคู่แต่งงานที่เป็นผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 100 คู่ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ ได้แก่ แบบสอบถาม Online สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ t-test การวิเคราะห์ค่าความแปรปรวนจำแนวทางเดียว (One-way Analysis of Variance-ANOVA) และการเปรียบเทียบเชิงซ้อนรายคู่ (Multiple-Comparison) ของ LSD
ผลการศึกษาพบว่า
1) ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง มีอายุ 20-30 ปี มีการศึกษาในระดับปริญญาตรี มีอาชีพ พนักงานบริษัทเอกชน/รับจ้าง มีรายได้ต่อเดือน 20001-30000 บาท และนับถือศาสนาพุทธ
2) ผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับความสำคัญในการเลือกร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่อใช้ในงานแต่งงานจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ส่วนใหญ่ตั้งใจเลือกใช้ร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่องานแต่งงานของท่าน ตั้งใจว่าต้องใช้ร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่องานแต่งงานเท่านั้น ใช้เวลานานเท่าใดในการตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่องานแต่งงาน คิดว่าร้านเวดดิ้งสตูดิโอ ควรให้บริการในด้านใดเพิ่มเติมจากที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน และคิดว่าในภาพรวมการจัดงานแต่งงานจากร้านเวดดิ้งสตูดิโอกับจัดงานแต่งงานกันเองอย่างไหนดีกว่ากัน
3) ผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับเกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ส่วนใหญ่การตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก และคาดหวังในการใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก
4) การทดสอบสมมุติฐาน
4.1 การเปรียบเทียบลักษณะประชากรของผู้ใช้บริการเวดดิ้งสตูดิโอทางสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานครต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการในการใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า จำแนกตามอายุ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ จำแนกตามอาชีพ มีความแตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .01 ส่วนด้านเพศ ระดับการศึกษา รายได้ต่อเดือน และด้านศาสนา พบว่า ไม่แตกต่างกัน
4.2 การเปรียบเทียบลักษณะประชากรของผู้ใช้บริการเวดดิ้งสตูดิโอทางสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานครต่อความคาดหวังในการใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ไม่แตกต่างกัน
4.3 การเปรียบเทียบความสำคัญในการเลือกร้านเวดดิ้งสตูดิโอเพื่อใช้ในงานแต่งงานจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานครต่อ การตัดสินใจเลือกใช้บริการ และความคาดหวังในการใช้บริการร้านเวดดิ้งสตูดิโอจากสื่อสังคมออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ไม่แตกต่างกันCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27448 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000595809 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-05 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000595791 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-05 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชนในกรุงเทพมหานคร กรณีศึกษา: พื้นที่เขตพญาไท / อัมพรศิริ เอื้อวัฒนานุกูล / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชนในกรุงเทพมหานคร กรณีศึกษา: พื้นที่เขตพญาไท Original title : Factors Affecting the Selection of Mobile Networks of People in Bangkok Metropolis Case Study: Areas of Phayathai District Material Type: printed text Authors: อัมพรศิริ เอื้อวัฒนานุกูล, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: ix, 71 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-06
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2017.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]โทรศัพท์เคลื่อนที่
[LCSH]โทรศัพท์เคลื่อนที่ -- พฤติกรรมผู้ใช้บริการKeywords: เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่,
ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่,
พฤติกรรมของผู้ใช้บริการAbstract: วัตถุประสงค์ในการศึกษาครั้งนี้เพื่อ 1) ศึกษาลักษณะประชากรของผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีผลต่อการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกรุงเทพมหานคร 2) ศึกษาพฤติกรรมการใช้ของประชาชนที่มีผลต่อการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกรุงเทพมหานคร 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิภาพการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชนกับการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชนในกรุงเทพมหานคร
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ประชาชนผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในกรุงเทพมหานคร เขตพญาไท จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ ได้แก่ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ t test การวิเคราะห์ค่าความแปรปรวนจำแนกทางเดียว (One-way analysis of variance – ANOVA) และเปรียบเทียบเชิงซ้อนรายคู่ (multiple-comparison) ของ Scheffe ในกรณีที่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 400 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 20-24 ปี สถานภาพโสด ประกอบอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน/รับจ้าง การศึกษาสูงสุดระดับปริญญาตรี รายได้ต่อเดือน 10,001-20,000 บาท และนับถือศาสนาพุทธ ส่วนใหญ่มีจำนวนเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้งาน 1 เครือข่าย เป็นระบบรายเดือน (Postpaid) เครือข่าย AIS และไม่เคยเปลี่ยนเครือข่ายการใช้งาน ปัจจัยที่ทำให้มีแนวโน้มการเปลี่ยนเครือข่าย คือ ประสิทธิภาพเครือข่ายที่ดีกว่า โดยระยะเวลาในการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่เฉลี่ยต่อวัน มากกว่า 4 ชั่วโมง ใช้งานในช่วงเวลา 16.01 – 21.00 น. ค่าใช้บริการเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 501 – 1,000 บาท กิจกรรมที่ใช้งานบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่วนใหญ่ใช้งานสังคมออนไลน์ เช่น Facebook, Twitter บุคคลที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ คือตนเอง ส่วนของข้อมูลเกี่ยวกับระดับปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์ เคลื่อนที่ โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน สามารถเรียงจากมากไปน้อยได้ดังนี้ ด้านประสิทธิภาพสัญญาณ รองลงมา คือ ด้านความสะดวกและการให้บริการ ด้านบุคลากร ด้านราคา ด้านภาพลักษณ์ของเครือข่ายผู้ให้บริการ ด้านสถานที่จัดจำหน่าย และด้านการส่งเสริมการตลาด ตามลำดับCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27449 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชนในกรุงเทพมหานคร กรณีศึกษา: พื้นที่เขตพญาไท = Factors Affecting the Selection of Mobile Networks of People in Bangkok Metropolis Case Study: Areas of Phayathai District [printed text] / อัมพรศิริ เอื้อวัฒนานุกูล, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - ix, 71 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-06
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2017.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]โทรศัพท์เคลื่อนที่
[LCSH]โทรศัพท์เคลื่อนที่ -- พฤติกรรมผู้ใช้บริการKeywords: เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่,
ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่,
พฤติกรรมของผู้ใช้บริการAbstract: วัตถุประสงค์ในการศึกษาครั้งนี้เพื่อ 1) ศึกษาลักษณะประชากรของผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีผลต่อการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกรุงเทพมหานคร 2) ศึกษาพฤติกรรมการใช้ของประชาชนที่มีผลต่อการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกรุงเทพมหานคร 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิภาพการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชนกับการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชนในกรุงเทพมหานคร
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ประชาชนผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในกรุงเทพมหานคร เขตพญาไท จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ ได้แก่ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ t test การวิเคราะห์ค่าความแปรปรวนจำแนกทางเดียว (One-way analysis of variance – ANOVA) และเปรียบเทียบเชิงซ้อนรายคู่ (multiple-comparison) ของ Scheffe ในกรณีที่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 400 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 20-24 ปี สถานภาพโสด ประกอบอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน/รับจ้าง การศึกษาสูงสุดระดับปริญญาตรี รายได้ต่อเดือน 10,001-20,000 บาท และนับถือศาสนาพุทธ ส่วนใหญ่มีจำนวนเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้งาน 1 เครือข่าย เป็นระบบรายเดือน (Postpaid) เครือข่าย AIS และไม่เคยเปลี่ยนเครือข่ายการใช้งาน ปัจจัยที่ทำให้มีแนวโน้มการเปลี่ยนเครือข่าย คือ ประสิทธิภาพเครือข่ายที่ดีกว่า โดยระยะเวลาในการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่เฉลี่ยต่อวัน มากกว่า 4 ชั่วโมง ใช้งานในช่วงเวลา 16.01 – 21.00 น. ค่าใช้บริการเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 501 – 1,000 บาท กิจกรรมที่ใช้งานบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่วนใหญ่ใช้งานสังคมออนไลน์ เช่น Facebook, Twitter บุคคลที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ คือตนเอง ส่วนของข้อมูลเกี่ยวกับระดับปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้เครือข่ายโทรศัพท์ เคลื่อนที่ โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน สามารถเรียงจากมากไปน้อยได้ดังนี้ ด้านประสิทธิภาพสัญญาณ รองลงมา คือ ด้านความสะดวกและการให้บริการ ด้านบุคลากร ด้านราคา ด้านภาพลักษณ์ของเครือข่ายผู้ให้บริการ ด้านสถานที่จัดจำหน่าย และด้านการส่งเสริมการตลาด ตามลำดับCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27449 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000595817 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-06 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000595825 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-06 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. พฤติกรรมการซื้อสินค้าในเกมและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ของวัยรุ่นที่ศึกษาในกรุงเทพมหานคร / สาลินี จันทวงศ์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU IS-T Title : พฤติกรรมการซื้อสินค้าในเกมและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ของวัยรุ่นที่ศึกษาในกรุงเทพมหานคร Original title : Behaviors of Purchasing On-Line Game Products and Using Game Services on Smartphones by Teenagers Who Study in Areas in Bangkok Metropolis Material Type: printed text Authors: สาลินี จันทวงศ์, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: ix, 56 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-07
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2017.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]พฤติกรรมผู้บริโภค -- กรุงเทพฯ
[LCSH]เกมออนไลน์Keywords: ผู้ผลิตเกมออนไลน์,
พฤติกรรมซื้อสินค้าในเกม,
บริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่Abstract: วัตถุประสงค์การวิจัย 1) เพื่อศึกษาลักษณะประชากรของวัยรุ่นต่อการเล่นเกมบนโทรศัพท์
เคลื่อนที่ในกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการซื้อสินค้าในเกมและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ของวัยรุ่นที่ศึกษาในกรุงเทพมหานคร 3) เพื่อศึกษาความสนใจของการเลือกซื้อสินค้าในเกมและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ของวัยรุ่นที่ศึกษาในกรุงเทพมหานคร การทำวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจประชากรวัยรุ่นที่มีอายุ 18-23 ปีที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครและเล่นเกมออนไลน์เป็นประจำจำนวน 400 คนโดยแบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลจำนวน 400 ชุด ในเขตกรุงเทพมหานคร ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ความถี่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การประมาณค่าทางสถิติ เพื่อทดสอบสมมติฐาน วิธีวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับความพึงพอใจ โดยใช้ t-test ทดสอบของกลุ่มตัวอย่างที่มีสองกลุ่ม ใช้ One – Way ANOVA (F-test) ทดสอบของกลุ่มตัวอย่างที่มีมากกว่าสองกลุ่ม โดยกำหนดค่านัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
ผลการวิจัย พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย นับถือศาสนาพุทธ เป็นช่วงอายุ 18-19 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรี มีจำนวนสมาชิกในครอบครัว 1-3 คน ผู้ปกครองอาชีพมีอาชีพรับจ้าง ผู้ปกครองมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001 - 40,000 บาท โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เล่นเกม RPG (เก็บเลเวล) มีแรงบันดาลใจจากการเล่นตามเพื่อนมากที่สุด และมีปัจจัยที่ดึงดูดในเกมคือเนื้อหามากที่สุด จะเล่นเกมตามความสนใจของตนเองมากที่สุด ชื่นชอบการออกแบบการพัฒนาการของตัวละครและสนใจระบบซื้อของเพื่อพัฒนาตัวละครมากที่สุด และอยากให้บริษัทผู้ผลิตเกมออนไลน์พัฒนาภาพที่แสดงสมจริงมากขึ้น
วัยรุ่นในกรุงเทพมหานคร มีพฤติกรรมซื้อสินค้าในเกมและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่
อยู่ในระดับสูงที่สุด คือ คาดหวังก่อนซื้อของในเกมเสมอ มีขอบเขตในการเลือกซื้อของในเกม และวางแผนการใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อของในเกมทุกครั้ง มีระดับพฤติกรรมอยู่ในระดับสูง
ส่วนระดับพฤติกรรมซื้อสินค้าและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ในระดับต่ำที่สุด คือ เลือกซื้อของในเกมตามกระแสนิยมCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27450 SIU IS-T. พฤติกรรมการซื้อสินค้าในเกมและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ของวัยรุ่นที่ศึกษาในกรุงเทพมหานคร = Behaviors of Purchasing On-Line Game Products and Using Game Services on Smartphones by Teenagers Who Study in Areas in Bangkok Metropolis [printed text] / สาลินี จันทวงศ์, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - ix, 56 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-07
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2017.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]พฤติกรรมผู้บริโภค -- กรุงเทพฯ
[LCSH]เกมออนไลน์Keywords: ผู้ผลิตเกมออนไลน์,
พฤติกรรมซื้อสินค้าในเกม,
บริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่Abstract: วัตถุประสงค์การวิจัย 1) เพื่อศึกษาลักษณะประชากรของวัยรุ่นต่อการเล่นเกมบนโทรศัพท์
เคลื่อนที่ในกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการซื้อสินค้าในเกมและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ของวัยรุ่นที่ศึกษาในกรุงเทพมหานคร 3) เพื่อศึกษาความสนใจของการเลือกซื้อสินค้าในเกมและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ของวัยรุ่นที่ศึกษาในกรุงเทพมหานคร การทำวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจประชากรวัยรุ่นที่มีอายุ 18-23 ปีที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครและเล่นเกมออนไลน์เป็นประจำจำนวน 400 คนโดยแบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลจำนวน 400 ชุด ในเขตกรุงเทพมหานคร ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ความถี่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การประมาณค่าทางสถิติ เพื่อทดสอบสมมติฐาน วิธีวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับความพึงพอใจ โดยใช้ t-test ทดสอบของกลุ่มตัวอย่างที่มีสองกลุ่ม ใช้ One – Way ANOVA (F-test) ทดสอบของกลุ่มตัวอย่างที่มีมากกว่าสองกลุ่ม โดยกำหนดค่านัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
ผลการวิจัย พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย นับถือศาสนาพุทธ เป็นช่วงอายุ 18-19 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรี มีจำนวนสมาชิกในครอบครัว 1-3 คน ผู้ปกครองอาชีพมีอาชีพรับจ้าง ผู้ปกครองมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001 - 40,000 บาท โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เล่นเกม RPG (เก็บเลเวล) มีแรงบันดาลใจจากการเล่นตามเพื่อนมากที่สุด และมีปัจจัยที่ดึงดูดในเกมคือเนื้อหามากที่สุด จะเล่นเกมตามความสนใจของตนเองมากที่สุด ชื่นชอบการออกแบบการพัฒนาการของตัวละครและสนใจระบบซื้อของเพื่อพัฒนาตัวละครมากที่สุด และอยากให้บริษัทผู้ผลิตเกมออนไลน์พัฒนาภาพที่แสดงสมจริงมากขึ้น
วัยรุ่นในกรุงเทพมหานคร มีพฤติกรรมซื้อสินค้าในเกมและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่
อยู่ในระดับสูงที่สุด คือ คาดหวังก่อนซื้อของในเกมเสมอ มีขอบเขตในการเลือกซื้อของในเกม และวางแผนการใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อของในเกมทุกครั้ง มีระดับพฤติกรรมอยู่ในระดับสูง
ส่วนระดับพฤติกรรมซื้อสินค้าและบริการเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ในระดับต่ำที่สุด คือ เลือกซื้อของในเกมตามกระแสนิยมCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27450 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000595841 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-07 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000595833 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2017-07 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ / ประภารัตน์ ปิ่นประดับ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ Original title : People’s Opinion on Services of the Immigration Police’s Arrival Inspection at Suvarnabhumi Airport Material Type: printed text Authors: ประภารัตน์ ปิ่นประดับ, Author ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name ; สมชาย รัตนโกมุท, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: vii, 83 น. Layout: ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-07
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง Keywords: การให้บริการ,
ตรวจคนเข้าเมืองAbstract: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และศึกษาหาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา คือ ประชาชนคนไทยที่มารับบริการจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 400 คน สุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ (Accidental Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล คือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา ทดสอบสมมติฐานโดยใช้สถิติไคสแควร์ (Chi-Square) สำหรับการหาความเชื่อมั่นของแบบสอบถามใช้วิธีหาค่าอัลฟ่าสัมประสิทธิ์ของครอนบาค (Cronbach’s Alpha Coefficient) กำหนดค่านัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ผลการศึกษาพบว่า ความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในภาพรวมมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ประชาชนผู้มารับบริการมีความคิดเห็นต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าอยู่ในระดับมาก ทั้ง 4 ด้าน ซึ่งได้แก่ ด้านประสิทธิภาพของการให้บริการ (ร้อยละ 90.75) ด้านความพร้อมเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ (ร้อยละ 76.25) ด้านการอำนวยความสะดวก (ร้อยละ 90.75) และด้านสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติหน้าที่ (ร้อยละ 82.75)
ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าในภาพรวมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ ความถี่ของการเดินทาง ช่วงเวลาในการเดินทาง และการรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับระเบียบการตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27536 SIU IS-T. ความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ = People’s Opinion on Services of the Immigration Police’s Arrival Inspection at Suvarnabhumi Airport [printed text] / ประภารัตน์ ปิ่นประดับ, Author ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name ; สมชาย รัตนโกมุท, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - vii, 83 น. : ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-07
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง Keywords: การให้บริการ,
ตรวจคนเข้าเมืองAbstract: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และศึกษาหาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา คือ ประชาชนคนไทยที่มารับบริการจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 400 คน สุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ (Accidental Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล คือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา ทดสอบสมมติฐานโดยใช้สถิติไคสแควร์ (Chi-Square) สำหรับการหาความเชื่อมั่นของแบบสอบถามใช้วิธีหาค่าอัลฟ่าสัมประสิทธิ์ของครอนบาค (Cronbach’s Alpha Coefficient) กำหนดค่านัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ผลการศึกษาพบว่า ความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในภาพรวมมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ประชาชนผู้มารับบริการมีความคิดเห็นต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าอยู่ในระดับมาก ทั้ง 4 ด้าน ซึ่งได้แก่ ด้านประสิทธิภาพของการให้บริการ (ร้อยละ 90.75) ด้านความพร้อมเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ (ร้อยละ 76.25) ด้านการอำนวยความสะดวก (ร้อยละ 90.75) และด้านสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติหน้าที่ (ร้อยละ 82.75)
ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความคิดเห็นของประชาชนต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าในภาพรวมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ ความถี่ของการเดินทาง ช่วงเวลาในการเดินทาง และการรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับระเบียบการตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27536 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000596435 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-07 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000596468 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-07 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. แรงจูงใจในการรับการสนับสนุนการปฏิบัติงานในการปราบปรามยาเสพติด กรณีศึกษา กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด / บรรจบ ศรีวิชัยยศ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : แรงจูงใจในการรับการสนับสนุนการปฏิบัติงานในการปราบปรามยาเสพติด กรณีศึกษา กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด Original title : Motivation to Support Suppression in Combating Drug Trafficking : A Case Study of the Suppression Division 3, Narcotics Suppression Bureau, Royal Thai Police Material Type: printed text Authors: บรรจบ ศรีวิชัยยศ, Author ; ประยุทธ์ สวัสดิ์เรียวกุล, Associated Name ; สมชาย รัตนโกมุท, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: ix, 57 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-06
Independent Study [MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การจูงใจ (จิตวิทยา)
[LCSH]ยาเสพติดKeywords: การปราบปรามยาเสพติด,
การรับการสนับสนุนการปฏิบัติงาน,
แรงจูงใจในการปฏิบัติงานAbstract: การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเพื่อศึกษาและทราบถึงระดับแรงจูงใจในการรับการสนับสนุนการปฏิบัติงานในการปราบปรามยาเสพติด กรณีศึกษาเฉพาะกองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นการศึกษาเชิงปริมาณโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวม กล่าวโดยสรุปจากแบบสอบถามผลการวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคลของกลุ่มตัวอย่างประกอบไปด้วย เพศ อายุ สถานภาพการสมรสระดับการศึกษา ระดับชั้นยศ ประสบการณ์ในการทำงาน รายได้/เงินเดือน โดยแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ใช้การวิเคราะห์ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดเป็นเพศชายจำนวน 73 คน ส่วนใหญ่กลุ่มอายุระหว่าง 41 – 50 ปี ส่วนใหญ่สถานภาพสมรส มีจำนวน 43 คน ส่วนใหญ่มีระดับการศึกษา ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี มีจำนวน 35 คน ส่วนใหญ่มีระดับชั้นยศ จ.ส.ต.- ด.ต. จำนวน 54 คน มีประสบการณ์ในการทำงาน ส่วนใหญ่อยู่ที่ 16 - 20 ปี มีจำนวน 35 คน ส่วนใหญ่มีรายได้/เงินเดือน 20,001 – 30,000 บาท มีจำนวน 45 คน ผลวิเคราะห์แบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลด้านแรงจูงใจในการปราบปรามยาเสพติด พิจารณารายด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ได้แก่ ด้านแรงจูงใจที่ส่งผลต่อตนเอง เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อเรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ได้รับความสำเร็จในงานที่ปฏิบัติ อยู่ในระดับมากผลวิเคราะห์แบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลด้านการรับการสนับสนุนการปฏิบัติงานในการปราบปรามยาเสพติด พิจารณารายได้ที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ได้แก่ การรับรู้การสนับสนุนทางบทบาทหน้าที่ เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อเรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ได้รับค่าครองชีพ ในการปฏิบัติงานนอกสถานที่อยู่ในระดับมาก Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27537 SIU IS-T. แรงจูงใจในการรับการสนับสนุนการปฏิบัติงานในการปราบปรามยาเสพติด กรณีศึกษา กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด = Motivation to Support Suppression in Combating Drug Trafficking : A Case Study of the Suppression Division 3, Narcotics Suppression Bureau, Royal Thai Police [printed text] / บรรจบ ศรีวิชัยยศ, Author ; ประยุทธ์ สวัสดิ์เรียวกุล, Associated Name ; สมชาย รัตนโกมุท, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - ix, 57 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-06
Independent Study [MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การจูงใจ (จิตวิทยา)
[LCSH]ยาเสพติดKeywords: การปราบปรามยาเสพติด,
การรับการสนับสนุนการปฏิบัติงาน,
แรงจูงใจในการปฏิบัติงานAbstract: การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเพื่อศึกษาและทราบถึงระดับแรงจูงใจในการรับการสนับสนุนการปฏิบัติงานในการปราบปรามยาเสพติด กรณีศึกษาเฉพาะกองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นการศึกษาเชิงปริมาณโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวม กล่าวโดยสรุปจากแบบสอบถามผลการวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคลของกลุ่มตัวอย่างประกอบไปด้วย เพศ อายุ สถานภาพการสมรสระดับการศึกษา ระดับชั้นยศ ประสบการณ์ในการทำงาน รายได้/เงินเดือน โดยแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ใช้การวิเคราะห์ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดเป็นเพศชายจำนวน 73 คน ส่วนใหญ่กลุ่มอายุระหว่าง 41 – 50 ปี ส่วนใหญ่สถานภาพสมรส มีจำนวน 43 คน ส่วนใหญ่มีระดับการศึกษา ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี มีจำนวน 35 คน ส่วนใหญ่มีระดับชั้นยศ จ.ส.ต.- ด.ต. จำนวน 54 คน มีประสบการณ์ในการทำงาน ส่วนใหญ่อยู่ที่ 16 - 20 ปี มีจำนวน 35 คน ส่วนใหญ่มีรายได้/เงินเดือน 20,001 – 30,000 บาท มีจำนวน 45 คน ผลวิเคราะห์แบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลด้านแรงจูงใจในการปราบปรามยาเสพติด พิจารณารายด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ได้แก่ ด้านแรงจูงใจที่ส่งผลต่อตนเอง เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อเรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ได้รับความสำเร็จในงานที่ปฏิบัติ อยู่ในระดับมากผลวิเคราะห์แบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลด้านการรับการสนับสนุนการปฏิบัติงานในการปราบปรามยาเสพติด พิจารณารายได้ที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ได้แก่ การรับรู้การสนับสนุนทางบทบาทหน้าที่ เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อเรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ได้รับค่าครองชีพ ในการปฏิบัติงานนอกสถานที่อยู่ในระดับมาก Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27537 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000596484 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-06 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000596450 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-06 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ประสิทธิภาพการสื่อสารภายในองค์กรของพนักงานฝ่ายข่าว: สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 / ณธภัฐน์ วงษ์สะอาด / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU IS-T Title : ประสิทธิภาพการสื่อสารภายในองค์กรของพนักงานฝ่ายข่าว: สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 Original title : The Effective Organizational Communication of the News Department Staff: A Case of the television station channel 8 Material Type: printed text Authors: ณธภัฐน์ วงษ์สะอาด, Author ; เพชรรัตน์ โล้วิชากรติกุล, Associated Name ; อุษณีย์ เสวกวัชรี, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: vii, 61 น. Layout: ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2017-03
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2017.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การสื่อสาร
[LCSH]สถานีโทรทัศน์ -- ช่อง 8Keywords: ประสิทธิภาพ,
การสื่อสารภายในองค์กร,
พนักงานฝ่ายข่าวAbstract: การวิจัยเรื่องประสิทธิภาพของการสื่อสารองค์กรของพนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 มีจุดมุ่งหมาย 1) เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อประสิทธิภาพการสื่อสารภายในองค์กรของพนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรโดยจำแนกตามลักษณะส่วนบุคคลของพนักงานได้แก่เพศ อายุ ระดับการศึกษา ตำแหน่งงาน และระยะเวลาในการปฏิบัติงาน ประชากรที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ พนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ในปี พ.ศ. 2559 จำนวน 100 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลครั้งนี้ได้แก่ แบบสอบถามเกี่ยวกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของบุคลากร 5 ด้านสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ได้แก่ ค่าร้อยละค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่มใช้การทดสอบที (t - Test) ส่วนการทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยจากกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 2 กลุ่มใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One - Way ANOVA)
ผลการวิจัยพบว่าพนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่มีเพศต่างกันมีปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรไม่แตกต่างกันพนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่มีอายุต่างกันมีปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรแตกต่างกันยกเว้นด้านข้อมูลข่าวสาร ด้านช่องทางการสื่อสาร และด้านประสิทธิภาพในการสื่อสารในองค์กร พนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่มีระดับการศึกษาต่างกันมีปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรแตกต่างกันยกเว้นด้านข้อมูลข่าวสาร พนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่มีตำแหน่งงานต่างกันมีปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรแตกต่างกัน ยกเว้นด้านประสิทธิภาพในการสื่อสารในองค์กร พนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่มีระยะเวลาในการปฏิบัติงานต่างกันมีปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรแตกต่างกัน ยกเว้นด้านข้อมูลข่าวสารและด้านช่องทางการสื่อสารCurricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27542 SIU IS-T. ประสิทธิภาพการสื่อสารภายในองค์กรของพนักงานฝ่ายข่าว: สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 = The Effective Organizational Communication of the News Department Staff: A Case of the television station channel 8 [printed text] / ณธภัฐน์ วงษ์สะอาด, Author ; เพชรรัตน์ โล้วิชากรติกุล, Associated Name ; อุษณีย์ เสวกวัชรี, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - vii, 61 น. : ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOM-MBA-2017-03
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2017.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การสื่อสาร
[LCSH]สถานีโทรทัศน์ -- ช่อง 8Keywords: ประสิทธิภาพ,
การสื่อสารภายในองค์กร,
พนักงานฝ่ายข่าวAbstract: การวิจัยเรื่องประสิทธิภาพของการสื่อสารองค์กรของพนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 มีจุดมุ่งหมาย 1) เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อประสิทธิภาพการสื่อสารภายในองค์กรของพนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรโดยจำแนกตามลักษณะส่วนบุคคลของพนักงานได้แก่เพศ อายุ ระดับการศึกษา ตำแหน่งงาน และระยะเวลาในการปฏิบัติงาน ประชากรที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ พนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ในปี พ.ศ. 2559 จำนวน 100 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลครั้งนี้ได้แก่ แบบสอบถามเกี่ยวกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของบุคลากร 5 ด้านสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ได้แก่ ค่าร้อยละค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่มใช้การทดสอบที (t - Test) ส่วนการทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยจากกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 2 กลุ่มใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One - Way ANOVA)
ผลการวิจัยพบว่าพนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่มีเพศต่างกันมีปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรไม่แตกต่างกันพนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่มีอายุต่างกันมีปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรแตกต่างกันยกเว้นด้านข้อมูลข่าวสาร ด้านช่องทางการสื่อสาร และด้านประสิทธิภาพในการสื่อสารในองค์กร พนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่มีระดับการศึกษาต่างกันมีปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรแตกต่างกันยกเว้นด้านข้อมูลข่าวสาร พนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่มีตำแหน่งงานต่างกันมีปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรแตกต่างกัน ยกเว้นด้านประสิทธิภาพในการสื่อสารในองค์กร พนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่มีระยะเวลาในการปฏิบัติงานต่างกันมีปัจจัยกระบวนการในการสื่อสารภายในองค์กรแตกต่างกัน ยกเว้นด้านข้อมูลข่าวสารและด้านช่องทางการสื่อสารCurricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27542 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000596567 SIU IS-T: SOM-MBA-2017-03 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000596534 SIU IS-T: SOM-MBA-2017-03 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. การศึกษาการแพร่กระจายของไวรัสคอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่ายโซเชียลมีเดีย / อติราช ศุภกุล / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU IS-T Title : การศึกษาการแพร่กระจายของไวรัสคอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่ายโซเชียลมีเดีย Original title : A study on computer virus spreading through social media network Material Type: printed text Authors: อติราช ศุภกุล, Author ; เอกวุฒิ สุจเร, Associated Name ; กฤษดา มาลีวงศ์, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: v, 23 น. Layout: ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: SOIT-MSIT-2017-02
Independent Study. [M.S.[Information Technology]]--Shinawatra University, 2017Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]เครือข่ายสังคมแบบออนไลน์
[LCSH]ไวรัสคอมพิวเตอร์Keywords: ไวรัส,
เครือข่าย,
โซเชียลมีเดียCurricular : BSCS/GE/MSIT Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27543 SIU IS-T. การศึกษาการแพร่กระจายของไวรัสคอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่ายโซเชียลมีเดีย = A study on computer virus spreading through social media network [printed text] / อติราช ศุภกุล, Author ; เอกวุฒิ สุจเร, Associated Name ; กฤษดา มาลีวงศ์, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - v, 23 น. : ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: SOIT-MSIT-2017-02
Independent Study. [M.S.[Information Technology]]--Shinawatra University, 2017
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]เครือข่ายสังคมแบบออนไลน์
[LCSH]ไวรัสคอมพิวเตอร์Keywords: ไวรัส,
เครือข่าย,
โซเชียลมีเดียCurricular : BSCS/GE/MSIT Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27543 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000596583 SIU IS-T: SOIT-MSIT-2017-02 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000596575 SIU IS-T: SOIT-MSIT-2017-02 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ทัศนคติของประชาชนต่อการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล กรณีศึกษา : เทศบาลนครนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี / สุภาพร แย้มกลิ่น / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2018
Collection Title: SIU IS-T Title : ทัศนคติของประชาชนต่อการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล กรณีศึกษา : เทศบาลนครนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี : People’s Attitudes toward Governance Administration : A Case of Nonthaburi Municipal, Nonthaburi Province Material Type: printed text Authors: สุภาพร แย้มกลิ่น, Author ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name ; ประยุทธ์ สวัสดิ์เรียวกุล, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2018 Pagination: viii, 85 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2018-01
Independent Study [MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2018.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ทัศนคติ
[LCSH]ธรรมาภิบาลKeywords: ทัศนคติ, การบริหาร, ธรรมภิบาล Abstract: วัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้ เพื่อศึกษาระดับทัศนคติและเพื่อเปรียบเทียบทัศนคติของประชาชนต่อการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล กรณีศึกษาเทศบาลนครนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม จากผู้ใช้บริการที่เทศบาลนครนนทบุรี จำนวน 400 คน วิเคราะห์ผลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และทดสอบตัวแปรและสมมติฐานโดยใช้สถิติ
t – test, F – test ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05
ผลวิจัยพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง มีอายุอยู่ระหว่าง 41 - 50 ปี มีสถานภาพสมรส ระดับการศึกษาปริญญาตรี ประกอบอาชีพเป็นพนักงานบริษัท รายได้เฉลี่ยต่อเดือนสูงกว่า 15,000 บาท ผลวิจัยยังพบว่าประชาชนผู้ใช้บริการมีทัศนคติต่อการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลเทศบาลนครนนทบุรีจังหวัดนนทบุรีอยู่ในระดับดี โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ มีหลักนิติธรรม หลักความคุ้มค่า หลักความรับผิดชอบ หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม และหลักคุณธรรม ตามลำดับ ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า ปัจจัยลักษณะส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน มีผลต่อทัศนคติต่อการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลเทศบาลนครนนทบุรีจังหวัดนนทบุรีแตกต่างกันCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27773 SIU IS-T. ทัศนคติของประชาชนต่อการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล กรณีศึกษา : เทศบาลนครนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี : People’s Attitudes toward Governance Administration : A Case of Nonthaburi Municipal, Nonthaburi Province [printed text] / สุภาพร แย้มกลิ่น, Author ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name ; ประยุทธ์ สวัสดิ์เรียวกุล, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2018 . - viii, 85 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2018-01
Independent Study [MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2018.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ทัศนคติ
[LCSH]ธรรมาภิบาลKeywords: ทัศนคติ, การบริหาร, ธรรมภิบาล Abstract: วัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้ เพื่อศึกษาระดับทัศนคติและเพื่อเปรียบเทียบทัศนคติของประชาชนต่อการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล กรณีศึกษาเทศบาลนครนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม จากผู้ใช้บริการที่เทศบาลนครนนทบุรี จำนวน 400 คน วิเคราะห์ผลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และทดสอบตัวแปรและสมมติฐานโดยใช้สถิติ
t – test, F – test ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05
ผลวิจัยพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง มีอายุอยู่ระหว่าง 41 - 50 ปี มีสถานภาพสมรส ระดับการศึกษาปริญญาตรี ประกอบอาชีพเป็นพนักงานบริษัท รายได้เฉลี่ยต่อเดือนสูงกว่า 15,000 บาท ผลวิจัยยังพบว่าประชาชนผู้ใช้บริการมีทัศนคติต่อการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลเทศบาลนครนนทบุรีจังหวัดนนทบุรีอยู่ในระดับดี โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ มีหลักนิติธรรม หลักความคุ้มค่า หลักความรับผิดชอบ หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม และหลักคุณธรรม ตามลำดับ ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า ปัจจัยลักษณะส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน มีผลต่อทัศนคติต่อการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลเทศบาลนครนนทบุรีจังหวัดนนทบุรีแตกต่างกันCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27773 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000597821 SIU IS-T: IPAG-MPA-2018-01 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000597797 SIU IS-T: IPAG-MPA-2018-01 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. การพัฒนาสื่อเพื่อศึกษาด้วยการใช้ Holograms สำหรับนักศึกษาพยาบาล / สันติราชย์ เลิศมณี / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2018
Collection Title: SIU IS-T Title : การพัฒนาสื่อเพื่อศึกษาด้วยการใช้ Holograms สำหรับนักศึกษาพยาบาล Original title : The Development of Holograms as Educational Media for Nursing Students Material Type: printed text Authors: สันติราชย์ เลิศมณี, Author ; เฟื่องฟ้า อัมพรสถิร, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2018 Pagination: viii, 74 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 บาท General note: SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2018-01
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2018.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]สื่อการสอน
[LCSH]โฮโลแกรมKeywords: Holograms,
สื่อการสอน,
นักศึกษาพยาบาลAbstract: วัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อพัฒนาสื่อการสอนด้วยการใช้ Holograms มีกระบวนการสร้างดังนี้
1) ผู้วิจัยศึกษาวิธีการฉีดยาจากหนังสือเรียน และศึกษาโปรแกรม 3 มิติ เพื่อสร้างภาพ Holograms 2) ผู้วิจัยสร้างอุปกรณ์ Holograms จากวัสดุต่าง ๆ และนำมาทดลอง และบันทึกผล 3) ผู้วิจัยสร้างแบบสอบถามใช้เป็นการวิจัยเพื่อทดสอบความพึงพอใจจากการใช้ Holograms วิธีการฉีดยา โดยเก็บข้อมูลจากนักศึกษาพยาบาล 43 คน มาวิเคราะห์ผล
การใช้เครื่องมือทดสอบกับนักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาพยาบาลศาสตร์ หลักสูตรพยาบาลบัณฑิต มหาวิทยาลัยวิทยาชินวัตร โดยการสุ่มตัวอย่างอย่างง่ายกับนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 2 จำนวน 27 คน และชั้นปีที่ 3 จำนวน 16 คน รวมจำนวน 43 คน ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และใช้ค่าสถิติเชิงพรรณนา
ผลการประเมินความพึงพอใจสื่อการสอนจากกลุ่มเป้าหมายจำนวน 43 คน พบว่า ระดับความพึงพอใจด้านเนื้อหาสาระ ด้านคุณค่า และโดยภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด แต่ระดับความพึงพอใจด้านอุปกรณ์ อยู่ในระดับมาก
จากความคิดเห็นของนักศึกษาพยาบาล พบว่า จุดเด่นมีความแปลกใหม่ ทันสมัย และน่าสนใจ การนำเสนอภาพสามารถมองเห็นภาพร่างกายได้ชัดเจนและเรียนรู้วิธีการฉีดยาที่กล้ามเนื้อมีมุมองศาแตกต่างกัน มีการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อเกิดประโยชน์กับการเรียนการสอนสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี ใช้งานง่าย และสามารถนำไปใช้งานได้จริง และพบว่ามีข้อบกพร่อง ได้แก่ ภาพมีขนาดเล็กและไม่ชัดเจน ประกอบกับเสียงบรรยายไม่ชัดเจนและขาดความนุ่มนวลของเสียง มีรายละเอียดและคำบรรยายในการสอนของเนื้อหาน้อยเกินไป การแสดงเนื้อหามีระยะเวลาสั้น ตลอดจนอุปกรณ์มีขนาดเล็กทำให้ขาดความน่าสนใจCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27854 SIU IS-T. การพัฒนาสื่อเพื่อศึกษาด้วยการใช้ Holograms สำหรับนักศึกษาพยาบาล = The Development of Holograms as Educational Media for Nursing Students [printed text] / สันติราชย์ เลิศมณี, Author ; เฟื่องฟ้า อัมพรสถิร, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2018 . - viii, 74 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00 บาท
SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2018-01
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2018.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]สื่อการสอน
[LCSH]โฮโลแกรมKeywords: Holograms,
สื่อการสอน,
นักศึกษาพยาบาลAbstract: วัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อพัฒนาสื่อการสอนด้วยการใช้ Holograms มีกระบวนการสร้างดังนี้
1) ผู้วิจัยศึกษาวิธีการฉีดยาจากหนังสือเรียน และศึกษาโปรแกรม 3 มิติ เพื่อสร้างภาพ Holograms 2) ผู้วิจัยสร้างอุปกรณ์ Holograms จากวัสดุต่าง ๆ และนำมาทดลอง และบันทึกผล 3) ผู้วิจัยสร้างแบบสอบถามใช้เป็นการวิจัยเพื่อทดสอบความพึงพอใจจากการใช้ Holograms วิธีการฉีดยา โดยเก็บข้อมูลจากนักศึกษาพยาบาล 43 คน มาวิเคราะห์ผล
การใช้เครื่องมือทดสอบกับนักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาพยาบาลศาสตร์ หลักสูตรพยาบาลบัณฑิต มหาวิทยาลัยวิทยาชินวัตร โดยการสุ่มตัวอย่างอย่างง่ายกับนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 2 จำนวน 27 คน และชั้นปีที่ 3 จำนวน 16 คน รวมจำนวน 43 คน ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และใช้ค่าสถิติเชิงพรรณนา
ผลการประเมินความพึงพอใจสื่อการสอนจากกลุ่มเป้าหมายจำนวน 43 คน พบว่า ระดับความพึงพอใจด้านเนื้อหาสาระ ด้านคุณค่า และโดยภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด แต่ระดับความพึงพอใจด้านอุปกรณ์ อยู่ในระดับมาก
จากความคิดเห็นของนักศึกษาพยาบาล พบว่า จุดเด่นมีความแปลกใหม่ ทันสมัย และน่าสนใจ การนำเสนอภาพสามารถมองเห็นภาพร่างกายได้ชัดเจนและเรียนรู้วิธีการฉีดยาที่กล้ามเนื้อมีมุมองศาแตกต่างกัน มีการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อเกิดประโยชน์กับการเรียนการสอนสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี ใช้งานง่าย และสามารถนำไปใช้งานได้จริง และพบว่ามีข้อบกพร่อง ได้แก่ ภาพมีขนาดเล็กและไม่ชัดเจน ประกอบกับเสียงบรรยายไม่ชัดเจนและขาดความนุ่มนวลของเสียง มีรายละเอียดและคำบรรยายในการสอนของเนื้อหาน้อยเกินไป การแสดงเนื้อหามีระยะเวลาสั้น ตลอดจนอุปกรณ์มีขนาดเล็กทำให้ขาดความน่าสนใจCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27854 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000598316 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2018-01 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000598431 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2018-01 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available Readers who borrowed this document also borrowed:
สู่กระบวนทัศน์ใหม่ของผู้บริหารการพยาบาล สมใจ พุทธาพิทักษ์ผล SIU IS-T. การวิจัยและปรับปรุงกระบวนการรับนักศึกษาของสถาบันอุดมศึกษา / พาณี ชูบุญทรัพย์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2018
Collection Title: SIU IS-T Title : การวิจัยและปรับปรุงกระบวนการรับนักศึกษาของสถาบันอุดมศึกษา Original title : Improvement of Business Process Management in Student Admission, Registration and Payment Processes Material Type: printed text Authors: พาณี ชูบุญทรัพย์, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2018 Pagination: vi, 40 น. Layout: ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 บาท General note: SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2018-02
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2018.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]สถาบันอุดมศึกษา -- การรับนักศึกษา Keywords: การรับนักศึกษา,
การลงทะเบียน,
การชำระค่าลงทะเบียนAbstract: การวิจัยและปรับปรุงกระบวนการทำงานด้านการรับนักศึกษา ประกอบด้วย 3 เรื่องหลัก ได้แก่ การรับนักศึกษา การลงทะเบียน และการชำระค่าลงทะเบียน ซึ่งเป็นข้อมูลตั้งต้นที่สำคัญ และเป็นกิจกรรมหลักสำคัญที่จำเป็นต้องใช้ตลอดหลักสูตรจนกระทั่งสำเร็จการศึกษา งานดังกล่าวมีปัญหาด้านข้อมูล ขั้นตอนการทำงาน รวมถึงการติดตามงาน โดยการวิจัยนี้จะมุ่งเน้นไปที่การศึกษา ออกแบบ และปรับปรุงกระบวนงานด้านการรับนักศึกษา ซึ่งจำเป็นต้องวิเคราะห์ถึงกระบวนการทำงานในลักษณะ Workflow หรือ แผนผังการทำงานที่ชัดเจน เพื่อให้เห็นถึงขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน รวมถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อนำไปปรับปรุงกระบวนงานด้านการรับนักศึกษา ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ดียิ่งขึ้น
Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27855 SIU IS-T. การวิจัยและปรับปรุงกระบวนการรับนักศึกษาของสถาบันอุดมศึกษา = Improvement of Business Process Management in Student Admission, Registration and Payment Processes [printed text] / พาณี ชูบุญทรัพย์, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2018 . - vi, 40 น. : ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00 บาท
SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2018-02
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2018.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]สถาบันอุดมศึกษา -- การรับนักศึกษา Keywords: การรับนักศึกษา,
การลงทะเบียน,
การชำระค่าลงทะเบียนAbstract: การวิจัยและปรับปรุงกระบวนการทำงานด้านการรับนักศึกษา ประกอบด้วย 3 เรื่องหลัก ได้แก่ การรับนักศึกษา การลงทะเบียน และการชำระค่าลงทะเบียน ซึ่งเป็นข้อมูลตั้งต้นที่สำคัญ และเป็นกิจกรรมหลักสำคัญที่จำเป็นต้องใช้ตลอดหลักสูตรจนกระทั่งสำเร็จการศึกษา งานดังกล่าวมีปัญหาด้านข้อมูล ขั้นตอนการทำงาน รวมถึงการติดตามงาน โดยการวิจัยนี้จะมุ่งเน้นไปที่การศึกษา ออกแบบ และปรับปรุงกระบวนงานด้านการรับนักศึกษา ซึ่งจำเป็นต้องวิเคราะห์ถึงกระบวนการทำงานในลักษณะ Workflow หรือ แผนผังการทำงานที่ชัดเจน เพื่อให้เห็นถึงขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน รวมถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อนำไปปรับปรุงกระบวนงานด้านการรับนักศึกษา ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ดียิ่งขึ้น
Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27855 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000598340 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2018-02 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000598464 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2018-02 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. งานวิจัยการปรับปรุงกระบวนการในการจัดซื้อและการซ่อมบำรุงของสถาบันการศึกษา / รัตนาภา ติษยางกูร / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2018
Collection Title: SIU IS-T Title : งานวิจัยการปรับปรุงกระบวนการในการจัดซื้อและการซ่อมบำรุงของสถาบันการศึกษา Original title : Improvement of Business Process Management in the Procurement and Maintenance of Educational Institutions Material Type: printed text Authors: รัตนาภา ติษยางกูร, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2018 Pagination: vii, 43 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 บาท General note: SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2018-03
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2018.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การจัดซื้อ
[LCSH]การบำรุงรักษา
[LCSH]สถานศึกษาKeywords: สถาบันการศึกษา,
การจัดซื้อ,
การจองห้องประชุม,
การซ่อมบำรุงAbstract: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการทำงานของสถาบันการศึกษาในกระบวนการจัดซื้อ กระบวนการจองห้องประชุม และกระบวนการซ่อมบำรุง เนื่องจากในปัจจุบันสถาบันการศึกษาส่วนใหญ่มีการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการงานด้านต่าง ๆ มากขึ้น ทำให้ประสบปัญหาการทำงานที่ไม่สอดรับกับเทคโนโลยีที่เข้ามา การศึกษาใช้รูปแบบการศึกษาเชิงคุณภาพ ศึกษาข้อมูลจากเอกสารที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลบนเว็บไซต์ และการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการทำงาน ดำเนินการวิจัยโดย (1) ศึกษาขั้นตอนกระบวนการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ฝ่ายจัดซื้อและพัสดุ และฝ่ายอาคาร (2) นำเสนอกระบวนการทำงานของแต่ละกระบวนการในรูปแบบของ Workflow เพื่อให้ทราบถึงปัญหาในแต่ละกระบวนการทำงาน (3) ศึกษาแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ด้วยหลักการ APQC เพื่อนำมาปรับปรุงกระบวนการทำงานของสถาบันการศึกษา
จากการศึกษาในงานวิจัยนี้พบว่า การปรับปรุงกระบวนการในการจัดซื้อและการซ่อมบำรุงของสถาบันการศึกษา โดยนำแนวคิดของ Workflow มาใช้ช่วยลดปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดจากการทำงานแบบ Manual ได้ เป็นการลดขั้นตอนการทำงาน ช่วยในการจัดเก็บข้อมูล และการประมวลผลออกรายงานที่จำเป็นภายในสถาบัน สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มีความถูกต้อง แม่นยำ สะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้นCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27856 SIU IS-T. งานวิจัยการปรับปรุงกระบวนการในการจัดซื้อและการซ่อมบำรุงของสถาบันการศึกษา = Improvement of Business Process Management in the Procurement and Maintenance of Educational Institutions [printed text] / รัตนาภา ติษยางกูร, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2018 . - vii, 43 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00 บาท
SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2018-03
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2018.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การจัดซื้อ
[LCSH]การบำรุงรักษา
[LCSH]สถานศึกษาKeywords: สถาบันการศึกษา,
การจัดซื้อ,
การจองห้องประชุม,
การซ่อมบำรุงAbstract: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการทำงานของสถาบันการศึกษาในกระบวนการจัดซื้อ กระบวนการจองห้องประชุม และกระบวนการซ่อมบำรุง เนื่องจากในปัจจุบันสถาบันการศึกษาส่วนใหญ่มีการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการงานด้านต่าง ๆ มากขึ้น ทำให้ประสบปัญหาการทำงานที่ไม่สอดรับกับเทคโนโลยีที่เข้ามา การศึกษาใช้รูปแบบการศึกษาเชิงคุณภาพ ศึกษาข้อมูลจากเอกสารที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลบนเว็บไซต์ และการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการทำงาน ดำเนินการวิจัยโดย (1) ศึกษาขั้นตอนกระบวนการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ฝ่ายจัดซื้อและพัสดุ และฝ่ายอาคาร (2) นำเสนอกระบวนการทำงานของแต่ละกระบวนการในรูปแบบของ Workflow เพื่อให้ทราบถึงปัญหาในแต่ละกระบวนการทำงาน (3) ศึกษาแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ด้วยหลักการ APQC เพื่อนำมาปรับปรุงกระบวนการทำงานของสถาบันการศึกษา
จากการศึกษาในงานวิจัยนี้พบว่า การปรับปรุงกระบวนการในการจัดซื้อและการซ่อมบำรุงของสถาบันการศึกษา โดยนำแนวคิดของ Workflow มาใช้ช่วยลดปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดจากการทำงานแบบ Manual ได้ เป็นการลดขั้นตอนการทำงาน ช่วยในการจัดเก็บข้อมูล และการประมวลผลออกรายงานที่จำเป็นภายในสถาบัน สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มีความถูกต้อง แม่นยำ สะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้นCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27856 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000598332 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2018-03 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000598472 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2018-03 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. การศึกษาพฤติกรรมการทำธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร / วิไลรัตน์ อารยะสมสกุล / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2018
Collection Title: SIU IS-T Title : การศึกษาพฤติกรรมการทำธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร Original title : A Study of the Behavioral Acceptability in Cashless Societies of Middle-aged Persons Material Type: printed text Authors: วิไลรัตน์ อารยะสมสกุล, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2018 Pagination: vii, 34 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 บาท General note: SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2018-05
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2018.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
[LCSH]ผู้สูงอายุKeywords: สังคมไร้เงินสด,
ธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์Abstract: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการทำธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทำให้ทราบถึงพฤติกรรมสำคัญที่มีผลต่อการทำธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ของวัยผู้ใหญ่ตอนต้นที่ทำงานในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร การวิจัยนี้ ผู้วิจัยเลือกใช้วิธีดำเนินการโดยการจัดทำแบบสอบถามที่มีเนื้อหาเพื่อศึกษาพฤติกรรมการทำธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยคือ วัยผู้ใหญ่ตอนต้น ได้แก่ นักศึกษา และวัยทำงาน ที่มีอายุระหว่าง 18 - 30 ปี จำนวน 100 คน ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยใช้เวลาในการเก็บข้อมูลเป็นระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2561 ถึง เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2561
จากการศึกษาในงานวิจัยนี้พบว่า พฤติกรรมการทำธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร มี 3 ตอน โดยแบ่งเป็นตอนที่ 1 ข้อมูลลักษณะทางประชากรศาสตร์ ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ตอนที่ 2 พฤติกรรมการทำธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ได้แก่ ช่องทาง ปริมาณการใช้งานช่องทางความถี่ ประเภท และเหตุผลในการทำธุรกรรมทางการเงิน และตอนที่ 3 เหตุผลการทำธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ซึ่งจากการศึกษาทั้ง 3 ตอน พบว่าพฤติกรรมดังกล่าวมีผลต่อการทำธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครCurricular : BALA/GE/MTEIL Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27858 SIU IS-T. การศึกษาพฤติกรรมการทำธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร = A Study of the Behavioral Acceptability in Cashless Societies of Middle-aged Persons [printed text] / วิไลรัตน์ อารยะสมสกุล, Author ; ปาลพล รอดลอยทุกข์, Associated Name ; วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2018 . - vii, 34 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00 บาท
SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2018-05
Independent Study [MAMIC.[Arts in Media Information and Communication]]. Shinawatra University, 2018.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
[LCSH]ผู้สูงอายุKeywords: สังคมไร้เงินสด,
ธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์Abstract: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการทำธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทำให้ทราบถึงพฤติกรรมสำคัญที่มีผลต่อการทำธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ของวัยผู้ใหญ่ตอนต้นที่ทำงานในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร การวิจัยนี้ ผู้วิจัยเลือกใช้วิธีดำเนินการโดยการจัดทำแบบสอบถามที่มีเนื้อหาเพื่อศึกษาพฤติกรรมการทำธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยคือ วัยผู้ใหญ่ตอนต้น ได้แก่ นักศึกษา และวัยทำงาน ที่มีอายุระหว่าง 18 - 30 ปี จำนวน 100 คน ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยใช้เวลาในการเก็บข้อมูลเป็นระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2561 ถึง เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2561
จากการศึกษาในงานวิจัยนี้พบว่า พฤติกรรมการทำธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร มี 3 ตอน โดยแบ่งเป็นตอนที่ 1 ข้อมูลลักษณะทางประชากรศาสตร์ ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ตอนที่ 2 พฤติกรรมการทำธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ได้แก่ ช่องทาง ปริมาณการใช้งานช่องทางความถี่ ประเภท และเหตุผลในการทำธุรกรรมทางการเงิน และตอนที่ 3 เหตุผลการทำธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ซึ่งจากการศึกษาทั้ง 3 ตอน พบว่าพฤติกรรมดังกล่าวมีผลต่อการทำธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครCurricular : BALA/GE/MTEIL Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27858 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000598357 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2018-05 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000598456 SIU IS-T: SOLA-MAMIC-2018-05 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) / สาธิดา แก้วขาว / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2019
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) Original title : Influencing Factors affecting decision making on Debit Card of Thai Airways International Employee Material Type: printed text Authors: สาธิดา แก้วขาว, Author ; พิมพ์พิศา สังข์สุวรรณ, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2019 Pagination: x, 82 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 บาท General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2019-01
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2019.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การตัดสินใจ
[LCSH]บัตรเดบิต
[LCSH]ส่วนประสมการตลาดKeywords: ส่วนประสมการตลาด 7P, การตัดสินใจ, บัตรเดบิต Abstract: การศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมการตลาดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) และเพื่อศึกษาพฤติกรรมการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ระเบียบวิธีวิจัยเป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ ใช้วิธีการศึกษาเชิงสำรวจ รวบรวมข้อมูลที่ได้รับจากแบบสอบถามใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบสะดวก กลุ่มตัวอย่าง คือ พนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 400 ตัวอย่าง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ผลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ การแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ทดสอบความแตกต่างโดยใช้สถิติแบบ t – test, F – Test,One-Way ANOVA และทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ วิธีการทดสอบ Least Significant Difference (LSD) test และทดสอบความสัมพันธ์ของสองตัวแปรโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน
ผลการศึกษาพบว่าลักษณะส่วนบุคคลเป็นเพศหญิง มากกว่า เพศชาย ส่วนใหญ่มี อายุ 31 – 40 ปี รองลงมา อายุ 41 – 50 ปี มีสถานภาพโสด มีระดับการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า รองลงมา ปริญญาโท รายได้เฉลี่ยต่อเดือน มากกว่า 50,000 บาท โดยกลุ่มพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญต่อปัจจัยส่วนประสมการตลาดบัตรเดบิตในระดับมาก โดยสูงสุดในด้านกระบวนการในการทำงาน รองลงมา ด้านพนักงาน ด้านสถานที่ ด้านกระบวนการทางกายภาพ และให้ความสำคัญในระดับมาก ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา และด้านการส่งเสริมการตลาด ตามลำดับ และให้ความสำคัญต่อขั้นตอนการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตในระดับมากที่สุด สูงสุดด้านการใช้บริการบัตรเดบิต รองลงมา ด้านปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้บัตรเดบิต ด้านขั้นตอนการตัดสินใจ และด้านเหตุผลการเลือกถือครองบัตรเดบิต ตามลำดับ และพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) มีการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตระดับมากโดยสูงสุดสถาบันการเงินได้มาตรฐานสากลของผลิตภัณฑ์และบริการและนำมาใช้ในกรณีฉุกเฉินได้ทันทีแม้ไม่มีเงินสดตามสถานที่ที่มีบริการรับบัตรเดบิต
ผลการทดสอบสมมติฐานงานวิจัยพบว่าปัจจัยลักษณะส่วนบุคคล ด้านการศึกษามีผลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิต แตกต่างกัน โดยกลุ่มพนักงานระดับการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่าจะมีการตัดสินใจใช้บัตรเดบิต ต่ำกว่า กลุ่มระดับการศึกษาปริญญาเอกและกลุ่มพนักงานระดับการศึกษาปริญญาโทจะมีการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตต่ำกว่ากลุ่มระดับการศึกษา ปริญญาเอก ปัจจัยส่วนประสมการตลาดบัตรเดบิต มีผลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิต โดยผลด้านพนักงานมีความสัมพันธ์สูงสุด รองลงมา ด้านกระบวนการในการทำงาน ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านสถานที่ ด้านกระบวนการทางกายภาพ ด้านผลิตภัณฑ์ และด้านราคา ตามลำดับ และปัจจัยที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนการตัดสินใจมีผลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานการบินไทย โดยด้านเหตุผลการเลือกถือครองบัตรเดบิตมีอิทธิพลสูงสุด รองลงมา ด้านขั้นตอนการตัดสินใจ ด้านปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้บัตรเดบิต และด้านการใช้บริการบัตรเดบิต ตามลำดับCurricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27990 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) = Influencing Factors affecting decision making on Debit Card of Thai Airways International Employee [printed text] / สาธิดา แก้วขาว, Author ; พิมพ์พิศา สังข์สุวรรณ, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2019 . - x, 82 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00 บาท
SIU IS-T: SOM-MBA-2019-01
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2019.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การตัดสินใจ
[LCSH]บัตรเดบิต
[LCSH]ส่วนประสมการตลาดKeywords: ส่วนประสมการตลาด 7P, การตัดสินใจ, บัตรเดบิต Abstract: การศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมการตลาดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) และเพื่อศึกษาพฤติกรรมการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ระเบียบวิธีวิจัยเป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ ใช้วิธีการศึกษาเชิงสำรวจ รวบรวมข้อมูลที่ได้รับจากแบบสอบถามใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบสะดวก กลุ่มตัวอย่าง คือ พนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 400 ตัวอย่าง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ผลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ การแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ทดสอบความแตกต่างโดยใช้สถิติแบบ t – test, F – Test,One-Way ANOVA และทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ วิธีการทดสอบ Least Significant Difference (LSD) test และทดสอบความสัมพันธ์ของสองตัวแปรโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน
ผลการศึกษาพบว่าลักษณะส่วนบุคคลเป็นเพศหญิง มากกว่า เพศชาย ส่วนใหญ่มี อายุ 31 – 40 ปี รองลงมา อายุ 41 – 50 ปี มีสถานภาพโสด มีระดับการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า รองลงมา ปริญญาโท รายได้เฉลี่ยต่อเดือน มากกว่า 50,000 บาท โดยกลุ่มพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญต่อปัจจัยส่วนประสมการตลาดบัตรเดบิตในระดับมาก โดยสูงสุดในด้านกระบวนการในการทำงาน รองลงมา ด้านพนักงาน ด้านสถานที่ ด้านกระบวนการทางกายภาพ และให้ความสำคัญในระดับมาก ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา และด้านการส่งเสริมการตลาด ตามลำดับ และให้ความสำคัญต่อขั้นตอนการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตในระดับมากที่สุด สูงสุดด้านการใช้บริการบัตรเดบิต รองลงมา ด้านปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้บัตรเดบิต ด้านขั้นตอนการตัดสินใจ และด้านเหตุผลการเลือกถือครองบัตรเดบิต ตามลำดับ และพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) มีการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตระดับมากโดยสูงสุดสถาบันการเงินได้มาตรฐานสากลของผลิตภัณฑ์และบริการและนำมาใช้ในกรณีฉุกเฉินได้ทันทีแม้ไม่มีเงินสดตามสถานที่ที่มีบริการรับบัตรเดบิต
ผลการทดสอบสมมติฐานงานวิจัยพบว่าปัจจัยลักษณะส่วนบุคคล ด้านการศึกษามีผลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิต แตกต่างกัน โดยกลุ่มพนักงานระดับการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่าจะมีการตัดสินใจใช้บัตรเดบิต ต่ำกว่า กลุ่มระดับการศึกษาปริญญาเอกและกลุ่มพนักงานระดับการศึกษาปริญญาโทจะมีการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตต่ำกว่ากลุ่มระดับการศึกษา ปริญญาเอก ปัจจัยส่วนประสมการตลาดบัตรเดบิต มีผลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิต โดยผลด้านพนักงานมีความสัมพันธ์สูงสุด รองลงมา ด้านกระบวนการในการทำงาน ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านสถานที่ ด้านกระบวนการทางกายภาพ ด้านผลิตภัณฑ์ และด้านราคา ตามลำดับ และปัจจัยที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนการตัดสินใจมีผลต่อการตัดสินใจใช้บัตรเดบิตของพนักงานการบินไทย โดยด้านเหตุผลการเลือกถือครองบัตรเดบิตมีอิทธิพลสูงสุด รองลงมา ด้านขั้นตอนการตัดสินใจ ด้านปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้บัตรเดบิต และด้านการใช้บริการบัตรเดบิต ตามลำดับCurricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27990 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000607449 SIU IS-T: SOM-MBA-2019-01 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000607468 SIU IS-T: SOM-MBA-2019-01 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทอง มวยไทยยิม / ปริชาติ มูลสวัสดิ์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2019
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทอง มวยไทยยิม Original title : Influencing Factors affecting Customer Decision Toward Jaroenthong Muay Thai Gym Material Type: printed text Authors: ปริชาติ มูลสวัสดิ์, Author ; มณฑิรา ชุนลิ้ม, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2019 Pagination: ix, 75 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 บาท General note: SIU IS-T: SOM-MBA-2019-02
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2019.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]พฤติกรรมผู้บริโภค
[LCSH]มวยไทย
[LCSH]สถานกายบริหาร
[LCSH]ส่วนประสมการตลาดKeywords: ส่วนประสมทางการตลาด, พฤติกรรมผู้บริโภค, การตัดสินใจ, สถานออกกำลังกายมวยไทยยิม Abstract: การศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยทางด้านลักษณะทางประชากรศาสตร์ ที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม 2) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม และ 3) เพื่อศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม ระเบียบวิธีวิจัยเป็นงานวิจัยเชิงปริมาณใช้วิธีการศึกษาเชิงสำรวจรวบรวมข้อมูลที่ได้รับจากแบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม จำนวน 200 ตัวอย่าง ทดสอบความน่าเชื่อถือของเครื่องมือ ตามแนวคิดของครอนบัค (Cronbach Alpha Formula) จำนวน 30 ตัวอย่าง ได้ผลทดสอบความน่าเชื่อถือเครื่องมือที่ 0.95 และผลทดสอบค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างเนื้อหา (IOC) มีเท่ากับ 0.972 สถิติในการวิเคราะห์ผลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ การแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณทดสอบความแตกต่างโดยใช้สถิติแบบ T – test , F – Test และทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่วิธีการทดสอบ Least Significant Difference test และทดสอบความสัมพันธ์ใช้สถิติทดสอบแบบ Pearson's Correlation Coefficient ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 ประมวลผลข้อมูลจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปทางสถิติ
ผลวิจัยข้อมูลลักษณะส่วนบุคคล เป็นเพศหญิงมากกว่า เพศชาย ส่วนใหญ่ อายุ 36 – 40 ปี รองลงมา อายุ 20 – 25 ปี มีระดับการศึกษาปริญญาตรี รองลงมา สูงกว่าปริญญาตรี มีสถานภาพโสด รายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 25,000 บาท รองลงมา 25,000 - 35,000 บาท มีความถี่ในการใช้บริการสถานออกกำลังกาย จำนวน 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ มากสุด รองลงมา จำนวน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ วันที่ใช้บริการเป็นวันหยุดจากการทำงานมากกว่าวันทำงาน โดยมีช่วงเวลาที่ใช้บริการ เวลา 16.01 - 20.00 น. รองลงมา เวลา 09.00 - 12.00 น. โดยส่วนใหญ่ไม่มีครูฝึกสอนส่วนตัว (Personal Trainer) มากกว่ามีครูฝึกสอนส่วนตัว ปัจจัยส่วนประสมการตลาดสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิมมีความสำคัญในระดับมากที่สุด โดยสูงสุดด้านบุคคล รองลงมา ด้านการนำเสนอลักษณะทางกายภาพ ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ด้านกระบวนการ ด้านราคา และให้ความสำคัญในระดับมาก ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์ และด้านการส่งเสริมการตลาด ตามลำดับ
จากผลวิจัยปัจจัยพฤติกรรมผู้บริโภคในการใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม มีความสำคัญในระดับมาก โดยสูงสุดในด้านสังคม รองลงมา ด้านจิตวิทยา และด้านกลุ่มอ้างอิง ตามลำดับ ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่าปัจจัยลักษณะส่วนบุคคล ด้านอายุมีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม แตกต่างกัน และปัจจัยส่วนประสมการตลาดบริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิมมีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม โดยด้านบุคคล มีความสัมพันธ์สูงสุด รองลงมา ด้านกระบวนการ ด้านการนำเสนอลักษณะทางกายภาพ ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านราคา ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย และด้านผลิตภัณฑ์ ตามลำดับ และปัจจัยพฤติกรรมผู้บริโภคในการใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิมมีความสัมพันธ์เชิงบวกในต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม โดย ด้านสังคมมีความสัมพันธ์สูงสุด รองลงมา ด้านจิตวิทยา และด้านกลุ่มอ้างอิง ตามลำดับ
Curricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27991 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทอง มวยไทยยิม = Influencing Factors affecting Customer Decision Toward Jaroenthong Muay Thai Gym [printed text] / ปริชาติ มูลสวัสดิ์, Author ; มณฑิรา ชุนลิ้ม, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2019 . - ix, 75 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00 บาท
SIU IS-T: SOM-MBA-2019-02
Independent Study. [MS[MBA]]--Shinawatra University, 2019.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]พฤติกรรมผู้บริโภค
[LCSH]มวยไทย
[LCSH]สถานกายบริหาร
[LCSH]ส่วนประสมการตลาดKeywords: ส่วนประสมทางการตลาด, พฤติกรรมผู้บริโภค, การตัดสินใจ, สถานออกกำลังกายมวยไทยยิม Abstract: การศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยทางด้านลักษณะทางประชากรศาสตร์ ที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม 2) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม และ 3) เพื่อศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม ระเบียบวิธีวิจัยเป็นงานวิจัยเชิงปริมาณใช้วิธีการศึกษาเชิงสำรวจรวบรวมข้อมูลที่ได้รับจากแบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม จำนวน 200 ตัวอย่าง ทดสอบความน่าเชื่อถือของเครื่องมือ ตามแนวคิดของครอนบัค (Cronbach Alpha Formula) จำนวน 30 ตัวอย่าง ได้ผลทดสอบความน่าเชื่อถือเครื่องมือที่ 0.95 และผลทดสอบค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างเนื้อหา (IOC) มีเท่ากับ 0.972 สถิติในการวิเคราะห์ผลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ การแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณทดสอบความแตกต่างโดยใช้สถิติแบบ T – test , F – Test และทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่วิธีการทดสอบ Least Significant Difference test และทดสอบความสัมพันธ์ใช้สถิติทดสอบแบบ Pearson's Correlation Coefficient ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 ประมวลผลข้อมูลจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปทางสถิติ
ผลวิจัยข้อมูลลักษณะส่วนบุคคล เป็นเพศหญิงมากกว่า เพศชาย ส่วนใหญ่ อายุ 36 – 40 ปี รองลงมา อายุ 20 – 25 ปี มีระดับการศึกษาปริญญาตรี รองลงมา สูงกว่าปริญญาตรี มีสถานภาพโสด รายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 25,000 บาท รองลงมา 25,000 - 35,000 บาท มีความถี่ในการใช้บริการสถานออกกำลังกาย จำนวน 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ มากสุด รองลงมา จำนวน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ วันที่ใช้บริการเป็นวันหยุดจากการทำงานมากกว่าวันทำงาน โดยมีช่วงเวลาที่ใช้บริการ เวลา 16.01 - 20.00 น. รองลงมา เวลา 09.00 - 12.00 น. โดยส่วนใหญ่ไม่มีครูฝึกสอนส่วนตัว (Personal Trainer) มากกว่ามีครูฝึกสอนส่วนตัว ปัจจัยส่วนประสมการตลาดสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิมมีความสำคัญในระดับมากที่สุด โดยสูงสุดด้านบุคคล รองลงมา ด้านการนำเสนอลักษณะทางกายภาพ ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ด้านกระบวนการ ด้านราคา และให้ความสำคัญในระดับมาก ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์ และด้านการส่งเสริมการตลาด ตามลำดับ
จากผลวิจัยปัจจัยพฤติกรรมผู้บริโภคในการใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม มีความสำคัญในระดับมาก โดยสูงสุดในด้านสังคม รองลงมา ด้านจิตวิทยา และด้านกลุ่มอ้างอิง ตามลำดับ ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่าปัจจัยลักษณะส่วนบุคคล ด้านอายุมีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม แตกต่างกัน และปัจจัยส่วนประสมการตลาดบริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิมมีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม โดยด้านบุคคล มีความสัมพันธ์สูงสุด รองลงมา ด้านกระบวนการ ด้านการนำเสนอลักษณะทางกายภาพ ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านราคา ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย และด้านผลิตภัณฑ์ ตามลำดับ และปัจจัยพฤติกรรมผู้บริโภคในการใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิมมีความสัมพันธ์เชิงบวกในต่อการตัดสินใจใช้บริการสถานออกกำลังกายเจริญทองมวยไทยยิม โดย ด้านสังคมมีความสัมพันธ์สูงสุด รองลงมา ด้านจิตวิทยา และด้านกลุ่มอ้างอิง ตามลำดับ
Curricular : BBA/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27991 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000607451 SIU IS-T: SOM-MBA-2019-02 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000607452 SIU IS-T: SOM-MBA-2019-02 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available