From this page you can:
Home |
Search results
3 result(s) search for keyword(s) 'กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน.ีระยะเวลากล้มเนื้อหัวใจขาดเลือด.ระยเวลาการให้ยาละลายลิ่มเลือด.รูปแบบการจัดบริการ.อัตราการเสียชีวิต.'
Add the result to your basket Refine your search Apply to external sources Make a suggestion
การประเมินผลการพัฒนารูปแบบการจัดบริการผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ชนิดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ST ยก ในสถานบริการสาธารณสุข จังหวัดสระบุรี / นพมาศ พงษ์ประจักษ์ in วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก, Vol.28 No.1 (ม.ค-มิ.ย) 2017 ([11/16/2017])
[article]
Title : การประเมินผลการพัฒนารูปแบบการจัดบริการผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ชนิดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ST ยก ในสถานบริการสาธารณสุข จังหวัดสระบุรี : ในสถานบริการสาธารณสุข จังหวัดสระบุรี Material Type: printed text Authors: นพมาศ พงษ์ประจักษ์, Author ; พิธา พรหมลิขิตชัย, Author ; ทิตยา ด้วงเงิน, Author Publication Date: 2017 Article on page: p.69-80 Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก > Vol.28 No.1 (ม.ค-มิ.ย) 2017 [11/16/2017] . - p.69-80Keywords: กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน.ีระยะเวลากล้มเนื้อหัวใจขาดเลือด.ระยเวลาการให้ยาละลายลิ่มเลือด.รูปแบบการจัดบริการ.อัตราการเสียชีวิต. Abstract: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาแบบการศึกษาย้อนหลังมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลการพัฒนารูปแบบการจัดบริการการดูแลผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันชนิดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ST ยก ในสถานบริการสาธารณสุข จังหวัดสระบุรี กลุ่มตัวอย่าง คือเวชระเบียนของผู้ป่วยกลุ่มโรคนี้ที่มารับบริการ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มก่อนการพัฒนารูปแบบ ระหว่าง 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ถึง 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558 จำนวน 146 ราย และกลุ่มหลังการพัฒนารูปแบบฯ ระหว่าง 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2559 จำนวน 176 ราย เก็บข้อมูลก่อนและหลังการพัฒนารูปแบบการจัดบริการได้แก่ ระยะเวลากล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Total Ischemic Time) ระยะเวลาการให้ยาละลายลิ่มเลือด (Door to Needle Time) และอัตราการเสียชีวิต วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าสถิติ t–test และ Chi- Square Test
ผลการศึกษา พบว่า การพัฒนารูปแบบจากการให้ยาละลายลิ่มเลือด นอกจากจะรักษาได้เฉพาะในรพ.ศูนย์ (รพศ.) และรพ.ทั่วไป (รพท.) แล้ว ยังให้ยาละลายลิ่มเลือดได้ทั้ง รพศ. รพท. และรพ.ชุมชน (รพช.) ได้ผลลัพธ์ดังนี้ 1) ระยะเวลากล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Total Ischemic Time) เฉลี่ย ลดลงจาก 225.11 นาที (SD = 143.65) เป็น 182.36 นาที (SD = 125.97) ซึ่งไม่แตกต่างจากระยะเวลาที่มีประสิทธิภาพการรักษาสูงสุดของการให้ยาละลายลิ่มเลือด(180 นาที) 2) ระยะเวลาการให้ยาละลายลิ่มเลือด (Door to Needle Time) เฉลี่ยของรพท.เพิ่มขึ้นจาก 37.36 นาที (SD = 19.66) เป็น 57.03 นาที (SD = 45.06) รพศ.เพิ่มขึ้นจาก 45.71 (SD = 31.69) นาที เป็น 60.41 นาที (SD = 41.10) และรพช.มีค่า 54.80 นาที (SD = 28.49) ซึ่งระยะหลังการพัฒนาในรพ.ทุกระดับมีค่าสูงกว่าค่ามาตรฐาน (30นาที) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 3) อัตราการเสียชีวิตเฉลี่ยระยะก่อนการพัฒนา ร้อยละ 23.97 ระยะหลังการพัฒนา ร้อยละ 15.91 ลดลง ร้อยละ 8.06 แต่ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันชนิดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ST ยก กับระยะเวลาตามรูปแบบการพัฒนาการให้ยาละลายลิ่มเลือด
ผลการศึกษานี้เสนอแนะว่าควรมีการพัฒนารูปแบบเชิงรุกและขยายรูปแบบในการดูแลจัดบริการการดูแลผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันชนิดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ST ยกในสถาบยริการอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง
Link for e-copy: http://www.thaicvtnurse.org/index.php?option=com Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27497 [article] การประเมินผลการพัฒนารูปแบบการจัดบริการผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ชนิดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ST ยก ในสถานบริการสาธารณสุข จังหวัดสระบุรี : ในสถานบริการสาธารณสุข จังหวัดสระบุรี [printed text] / นพมาศ พงษ์ประจักษ์, Author ; พิธา พรหมลิขิตชัย, Author ; ทิตยา ด้วงเงิน, Author . - 2017 . - p.69-80.
Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก > Vol.28 No.1 (ม.ค-มิ.ย) 2017 [11/16/2017] . - p.69-80Keywords: กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน.ีระยะเวลากล้มเนื้อหัวใจขาดเลือด.ระยเวลาการให้ยาละลายลิ่มเลือด.รูปแบบการจัดบริการ.อัตราการเสียชีวิต. Abstract: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาแบบการศึกษาย้อนหลังมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลการพัฒนารูปแบบการจัดบริการการดูแลผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันชนิดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ST ยก ในสถานบริการสาธารณสุข จังหวัดสระบุรี กลุ่มตัวอย่าง คือเวชระเบียนของผู้ป่วยกลุ่มโรคนี้ที่มารับบริการ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มก่อนการพัฒนารูปแบบ ระหว่าง 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ถึง 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558 จำนวน 146 ราย และกลุ่มหลังการพัฒนารูปแบบฯ ระหว่าง 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2559 จำนวน 176 ราย เก็บข้อมูลก่อนและหลังการพัฒนารูปแบบการจัดบริการได้แก่ ระยะเวลากล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Total Ischemic Time) ระยะเวลาการให้ยาละลายลิ่มเลือด (Door to Needle Time) และอัตราการเสียชีวิต วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าสถิติ t–test และ Chi- Square Test
ผลการศึกษา พบว่า การพัฒนารูปแบบจากการให้ยาละลายลิ่มเลือด นอกจากจะรักษาได้เฉพาะในรพ.ศูนย์ (รพศ.) และรพ.ทั่วไป (รพท.) แล้ว ยังให้ยาละลายลิ่มเลือดได้ทั้ง รพศ. รพท. และรพ.ชุมชน (รพช.) ได้ผลลัพธ์ดังนี้ 1) ระยะเวลากล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Total Ischemic Time) เฉลี่ย ลดลงจาก 225.11 นาที (SD = 143.65) เป็น 182.36 นาที (SD = 125.97) ซึ่งไม่แตกต่างจากระยะเวลาที่มีประสิทธิภาพการรักษาสูงสุดของการให้ยาละลายลิ่มเลือด(180 นาที) 2) ระยะเวลาการให้ยาละลายลิ่มเลือด (Door to Needle Time) เฉลี่ยของรพท.เพิ่มขึ้นจาก 37.36 นาที (SD = 19.66) เป็น 57.03 นาที (SD = 45.06) รพศ.เพิ่มขึ้นจาก 45.71 (SD = 31.69) นาที เป็น 60.41 นาที (SD = 41.10) และรพช.มีค่า 54.80 นาที (SD = 28.49) ซึ่งระยะหลังการพัฒนาในรพ.ทุกระดับมีค่าสูงกว่าค่ามาตรฐาน (30นาที) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 3) อัตราการเสียชีวิตเฉลี่ยระยะก่อนการพัฒนา ร้อยละ 23.97 ระยะหลังการพัฒนา ร้อยละ 15.91 ลดลง ร้อยละ 8.06 แต่ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันชนิดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ST ยก กับระยะเวลาตามรูปแบบการพัฒนาการให้ยาละลายลิ่มเลือด
ผลการศึกษานี้เสนอแนะว่าควรมีการพัฒนารูปแบบเชิงรุกและขยายรูปแบบในการดูแลจัดบริการการดูแลผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันชนิดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ST ยกในสถาบยริการอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง
Link for e-copy: http://www.thaicvtnurse.org/index.php?option=com Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27497 การศึกษาผลการใช้ใบสั่งยาพิมพ์ล่วงหน้าต่อการใช้ยาป้องกันทุติยภูมิในผู้ป่วยหลังเกิดโรคกล้ามเนิื้อหัวใจขาดเลือด / สุภาวลี วิริยะสม in วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก, Vol.26 No.1 (Jan-Jun) 2015 ([10/14/2015])
[article]
Title : การศึกษาผลการใช้ใบสั่งยาพิมพ์ล่วงหน้าต่อการใช้ยาป้องกันทุติยภูมิในผู้ป่วยหลังเกิดโรคกล้ามเนิื้อหัวใจขาดเลือด : เฉียบพลันชนิดที่มีคลื่นไฟฟ้าหัวใจส่วนเอสทีสูงขึ้น Original title : Effect of pre-printed order on to use of secondary prevention drug therapy in patients with post ST-elevation actue myocardial infraction Material Type: printed text Authors: สุภาวลี วิริยะสม, Author Publication Date: 2015 Article on page: pp.15-28 Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก > Vol.26 No.1 (Jan-Jun) 2015 [10/14/2015] . - pp.15-28Keywords: ใบสั่งยาพิมพ์ล่วงหน้า.การป้องกันการกลับเป็นซ้ำ.กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันที่มีคลื่นไฟฟ้าหัวใจส่วนเอสทีสูงขึ้น Abstract: การศ฿กษานี้เป็นการเปรียบเทียบผลการใช้ใบสั่งยาพิมพ์ล่วงหน้าในผู้ป่วย หลังเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลืิอดเฉียบพลันชนิดที่มีคลื่นไฟฟ้าหัวใจส่วน เอทีสูงขึ้น (post-STMEI) เพื่อศึกษาอัตราการสั่งใช้ยาป้องกันทุติยภูมิ 4 กลุ่ม ได้แก่ Antiplatelets (Aspirin และ/หรือ Clopidiogrel) Beta Blockers (ARBs)และ Statins และใช้ใบสั่งยาพิมพ์ล่วงหน้าให้สอดคล้องกับเกณฑ์ข้อบ่งชี้ของการใช้ยาป้องกันุทุติยภูมิตามแนวทางของวิทยาลัยแพทย์โรคหัวใจและสมาคมหัวใจสหรัฐอเมริกา (ACC/AHA) และวัดผลลัพธ์อัตราการกลับเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลภายใน 30 วัน ผลการศึกษา พบว่า อัตราการสั่งใช้ยาป้องกันทุติยภูมิ 4 กลุ่ม ทั้งทีึ่จุดสั่งยาผู้ป่วยกลับบ้าน และที่จุดติดตามผู้ป่วยที่กลับมาพบแพทย์ตามนัดหมายภายใน 21 วัน ในผู้ป่วยที่ใช้ใบสั่งยาพิมพ์ล่วงหน้าสูงขึ้นกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับใบสั่งยาล่วงหน้าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) แต่อัตราการสั่งใช้ Antiplatelets, Beta blockers และ Statins ที่จุดสั่งยากผู้ป่วยกลับบ้าน และที่จุดติดตามผู้ป่วยภายใน 21 วัน ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p>0.05) ส่วนอัตราการสั่งใช้ ACEls/ARBs เพิ่มขึ้นที่จุดสั่งยาผู้ป่วยกลับบ้าน และเพิ่มขึ้นที่จุดติดตามผู้ป่วยภายใน 21 วัน ซึ่งแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ส่วนอัตราการกลับเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลภายใน 30 วัน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดในการดูแลผู้ป่วย post-STEMI ในกลุ่มผู้ป่วยที่ใช้และไม่ใช้ใบสั่งยาพิมพ์ล่วงหน้ามีจำนวน 2 ราย และ 2 ราย ตามลำดับ ซึ่งไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P=0.44) ส่วนสาเหตุของการกลับเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลคือ ผู้ป่วยมีภาวะ Unstable angina และ heart failure ถึงแม้ผู้ป่วยจะได้รับยาป้องกันทุติยภูทิครบ 4 กลุ่ม แต่มีสาเหตุอื่นที่เกี่ยวข้องทำให้ผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลภายใน 30 วัน เช่น ตำแหน่งการเกิดกล้ามเนื้่อหัวใจขาดเลือดเป็นบริเวณกว้างในส่วน anterior wall หรือผู้ป่วยเคยมีภาวะ cardiogenic shock หรือภาวะหัวใจล้มเหลว การศึกษานี้ สามารถผลการวิจัยไปใช้ในการเพิ่มบทบาทของเภสัชกรในการส่งต่อเหตุการไม่สั่งใช้ยา Beta blockers และ ACEIs/ARBs เพื่อให้ผู้ป่วยโรคหัวใจได้รับการรักษาและดูแลอย่างต่อเนื่อง
Link for e-copy: http://www.thaicvtnurse.org/index.php?option=com Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=24996 [article] การศึกษาผลการใช้ใบสั่งยาพิมพ์ล่วงหน้าต่อการใช้ยาป้องกันทุติยภูมิในผู้ป่วยหลังเกิดโรคกล้ามเนิื้อหัวใจขาดเลือด = Effect of pre-printed order on to use of secondary prevention drug therapy in patients with post ST-elevation actue myocardial infraction : เฉียบพลันชนิดที่มีคลื่นไฟฟ้าหัวใจส่วนเอสทีสูงขึ้น [printed text] / สุภาวลี วิริยะสม, Author . - 2015 . - pp.15-28.
Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก > Vol.26 No.1 (Jan-Jun) 2015 [10/14/2015] . - pp.15-28Keywords: ใบสั่งยาพิมพ์ล่วงหน้า.การป้องกันการกลับเป็นซ้ำ.กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันที่มีคลื่นไฟฟ้าหัวใจส่วนเอสทีสูงขึ้น Abstract: การศ฿กษานี้เป็นการเปรียบเทียบผลการใช้ใบสั่งยาพิมพ์ล่วงหน้าในผู้ป่วย หลังเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลืิอดเฉียบพลันชนิดที่มีคลื่นไฟฟ้าหัวใจส่วน เอทีสูงขึ้น (post-STMEI) เพื่อศึกษาอัตราการสั่งใช้ยาป้องกันทุติยภูมิ 4 กลุ่ม ได้แก่ Antiplatelets (Aspirin และ/หรือ Clopidiogrel) Beta Blockers (ARBs)และ Statins และใช้ใบสั่งยาพิมพ์ล่วงหน้าให้สอดคล้องกับเกณฑ์ข้อบ่งชี้ของการใช้ยาป้องกันุทุติยภูมิตามแนวทางของวิทยาลัยแพทย์โรคหัวใจและสมาคมหัวใจสหรัฐอเมริกา (ACC/AHA) และวัดผลลัพธ์อัตราการกลับเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลภายใน 30 วัน ผลการศึกษา พบว่า อัตราการสั่งใช้ยาป้องกันทุติยภูมิ 4 กลุ่ม ทั้งทีึ่จุดสั่งยาผู้ป่วยกลับบ้าน และที่จุดติดตามผู้ป่วยที่กลับมาพบแพทย์ตามนัดหมายภายใน 21 วัน ในผู้ป่วยที่ใช้ใบสั่งยาพิมพ์ล่วงหน้าสูงขึ้นกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับใบสั่งยาล่วงหน้าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) แต่อัตราการสั่งใช้ Antiplatelets, Beta blockers และ Statins ที่จุดสั่งยากผู้ป่วยกลับบ้าน และที่จุดติดตามผู้ป่วยภายใน 21 วัน ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p>0.05) ส่วนอัตราการสั่งใช้ ACEls/ARBs เพิ่มขึ้นที่จุดสั่งยาผู้ป่วยกลับบ้าน และเพิ่มขึ้นที่จุดติดตามผู้ป่วยภายใน 21 วัน ซึ่งแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ส่วนอัตราการกลับเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลภายใน 30 วัน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดในการดูแลผู้ป่วย post-STEMI ในกลุ่มผู้ป่วยที่ใช้และไม่ใช้ใบสั่งยาพิมพ์ล่วงหน้ามีจำนวน 2 ราย และ 2 ราย ตามลำดับ ซึ่งไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P=0.44) ส่วนสาเหตุของการกลับเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลคือ ผู้ป่วยมีภาวะ Unstable angina และ heart failure ถึงแม้ผู้ป่วยจะได้รับยาป้องกันทุติยภูทิครบ 4 กลุ่ม แต่มีสาเหตุอื่นที่เกี่ยวข้องทำให้ผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลภายใน 30 วัน เช่น ตำแหน่งการเกิดกล้ามเนื้่อหัวใจขาดเลือดเป็นบริเวณกว้างในส่วน anterior wall หรือผู้ป่วยเคยมีภาวะ cardiogenic shock หรือภาวะหัวใจล้มเหลว การศึกษานี้ สามารถผลการวิจัยไปใช้ในการเพิ่มบทบาทของเภสัชกรในการส่งต่อเหตุการไม่สั่งใช้ยา Beta blockers และ ACEIs/ARBs เพื่อให้ผู้ป่วยโรคหัวใจได้รับการรักษาและดูแลอย่างต่อเนื่อง
Link for e-copy: http://www.thaicvtnurse.org/index.php?option=com Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=24996 รูปแบบการจัดบริการการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ตำบลวังตะกู จังหวัดนครปฐม / มาลีวัล เลิศสาครศิริ in วารสารเกื้อการุณย์, Vol.24 No.1 (Jan-Jun) 2017/60 ([07/25/2017])
[article]
Title : รูปแบบการจัดบริการการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ตำบลวังตะกู จังหวัดนครปฐม Original title : Health Care Service Model for Elderly by Community Participation, Wangtagoo Subdistrict, Nakhon Pathom Province Material Type: printed text Authors: มาลีวัล เลิศสาครศิริ, Author ; กุหลาบ รัตนสัจธรรม, Author ; พิศมัย เสรีขจรกิจเจริญ, Author ; ชัยนันท์ เหมือนเพ็ชร์, Author Publication Date: 2017 Article on page: p.28-41 Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารเกื้อการุณย์ > Vol.24 No.1 (Jan-Jun) 2017/60 [07/25/2017] . - p.28-41Keywords: รูปแบบการจัดบริการ.รูปแบบการจัดบริการการดูแลสุขภาพ.ผู้สูงอายุ.การมีส่วนร่วมของชุมชน Abstract: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วม (participatory action research)
มีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนารูปแบบการจัดบริการการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของ
ชุมชนตำบลวังตะกู จังหวัดนครปฐม กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย ผู้สูงอายุและญาติ จำนวน
30 คน ทีมสุขภาพและตัวแทนจากองค์กรในชุมชน จำนวน 15 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แนวคำถามการสัมภาษณ์เชิงลึก การสนทนากลุ่มและการประชุมแบบมีส่วนร่วม 2) แบบสอบถามประเมินความพึงพอใจของผู้สูงอายุต่อรูปแบบการจัดบริการการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุฯ พัฒนารูปแบบรูปแบบการจัดบริการการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ระหว่างเดือนตุลาคม-กันยายน พ.ศ. 2557
ผลการวิจัย พบว่า
1. ปัญหาการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ คือ ขาดความรู้ในการรับประทานยา มีความเชื่อ
ในการใช้ยาไม่ถูกต้อง ญาติผู้ดูแลขาดความรู้ในการประกอบอาหารให้กับผู้สูงอายุ และผู้สูงอายุ
ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้สะดวกเนื่องจากไม่มีญาติพาไป
2. ความต้องการได้รับการบริการสุขภาพของผู้สูงอายุ คือ การมีบริการการตรวจรักษาที่บ้าน
การมีผู้ช่วยเหลือพาเข้าห้องน้ำ พาเดินไปตรวจที่โรงพยาบาล การได้รับความรู้เรื่องผลข้างเคียง
ของยา การออกกำลังกาย การให้มีแพทย์ประจำมารักษาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
และการมีองค์กรบริหารส่วนตำบลวังตะกูมาเยี่ยมผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพาผู้อื่นและ
ให้มีพระมาโปรดที่บ้าน
3. รูปแบบการจัดบริการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ตำบลวังตะกู
จังหวัดนครปฐมประกอบด้วยกิจกรรม ดังนี้ 1) การสร้างการเข้าถึงบริการโดยการจัดทำ
สติกเกอร์เบอร์โทรศัพท์ที่สำคัญ แจกให้กับผู้สูงอายุ 2) การเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุโุดยการมีส่วนร่วมขององค์ในชุมชน 3) ให้ความร้กกับผ้สูงอายุในเรื่องการใช้ยา การออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร และ
4) การดูแลผู้สูงอายุในขณะมารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยชมรมผู้สูงอายุได้จัดจิตอาสามาช่วยดูแลผู้สูงอายุระหว่างมารับการรักษาที่โรงพยาบาล ผลการประเมิน พบว่า ผู้สูงอายุมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดบริการLink for e-copy: http://www.kcn.ac.th/KCN-Journal/no1-2556.html Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27057 [article] รูปแบบการจัดบริการการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ตำบลวังตะกู จังหวัดนครปฐม = Health Care Service Model for Elderly by Community Participation, Wangtagoo Subdistrict, Nakhon Pathom Province [printed text] / มาลีวัล เลิศสาครศิริ, Author ; กุหลาบ รัตนสัจธรรม, Author ; พิศมัย เสรีขจรกิจเจริญ, Author ; ชัยนันท์ เหมือนเพ็ชร์, Author . - 2017 . - p.28-41.
Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารเกื้อการุณย์ > Vol.24 No.1 (Jan-Jun) 2017/60 [07/25/2017] . - p.28-41Keywords: รูปแบบการจัดบริการ.รูปแบบการจัดบริการการดูแลสุขภาพ.ผู้สูงอายุ.การมีส่วนร่วมของชุมชน Abstract: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วม (participatory action research)
มีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนารูปแบบการจัดบริการการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของ
ชุมชนตำบลวังตะกู จังหวัดนครปฐม กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย ผู้สูงอายุและญาติ จำนวน
30 คน ทีมสุขภาพและตัวแทนจากองค์กรในชุมชน จำนวน 15 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แนวคำถามการสัมภาษณ์เชิงลึก การสนทนากลุ่มและการประชุมแบบมีส่วนร่วม 2) แบบสอบถามประเมินความพึงพอใจของผู้สูงอายุต่อรูปแบบการจัดบริการการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุฯ พัฒนารูปแบบรูปแบบการจัดบริการการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ระหว่างเดือนตุลาคม-กันยายน พ.ศ. 2557
ผลการวิจัย พบว่า
1. ปัญหาการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ คือ ขาดความรู้ในการรับประทานยา มีความเชื่อ
ในการใช้ยาไม่ถูกต้อง ญาติผู้ดูแลขาดความรู้ในการประกอบอาหารให้กับผู้สูงอายุ และผู้สูงอายุ
ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้สะดวกเนื่องจากไม่มีญาติพาไป
2. ความต้องการได้รับการบริการสุขภาพของผู้สูงอายุ คือ การมีบริการการตรวจรักษาที่บ้าน
การมีผู้ช่วยเหลือพาเข้าห้องน้ำ พาเดินไปตรวจที่โรงพยาบาล การได้รับความรู้เรื่องผลข้างเคียง
ของยา การออกกำลังกาย การให้มีแพทย์ประจำมารักษาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
และการมีองค์กรบริหารส่วนตำบลวังตะกูมาเยี่ยมผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพาผู้อื่นและ
ให้มีพระมาโปรดที่บ้าน
3. รูปแบบการจัดบริการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ตำบลวังตะกู
จังหวัดนครปฐมประกอบด้วยกิจกรรม ดังนี้ 1) การสร้างการเข้าถึงบริการโดยการจัดทำ
สติกเกอร์เบอร์โทรศัพท์ที่สำคัญ แจกให้กับผู้สูงอายุ 2) การเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุโุดยการมีส่วนร่วมขององค์ในชุมชน 3) ให้ความร้กกับผ้สูงอายุในเรื่องการใช้ยา การออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร และ
4) การดูแลผู้สูงอายุในขณะมารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยชมรมผู้สูงอายุได้จัดจิตอาสามาช่วยดูแลผู้สูงอายุระหว่างมารับการรักษาที่โรงพยาบาล ผลการประเมิน พบว่า ผู้สูงอายุมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดบริการLink for e-copy: http://www.kcn.ac.th/KCN-Journal/no1-2556.html Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27057