From this page you can:
Home |
Author details
Author วรเดช จันทรศร
Available item(s) by this author
Add the result to your basket Make a suggestion Refine your search Apply to external sourcesSIU IS-T. การมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นของประชาชน กรณีศึกษา องค์การบริหารส่วนตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง / ปราโมทย์ ฉันทมิตร์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2014
Collection Title: SIU IS-T Title : การมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นของประชาชน กรณีศึกษา องค์การบริหารส่วนตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง Original title : Citizen Participation in Local Development: Case Study of Nong Lalok Subdistrict, Ban Khai District, Rayong Province Material Type: printed text Authors: ปราโมทย์ ฉันทมิตร์, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2014 Pagination: vii, 61 หน้า Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-04
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]Community development -- Case studies
[LCSH]Participation
[LCSH]การพัฒนาชุมชน
[LCSH]การมีส่วนร่วมKeywords: การมีส่วนร่วม
การพัฒนาท้องถิ่น
ประชาชน
องค์การบริหารส่วนตำบลAbstract: การศึกษาค้นคว้าอิสระเรื่อง การมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นของประชาชน: ศึกษากรณีองค์การบริหารส่วนตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นของประชาชนในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง และเพื่อหาความสัมพันธ์ต่อการมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นของประชาชนในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลหนองละลอก Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26079 SIU IS-T. การมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นของประชาชน กรณีศึกษา องค์การบริหารส่วนตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง = Citizen Participation in Local Development: Case Study of Nong Lalok Subdistrict, Ban Khai District, Rayong Province [printed text] / ปราโมทย์ ฉันทมิตร์, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014 . - vii, 61 หน้า : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-04
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]Community development -- Case studies
[LCSH]Participation
[LCSH]การพัฒนาชุมชน
[LCSH]การมีส่วนร่วมKeywords: การมีส่วนร่วม
การพัฒนาท้องถิ่น
ประชาชน
องค์การบริหารส่วนตำบลAbstract: การศึกษาค้นคว้าอิสระเรื่อง การมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นของประชาชน: ศึกษากรณีองค์การบริหารส่วนตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นของประชาชนในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง และเพื่อหาความสัมพันธ์ต่อการมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นของประชาชนในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลหนองละลอก Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26079 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000506939 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-04 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000507010 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-04 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available 32002000590578 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-04 c.3 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. การศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการป้องกันภัยแล้ง ในเขตพื้นที่ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง / สมบัติ คชสร / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2014
Collection Title: SIU IS-T Title : การศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการป้องกันภัยแล้ง ในเขตพื้นที่ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง Original title : A Study of the Challenges and Barriers to Drought Preventive Action in Nong Bua Subdistrict, Ban Khai District, Rayong Province Material Type: printed text Authors: สมบัติ คชสร, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2014 Pagination: ix, 100 หน้า Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-23
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ภัยแล้ง -- การดำเนินการป้องกัน
[LCSH]ภัยแล้ง -- ระยอง -- หนองบัวKeywords: การดำเนินการป้องกันภัยแล้ง Abstract: รายงานการวิจัยเรื่องการศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการป้องกันภัยแล้ง ในเขตพื้นที่ตำบลหนองบัว การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการป้องกันภัยแล้ง ในเขตพื้นที่ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง 2) เพื่อศึกษาความเพียงพอเหมาะสมของการดำเนินการป้องกันภัยแล้ง ในเขตพื้นที่ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง 3) เพื่อศึกษาความ พึงพอใจของประชาชนในการดำเนินการป้องกันภัยแล้ง ในเขตพื้นที่ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26104 SIU IS-T. การศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการป้องกันภัยแล้ง ในเขตพื้นที่ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง = A Study of the Challenges and Barriers to Drought Preventive Action in Nong Bua Subdistrict, Ban Khai District, Rayong Province [printed text] / สมบัติ คชสร, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014 . - ix, 100 หน้า : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-23
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ภัยแล้ง -- การดำเนินการป้องกัน
[LCSH]ภัยแล้ง -- ระยอง -- หนองบัวKeywords: การดำเนินการป้องกันภัยแล้ง Abstract: รายงานการวิจัยเรื่องการศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการป้องกันภัยแล้ง ในเขตพื้นที่ตำบลหนองบัว การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการป้องกันภัยแล้ง ในเขตพื้นที่ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง 2) เพื่อศึกษาความเพียงพอเหมาะสมของการดำเนินการป้องกันภัยแล้ง ในเขตพื้นที่ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง 3) เพื่อศึกษาความ พึงพอใจของประชาชนในการดำเนินการป้องกันภัยแล้ง ในเขตพื้นที่ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26104 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000590214 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-23 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available 32002000590248 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-23 c.2 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available 32002000590594 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-23 c.3 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. การศึกษาสภาพปัญหาหนี้สินของเกษตรกรในเขตตำบลหนองไร่ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง / ศิริพงษ์ ธนกรชัยมงคล / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2014
Collection Title: SIU IS-T Title : การศึกษาสภาพปัญหาหนี้สินของเกษตรกรในเขตตำบลหนองไร่ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง Original title : A Study of the Problem of Farmers in Nong Rai Puakdaeng District Rayong Material Type: printed text Authors: ศิริพงษ์ ธนกรชัยมงคล, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2014 Pagination: vii, 39 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-32
Independent Study [MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]หนี้สิน
[LCSH]เกษตรกรKeywords: ปัญหาหนี้สินเกษตรกร Abstract: การศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัญหาหนี้สินของเกษตรกร ในเขตตำบลหนองไร่ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระระยอง ประชากรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ได้แก่ เกษตรกรในตำบลหนองไร่ จำนวน 106 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามแบบพรรณนาและแบบมาตรส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า
1) สภาพโดยทั่วไปของปัญหาหนี้สินของเกษตรกร ในเขตตำบลหนองไร่ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง โดยรวม มีปัญหาอยู่ในระดับมาก เรียงลำดับค่าเฉลี่ยดังนี้ ด้านการมีค่าใช้จ่ายด้านอุปโภคบริโภคสูงสุด รองลงมาคือ ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา การมีสมาชิกในครัวเรือนอยู่ในวัยพึ่งพิงมาก ค่าอำนวยความสะดวกและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้ ตามลำดับ
2) ปัญหาหนี้สินของเกษตรกร ในเขตตำบลหนองไร่ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง โดยรวม พบว่า เกิดจากด้านรายได้มีความสำคัญมากที่สุดโดยเฉพาะเรื่องรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ปัญหาที่เห็นว่าสำคัญรองลงมา คือ ด้านบริการ และสิ่งที่สำคัญที่สุดในด้านนี้คือ ระยะเวลาในการผ่อนชำระหนี้ เพราะต้องตระหนักถึงความสามารถในการจ่ายคืนและรองลงมาปัญหาด้านค่าใช้จ่าย โดยเห็นว่าการมีค่าใช้จ่ายในด้านการอุปโภคบริโภคสูงมีความสำคัญมากต่อการก่อหนี้สิน เพราะว่าปัจจุบันเงินถือว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ และสุดท้ายปัญหาด้านความช่วยเหลือมีความสำคัญระดับปานกลาง เพราะเกษตรกรได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ น้อยCurricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27272 SIU IS-T. การศึกษาสภาพปัญหาหนี้สินของเกษตรกรในเขตตำบลหนองไร่ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง = A Study of the Problem of Farmers in Nong Rai Puakdaeng District Rayong [printed text] / ศิริพงษ์ ธนกรชัยมงคล, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014 . - vii, 39 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-32
Independent Study [MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]หนี้สิน
[LCSH]เกษตรกรKeywords: ปัญหาหนี้สินเกษตรกร Abstract: การศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัญหาหนี้สินของเกษตรกร ในเขตตำบลหนองไร่ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระระยอง ประชากรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ได้แก่ เกษตรกรในตำบลหนองไร่ จำนวน 106 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามแบบพรรณนาและแบบมาตรส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า
1) สภาพโดยทั่วไปของปัญหาหนี้สินของเกษตรกร ในเขตตำบลหนองไร่ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง โดยรวม มีปัญหาอยู่ในระดับมาก เรียงลำดับค่าเฉลี่ยดังนี้ ด้านการมีค่าใช้จ่ายด้านอุปโภคบริโภคสูงสุด รองลงมาคือ ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา การมีสมาชิกในครัวเรือนอยู่ในวัยพึ่งพิงมาก ค่าอำนวยความสะดวกและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้ ตามลำดับ
2) ปัญหาหนี้สินของเกษตรกร ในเขตตำบลหนองไร่ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง โดยรวม พบว่า เกิดจากด้านรายได้มีความสำคัญมากที่สุดโดยเฉพาะเรื่องรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ปัญหาที่เห็นว่าสำคัญรองลงมา คือ ด้านบริการ และสิ่งที่สำคัญที่สุดในด้านนี้คือ ระยะเวลาในการผ่อนชำระหนี้ เพราะต้องตระหนักถึงความสามารถในการจ่ายคืนและรองลงมาปัญหาด้านค่าใช้จ่าย โดยเห็นว่าการมีค่าใช้จ่ายในด้านการอุปโภคบริโภคสูงมีความสำคัญมากต่อการก่อหนี้สิน เพราะว่าปัจจุบันเงินถือว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ และสุดท้ายปัญหาด้านความช่วยเหลือมีความสำคัญระดับปานกลาง เพราะเกษตรกรได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ น้อยCurricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27272 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000594976 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-32 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000594984 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-32 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. การศึกษาเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของชุมชนในการป้องกันและแก้ไข ปัญหายาเสพติดเทศบาลธาตุทอง อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี / กำพล ถนอมศักดิ์ดำรง / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2014
Collection Title: SIU IS-T Title : การศึกษาเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของชุมชนในการป้องกันและแก้ไข ปัญหายาเสพติดเทศบาลธาตุทอง อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี Original title : A Comparative Study of Community Participation in Preventing and Solving the Narcotics Problem in Thad Tong Municipal District, Bo Thong District, Chon Buri Province Material Type: printed text Authors: กำพล ถนอมศักดิ์ดำรง, Author ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2014 Pagination: vii, 95 หน้า Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-25
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]Narcotics, Control of -- Thailand -- Chon Buri -- Thad Tong
[LCSH]Participation
[LCSH]ชุมชน -- การมีส่วนร่วม
[LCSH]ยาเสพติด -- การป้องกันและการแก้ปัญหาKeywords: การเปรียบเทียบ
การมีส่วนร่วม
การป้องกันและแก้ไขปัญหา
ยาเสพติด
จังหวัดชลบุรีAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของชุมชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพย์ติด Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26106 SIU IS-T. การศึกษาเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของชุมชนในการป้องกันและแก้ไข ปัญหายาเสพติดเทศบาลธาตุทอง อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี = A Comparative Study of Community Participation in Preventing and Solving the Narcotics Problem in Thad Tong Municipal District, Bo Thong District, Chon Buri Province [printed text] / กำพล ถนอมศักดิ์ดำรง, Author ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014 . - vii, 95 หน้า : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-25
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]Narcotics, Control of -- Thailand -- Chon Buri -- Thad Tong
[LCSH]Participation
[LCSH]ชุมชน -- การมีส่วนร่วม
[LCSH]ยาเสพติด -- การป้องกันและการแก้ปัญหาKeywords: การเปรียบเทียบ
การมีส่วนร่วม
การป้องกันและแก้ไขปัญหา
ยาเสพติด
จังหวัดชลบุรีAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของชุมชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพย์ติด Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26106 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000590289 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-25 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000590255 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-25 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available 32002000590628 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-25 c.3 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available 32002000591477 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-25 c.4 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU THE-T. การส่งออกยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์เข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรีย: ปัญหา อุปสรรค และบทเรียน / ถนัญรัชฏ์ แสนสุข / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU THE-T Title : การส่งออกยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์เข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรีย: ปัญหา อุปสรรค และบทเรียน Original title : Exporting Thai Tip Herbal Toothpaste to the Nigerian Market: Challenges, Barriers and Lessons Learned Material Type: printed text Authors: ถนัญรัชฏ์ แสนสุข, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: xii, 313 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU THE-T: SOM-DBA-2016-02
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2559Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ยาสีฟัน -- การส่งออก
[LCSH]ยาสีฟัน -- ไนจีเรีย -- การตลาดKeywords: ประสบการณ์การส่งออก,
บทเรียนการบริหารจัดการธุรกิจ,
ยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์Abstract: การส่งออกสินค้าไทยไปสู่ตลาดต่างประเทศนับวันยิ่งทวีการแข่งขันขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าใหม่จำเป็นต้องใช้ศาสตร์ทางการบริหารให้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ รวมทั้งต้องพึ่งพาการกำกับดูแลในขั้นตอนการแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติอย่างเข้มงวด จึงจะทำให้การส่งออกประสบความสำเร็จได้ งานวิจัยนี้จึงมีคณูปการกับประเทศไทยโดยตรงต่อภาคการส่งออก เพราะเป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่เคยมีการศึกษากระบวนการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรียมาก่อน รวมทั้งไม่มีกรณีศึกษาการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดต่างประเทศมาเทียบเคียงโดยมีวัตถุประสงค์ 1) ถอดบทเรียนการส่งออกยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์เข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรีย 2) วิเคระห์กระบวนการส่งออกยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์เข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรีย 3) ศึกษาปัญหา อุปสรรค ผ่านบทเรียนการส่งออกยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์เข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรีย 4) เสนอแนะแนวทางการทำธุรกิจเข้าสู่ตลาดทวีปแอฟริกาด้านตะวันตกโดยเฉพาะประเทศไนจีเรีย ผู้เกี่ยวข้องกับการส่งออก ได้แก่ องค์กรเอกชน 5 องค์กร องค์การภาครัฐของประเทศไทยและประเทศไนจีเรีย 10 องค์การ Curricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26377 SIU THE-T. การส่งออกยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์เข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรีย: ปัญหา อุปสรรค และบทเรียน = Exporting Thai Tip Herbal Toothpaste to the Nigerian Market: Challenges, Barriers and Lessons Learned [printed text] / ถนัญรัชฏ์ แสนสุข, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - xii, 313 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU THE-T: SOM-DBA-2016-02
Thesis. [DฺBA [บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต บธ.ด.]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2559
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ยาสีฟัน -- การส่งออก
[LCSH]ยาสีฟัน -- ไนจีเรีย -- การตลาดKeywords: ประสบการณ์การส่งออก,
บทเรียนการบริหารจัดการธุรกิจ,
ยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์Abstract: การส่งออกสินค้าไทยไปสู่ตลาดต่างประเทศนับวันยิ่งทวีการแข่งขันขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าใหม่จำเป็นต้องใช้ศาสตร์ทางการบริหารให้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ รวมทั้งต้องพึ่งพาการกำกับดูแลในขั้นตอนการแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติอย่างเข้มงวด จึงจะทำให้การส่งออกประสบความสำเร็จได้ งานวิจัยนี้จึงมีคณูปการกับประเทศไทยโดยตรงต่อภาคการส่งออก เพราะเป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่เคยมีการศึกษากระบวนการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรียมาก่อน รวมทั้งไม่มีกรณีศึกษาการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดต่างประเทศมาเทียบเคียงโดยมีวัตถุประสงค์ 1) ถอดบทเรียนการส่งออกยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์เข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรีย 2) วิเคระห์กระบวนการส่งออกยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์เข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรีย 3) ศึกษาปัญหา อุปสรรค ผ่านบทเรียนการส่งออกยาสีฟันสมุนไพรไทยทิพย์เข้าสู่ตลาดประเทศไนจีเรีย 4) เสนอแนะแนวทางการทำธุรกิจเข้าสู่ตลาดทวีปแอฟริกาด้านตะวันตกโดยเฉพาะประเทศไนจีเรีย ผู้เกี่ยวข้องกับการส่งออก ได้แก่ องค์กรเอกชน 5 องค์กร องค์การภาครัฐของประเทศไทยและประเทศไนจีเรีย 10 องค์การ Curricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26377 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591337 SIU THE-T: SOM-DBA-2016-02 c.1 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available 32002000591345 SIU THE-T: SOM-DBA-2016-02 c.2 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ความคาดหวังและความพึงพอใจของผู้พิการทางการเคลื่อนไหว ต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ / ถิรภัทร ประภาสิทธิ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ความคาดหวังและความพึงพอใจของผู้พิการทางการเคลื่อนไหว ต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ Original title : Expectation and Satisfaction of Physical Disability in Public Service Of District Officer at Chiang Mai District Office Material Type: printed text Authors: ถิรภัทร ประภาสิทธิ, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: x,88 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-14
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การบริการ -- การพัฒนา
[LCSH]คนพิการ -- สวัสดิการ -- เชียงใหม่
[LCSH]เจ้าหน้าที่ที่ว่าการอำเภอ -- การให้บริการ -- เชียงใหม่Keywords: ผู้พิการทางการเคลื่อนไหว
ความคาดหวังและความพึงพอใจ
คุณภาพการให้บริการAbstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาความคาดหวังและความพึงพอใจของผู้พิการทางการเคลื่อนไหวต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 2) เพื่อเปรียบเทียบระหว่างปัจจัยด้านประชากรศาสตร์กับความคาดหวังและความพึงพอใจของผู้พิการทางการเคลื่อนไหวต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 3) เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการบริการผู้พิการทางการเคลื่อนไหวอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยผู้วิจัยใช้วิธีการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณ ผลการวิจัยพบว่า ข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ของผู้พิการทางการเคลื่อนไหวต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ 1. เพศ 2. อายุ 3. สถานภาพสมรส 4. การศึกษา 5. อาชีพ 6. รายได้ จากผู้ตอบแบสอบถามจำนวน 229 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป มีสถานภาพโสด มีระดับการศึกษาต่ำกว่าอนุปริญญา/ประกาศนียบัตรชั้นสูง มีอาชีพประกอบธุรกิจส่วนตัว เช่น ขายลอตเตอร์ลี่ รับจ้างทำสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ธุรกิจร้านเกม ธุรกิจร้านอินเตอร์เน็ต ร้านหนังสือให้เช่า มีห้องให้เช่า เป็นต้น มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 15,001 – 25,000 บาท ส่วนปัจจัยทางด้านความคาดหวังของผู้พิการทางการเคลื่อนไหวต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากการศึกษา พบว่า มีความคาดหวังต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ด้านความเชื่อมั่นในคุณภาพการให้บริการของเจ้าหน้าที่อยู่ในระดับสูงสุด รองลงมาได้แก่ ด้านลักษณะทางกายภาพ ถัดมาคือ ด้านการตอบสนองอย่างรวดเร็วในการให้บริการของเจ้าหน้าที่ และลำดับสุดท้าย ได้แก่ ด้านความเอาใจใส่และมีอัธยาศัยไมตรีต่อผู้รับบริการ แต่อย่างไรก็ตามความคาดหวังของผู้พิการทางการเคลื่อนไหวต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยรวมอยู่ในระดับมาก ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยควรจัดให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในด้านการเปิดเผยข้อมูล ด้านระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมายในการปฏิบัติงาน ด้านการกำหนดระยะเวลาปฏิบัติงานประกาศให้ผู้ใช้บริการทราบ ด้านกระบวนการ และด้านโครงการที่ที่ว่าการอำเภอเมืองได้จัดทำเพื่อบริการผู้พิการทางการเคลื่อนไหว ควรมีการขยายขอบเขตในด้านสถานที่ในการศึกษาเพิ่มเติม ควรทำการศึกษาในแนวลึกลงไปถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องในด้านต่าง ๆ ให้ละเอียดและครอบคลุมมากขึ้นถึงสาเหตุดังกล่าว ควรมีการขยายขอบเขตในด้านเนื้อหาของการศึกษาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้บริการเพิ่มเติม เช่น ประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการให้บริการกับผู้พิการทางการเคลื่อนไหวด้านต่าง ๆ เพื่อจะได้ส่งมอบการอำนวยความสะดวกในการให้บริการให้ตรงกับพฤติกรรมของผู้บริการต่อไป Curricular : GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26532 SIU IS-T. ความคาดหวังและความพึงพอใจของผู้พิการทางการเคลื่อนไหว ต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ = Expectation and Satisfaction of Physical Disability in Public Service Of District Officer at Chiang Mai District Office [printed text] / ถิรภัทร ประภาสิทธิ, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - x,88 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-14
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การบริการ -- การพัฒนา
[LCSH]คนพิการ -- สวัสดิการ -- เชียงใหม่
[LCSH]เจ้าหน้าที่ที่ว่าการอำเภอ -- การให้บริการ -- เชียงใหม่Keywords: ผู้พิการทางการเคลื่อนไหว
ความคาดหวังและความพึงพอใจ
คุณภาพการให้บริการAbstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาความคาดหวังและความพึงพอใจของผู้พิการทางการเคลื่อนไหวต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 2) เพื่อเปรียบเทียบระหว่างปัจจัยด้านประชากรศาสตร์กับความคาดหวังและความพึงพอใจของผู้พิการทางการเคลื่อนไหวต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 3) เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการบริการผู้พิการทางการเคลื่อนไหวอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยผู้วิจัยใช้วิธีการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณ ผลการวิจัยพบว่า ข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ของผู้พิการทางการเคลื่อนไหวต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ 1. เพศ 2. อายุ 3. สถานภาพสมรส 4. การศึกษา 5. อาชีพ 6. รายได้ จากผู้ตอบแบสอบถามจำนวน 229 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป มีสถานภาพโสด มีระดับการศึกษาต่ำกว่าอนุปริญญา/ประกาศนียบัตรชั้นสูง มีอาชีพประกอบธุรกิจส่วนตัว เช่น ขายลอตเตอร์ลี่ รับจ้างทำสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ธุรกิจร้านเกม ธุรกิจร้านอินเตอร์เน็ต ร้านหนังสือให้เช่า มีห้องให้เช่า เป็นต้น มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 15,001 – 25,000 บาท ส่วนปัจจัยทางด้านความคาดหวังของผู้พิการทางการเคลื่อนไหวต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากการศึกษา พบว่า มีความคาดหวังต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ด้านความเชื่อมั่นในคุณภาพการให้บริการของเจ้าหน้าที่อยู่ในระดับสูงสุด รองลงมาได้แก่ ด้านลักษณะทางกายภาพ ถัดมาคือ ด้านการตอบสนองอย่างรวดเร็วในการให้บริการของเจ้าหน้าที่ และลำดับสุดท้าย ได้แก่ ด้านความเอาใจใส่และมีอัธยาศัยไมตรีต่อผู้รับบริการ แต่อย่างไรก็ตามความคาดหวังของผู้พิการทางการเคลื่อนไหวต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยรวมอยู่ในระดับมาก ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยควรจัดให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในด้านการเปิดเผยข้อมูล ด้านระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมายในการปฏิบัติงาน ด้านการกำหนดระยะเวลาปฏิบัติงานประกาศให้ผู้ใช้บริการทราบ ด้านกระบวนการ และด้านโครงการที่ที่ว่าการอำเภอเมืองได้จัดทำเพื่อบริการผู้พิการทางการเคลื่อนไหว ควรมีการขยายขอบเขตในด้านสถานที่ในการศึกษาเพิ่มเติม ควรทำการศึกษาในแนวลึกลงไปถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องในด้านต่าง ๆ ให้ละเอียดและครอบคลุมมากขึ้นถึงสาเหตุดังกล่าว ควรมีการขยายขอบเขตในด้านเนื้อหาของการศึกษาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้บริการเพิ่มเติม เช่น ประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการให้บริการกับผู้พิการทางการเคลื่อนไหวด้านต่าง ๆ เพื่อจะได้ส่งมอบการอำนวยความสะดวกในการให้บริการให้ตรงกับพฤติกรรมของผู้บริการต่อไป Curricular : GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26532 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591766 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-14 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000591758 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-14 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการจัดการศึกษาของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลหนองไร่ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง / พรรณี ธนกรชัยมงคล / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2014
Collection Title: SIU IS-T Title : ความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการจัดการศึกษาของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลหนองไร่ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง Original title : The Satisfaction of the Parent towards the Education of the Child Development Center Nongrai Pluakdeang Distric Rayong Material Type: printed text Authors: พรรณี ธนกรชัยมงคล, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2014 Pagination: vii, 59 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-31
Independent Study [MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การบริหารการศึกษา
[LCSH]ความพอใจ
[LCSH]ผู้ปกครองนักเรียนKeywords: ความพึงพอใจ,
การจัดการศึกษา,
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กAbstract: การศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการจัดการศึกษาของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลหนองไร่ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ประชากรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ได้แก่ ผู้ปกครองนักเรียนในเขตบริการ จำนวน 191 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามความพึงพอใจเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า
1) สรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงจำนวน101 คน คิดเป็นร้อยละ 53.20 มีอายุ 30-50 ปี จำนวน 79 คน คิดเป็นร้อยละ 41.60 มีระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีจำนวน 99 คน คิดเป็นร้อยละ 52.10 และส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรมจำนวน 90 คน คิดเป็นร้อยละ 47.40
2) ระดับความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการจัดการศึกษาของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลหนองไร่ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อเรียงลำดับค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย ได้แก่ ในด้านการบริหารโรงเรียนอยู่ในระดับมาก ด้านความสัมพันธ์กับชุมชนอยู่ในระดับมาก ด้านอาคารสถานที่อยู่ในระดับมาก ด้านการจัดการเรียนการสอนอยู่ในระดับมากและด้านครูผู้สอนอยู่ในระดับมาก ตามลำดับCurricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27273 SIU IS-T. ความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการจัดการศึกษาของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลหนองไร่ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง = The Satisfaction of the Parent towards the Education of the Child Development Center Nongrai Pluakdeang Distric Rayong [printed text] / พรรณี ธนกรชัยมงคล, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014 . - vii, 59 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-31
Independent Study [MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การบริหารการศึกษา
[LCSH]ความพอใจ
[LCSH]ผู้ปกครองนักเรียนKeywords: ความพึงพอใจ,
การจัดการศึกษา,
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กAbstract: การศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการจัดการศึกษาของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลหนองไร่ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ประชากรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ได้แก่ ผู้ปกครองนักเรียนในเขตบริการ จำนวน 191 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามความพึงพอใจเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า
1) สรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงจำนวน101 คน คิดเป็นร้อยละ 53.20 มีอายุ 30-50 ปี จำนวน 79 คน คิดเป็นร้อยละ 41.60 มีระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีจำนวน 99 คน คิดเป็นร้อยละ 52.10 และส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรมจำนวน 90 คน คิดเป็นร้อยละ 47.40
2) ระดับความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการจัดการศึกษาของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลหนองไร่ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อเรียงลำดับค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย ได้แก่ ในด้านการบริหารโรงเรียนอยู่ในระดับมาก ด้านความสัมพันธ์กับชุมชนอยู่ในระดับมาก ด้านอาคารสถานที่อยู่ในระดับมาก ด้านการจัดการเรียนการสอนอยู่ในระดับมากและด้านครูผู้สอนอยู่ในระดับมาก ตามลำดับCurricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27273 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000595007 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-31 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000594992 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-31 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU THE-T. ความศรัทธาของนักธุรกิจต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่สรรพากร / นัชพณ ฤทธิ์คำรพ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU THE-T Title : ความศรัทธาของนักธุรกิจต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่สรรพากร Original title : The Faith of Businessmen in the Work Operation of Police Officers and Tax Revenue Officers Material Type: printed text Authors: นัชพณ ฤทธิ์คำรพ, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: xi, 172 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU THE-T: IPAG-DPA-2017-01
Thesis. [DPA [รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต.ปร.ด]] มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ความเชื่อถือได้
[LCSH]นักธุรกิจ
[LCSH]เจ้าหน้าที่ตำรวจ -- การปฏิบัติงาน
[LCSH]เจ้าหน้าที่สรรพากร -- การปฏิบัติงานKeywords: ความศรัทธา,
เจ้าหน้าที่ตำรวจ,
เจ้าหน้าที่สรรพากรAbstract: การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับความศรัทธาของนักธุรกิจต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่สรรพากร และ 2) ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความศรัทธาของนักธุรกิจต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่สรรพากร
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้การสำรวจเก็บข้อมูลจากนักธุรกิจเอกชน ในอำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง และจังหวัดจันทบุรี จำนวน 392 คน จากประชากรนักธุรกิจเอกชน จำนวน 20,055 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย ใช้แบบสอบถามที่ผ่านตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาและความเชื่อมั่น สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียวและการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุ
ผลการวิจัยพบว่า ระดับความศรัทธาของนักธุรกิจต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ในระดับปานกลาง (ค่าเฉลี่ย 2.96) และ เจ้าหน้าสรรพากร อยู่ในระดับปานกลาง (ค่าเฉลี่ย 3.11)
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความศรัทธาของนักธุรกิจต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 เห็นจากค่าสัมประสิทธิ์มากไปหาน้อย ได้แก่ 1) ภาวะผู้นำ (X1) 2) พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติ (X2) และ 3) ประสิทธิภาพของกลไกในการตรวจสอบและถ่วงดุล (X4) โดยมีสมการพยากรณ์ Ý1 = 0.596 + 0.474X1 + 0.268X2 + 0.156X4 และ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ R2 = 0.515
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความศรัทธาของนักธุรกิจต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สรรพากรเจ้าหน้าที่สรรพากรและมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 เห็นจากค่าสัมประสิทธิ์มากไปหาน้อย ได้แก่ 1) ประสิทธิภาพของกลไกในการตรวจสอบและถ่วงดุล (X4) 2) พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ (X2) 3) ภาวะผู้นำ (X1) และ 4) ประสิทธิภาพของการสื่อสาร (X3) โดยมีสมการพยากรณ์ Ý2 = 0.327 + 0.107X1 + 0.353X2 + 0.212X3 + 0.380X4 และ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ R2 = 0.659
ผลการวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รับความศรัทธาจากนักธุรกิจมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับภาวะผู้นำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าระบบของตำรวจยังไม่ดีพอ ส่วนเจ้าหน้าที่สรรพากร จะได้รับความศรัทธาจากนักธุรกิจมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับระบบการตรวจสอบและถ่วงดุล
จึงเห็นว่าสองหน่วยงานแตกต่างกัน ทั้งนี้ เนื่องจากระบบงานของตำรวจตามทฤษฎีรัฐประศาสนศาสตร์ เป็นระบบราชการแบบดั้งเดิม การบริหารขึ้นอยู่กับภาวะผู้นำ เป็นการบริหารจัดการภาครัฐที่เน้นสายบังคับบัญชา มีขั้นตอนการควบคุมที่มีความชัดเจน และส่วนระบบงานของสรรพากรเป็นการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ มีการใช้ระบบการตรวจสอบและถ่วงดุล เพื่อป้องกันมิให้อำนาจอยู่ในมือของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเพียงฝ่ายเดียวCurricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26627 SIU THE-T. ความศรัทธาของนักธุรกิจต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่สรรพากร = The Faith of Businessmen in the Work Operation of Police Officers and Tax Revenue Officers [printed text] / นัชพณ ฤทธิ์คำรพ, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - xi, 172 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU THE-T: IPAG-DPA-2017-01
Thesis. [DPA [รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต.ปร.ด]] มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ความเชื่อถือได้
[LCSH]นักธุรกิจ
[LCSH]เจ้าหน้าที่ตำรวจ -- การปฏิบัติงาน
[LCSH]เจ้าหน้าที่สรรพากร -- การปฏิบัติงานKeywords: ความศรัทธา,
เจ้าหน้าที่ตำรวจ,
เจ้าหน้าที่สรรพากรAbstract: การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับความศรัทธาของนักธุรกิจต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่สรรพากร และ 2) ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความศรัทธาของนักธุรกิจต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่สรรพากร
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้การสำรวจเก็บข้อมูลจากนักธุรกิจเอกชน ในอำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง และจังหวัดจันทบุรี จำนวน 392 คน จากประชากรนักธุรกิจเอกชน จำนวน 20,055 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย ใช้แบบสอบถามที่ผ่านตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาและความเชื่อมั่น สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียวและการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุ
ผลการวิจัยพบว่า ระดับความศรัทธาของนักธุรกิจต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ในระดับปานกลาง (ค่าเฉลี่ย 2.96) และ เจ้าหน้าสรรพากร อยู่ในระดับปานกลาง (ค่าเฉลี่ย 3.11)
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความศรัทธาของนักธุรกิจต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 เห็นจากค่าสัมประสิทธิ์มากไปหาน้อย ได้แก่ 1) ภาวะผู้นำ (X1) 2) พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติ (X2) และ 3) ประสิทธิภาพของกลไกในการตรวจสอบและถ่วงดุล (X4) โดยมีสมการพยากรณ์ Ý1 = 0.596 + 0.474X1 + 0.268X2 + 0.156X4 และ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ R2 = 0.515
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความศรัทธาของนักธุรกิจต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สรรพากรเจ้าหน้าที่สรรพากรและมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 เห็นจากค่าสัมประสิทธิ์มากไปหาน้อย ได้แก่ 1) ประสิทธิภาพของกลไกในการตรวจสอบและถ่วงดุล (X4) 2) พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ (X2) 3) ภาวะผู้นำ (X1) และ 4) ประสิทธิภาพของการสื่อสาร (X3) โดยมีสมการพยากรณ์ Ý2 = 0.327 + 0.107X1 + 0.353X2 + 0.212X3 + 0.380X4 และ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ R2 = 0.659
ผลการวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รับความศรัทธาจากนักธุรกิจมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับภาวะผู้นำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าระบบของตำรวจยังไม่ดีพอ ส่วนเจ้าหน้าที่สรรพากร จะได้รับความศรัทธาจากนักธุรกิจมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับระบบการตรวจสอบและถ่วงดุล
จึงเห็นว่าสองหน่วยงานแตกต่างกัน ทั้งนี้ เนื่องจากระบบงานของตำรวจตามทฤษฎีรัฐประศาสนศาสตร์ เป็นระบบราชการแบบดั้งเดิม การบริหารขึ้นอยู่กับภาวะผู้นำ เป็นการบริหารจัดการภาครัฐที่เน้นสายบังคับบัญชา มีขั้นตอนการควบคุมที่มีความชัดเจน และส่วนระบบงานของสรรพากรเป็นการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ มีการใช้ระบบการตรวจสอบและถ่วงดุล เพื่อป้องกันมิให้อำนาจอยู่ในมือของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเพียงฝ่ายเดียวCurricular : BBA/GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26627 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000592798 SIU THE-T: IPAG-DPA-2017-01 c.1 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available 32002000592822 SIU THE-T: IPAG-DPA-2017-01 c.2 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ความสุขในการทำงานของพนักงานบริษัท เจเทคโตะ ออโตโมทีฟ (ไทยแลนด์) จำกัด / พนมชัย คำปลุก / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2014
Collection Title: SIU IS-T Title : ความสุขในการทำงานของพนักงานบริษัท เจเทคโตะ ออโตโมทีฟ (ไทยแลนด์) จำกัด Original title : Happiness at Work Employees at JTEKT Automotive (Thailand) Co., Ltd. Material Type: printed text Authors: พนมชัย คำปลุก, Author ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2014 Pagination: vii, 79 หน้า Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-13
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]Happiness
[LCSH]การทำงาน -- แง่จิตวิทยา
[LCSH]ความสุขKeywords: การเปรียบเทียบ
ความสุขในการทำงาน
บริษัท เจเทคโตะ ออโตโมทีฟ (ไทยแลนด์) จำกัด
จังหวัดระยองAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความสุขในการทำงานของพนักงานบริษัท เจเทคโตะ ออโตโมทีฟ (ไทยแลนด์) จำกัด Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26088 SIU IS-T. ความสุขในการทำงานของพนักงานบริษัท เจเทคโตะ ออโตโมทีฟ (ไทยแลนด์) จำกัด = Happiness at Work Employees at JTEKT Automotive (Thailand) Co., Ltd. [printed text] / พนมชัย คำปลุก, Author ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014 . - vii, 79 หน้า : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-13
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]Happiness
[LCSH]การทำงาน -- แง่จิตวิทยา
[LCSH]ความสุขKeywords: การเปรียบเทียบ
ความสุขในการทำงาน
บริษัท เจเทคโตะ ออโตโมทีฟ (ไทยแลนด์) จำกัด
จังหวัดระยองAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความสุขในการทำงานของพนักงานบริษัท เจเทคโตะ ออโตโมทีฟ (ไทยแลนด์) จำกัด Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26088 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000506806 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-13 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000506798 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-13 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available 32002000591485 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-13 c.3 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ความเข้าใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ด้านการข่าวการก่อการร้ายสากลของข้าราชการตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ / ศิริวัฒน์ มนัสพรหม / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ความเข้าใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ด้านการข่าวการก่อการร้ายสากลของข้าราชการตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ Original title : (Understanding Toward Operation of News of International Terrorism Official Police Sub-Division 4 Special Branch 2 Division Royal Thai Police) Material Type: printed text Authors: ศิริวัฒน์ มนัสพรหม, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: vii, 70 p. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-21
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การพัฒนาบุคลากร
[LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงานKeywords: ความเข้าใจต่อการปฏิบัติหน้าที่
การข่าวการก่อการร้ายสากล
ข้าราชการตำรวจกองกำกับการ 4
สำนักงานตำรวจแห่งชาติAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความเข้าใจต่อการปฏิบัติหน้าที่งานด้านการข่าวการก่อการร้ายสากล ของข้าราชการตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล
2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเพื่อเสนอแนะและนำผลการศึกษาไปปรับปรุงและพัฒนาความเข้าใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ด้านการข่าวการก่อการร้ายสากล ของข้าราชการตำรวจกองกำกับการ 4
กองบังคับการตำรวจสันติบาล 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชากรที่ใช้ในการศึกษาคือ ข้าราชการตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาคือแบบสอบถาม ทำการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปทางสังคมศาสตร์ สถิติที่ใช้ คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที t-test และสถิติการวิเคราะห์ค่าความแปรปรวนทางเดียว One-way ANOVA ผลการวิจัยพบว่า
ข้าราชการตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความเข้าใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ด้านการข่าว การก่อการร้ายสากลในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก ส่วนการทดสอบสมมติฐานพบว่า ข้าราชการตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล
2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีอายุ ระดับการศึกษา สถานภาพ อายุราชการและระดับชั้นยศข้าราชการแตกต่างกัน มีความเข้าใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ด้านการข่าวการก่อการร้ายสากลไม่แตกต่างกัน
ส่วนข้าราชการตำรวจที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนแตกต่างกัน มีความเข้าใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ด้านการข่าวการก่อการร้ายสากลแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05
การปฏิบัติงานด้านการข่าวการก่อการร้ายสากลให้มีประสิทธิภาพจะต้องอาศัยความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน ร่วมกับข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ นำมาวิเคราะห์ ตั้งประเด็น และสรุปเป็นข่าวกรอง ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนมีความสำคัญและสนับสนุนซึ่งกันและกัน
จากผลการศึกษาที่ได้รับผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะให้ผู้บังคับบัญชาควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรในสังกัดให้มีความรู้และความเช้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ด้านการข่าวการก่อการร้ายสากลในทุกด้านเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การปฏิบัติหน้าที่ด้านการข่าวการก่อการร้ายสากลมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้นCurricular : GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26610 SIU IS-T. ความเข้าใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ด้านการข่าวการก่อการร้ายสากลของข้าราชการตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ = (Understanding Toward Operation of News of International Terrorism Official Police Sub-Division 4 Special Branch 2 Division Royal Thai Police) [printed text] / ศิริวัฒน์ มนัสพรหม, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - vii, 70 p. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-21
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การพัฒนาบุคลากร
[LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงานKeywords: ความเข้าใจต่อการปฏิบัติหน้าที่
การข่าวการก่อการร้ายสากล
ข้าราชการตำรวจกองกำกับการ 4
สำนักงานตำรวจแห่งชาติAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความเข้าใจต่อการปฏิบัติหน้าที่งานด้านการข่าวการก่อการร้ายสากล ของข้าราชการตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล
2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเพื่อเสนอแนะและนำผลการศึกษาไปปรับปรุงและพัฒนาความเข้าใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ด้านการข่าวการก่อการร้ายสากล ของข้าราชการตำรวจกองกำกับการ 4
กองบังคับการตำรวจสันติบาล 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชากรที่ใช้ในการศึกษาคือ ข้าราชการตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาคือแบบสอบถาม ทำการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปทางสังคมศาสตร์ สถิติที่ใช้ คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที t-test และสถิติการวิเคราะห์ค่าความแปรปรวนทางเดียว One-way ANOVA ผลการวิจัยพบว่า
ข้าราชการตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความเข้าใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ด้านการข่าว การก่อการร้ายสากลในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก ส่วนการทดสอบสมมติฐานพบว่า ข้าราชการตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล
2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีอายุ ระดับการศึกษา สถานภาพ อายุราชการและระดับชั้นยศข้าราชการแตกต่างกัน มีความเข้าใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ด้านการข่าวการก่อการร้ายสากลไม่แตกต่างกัน
ส่วนข้าราชการตำรวจที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนแตกต่างกัน มีความเข้าใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ด้านการข่าวการก่อการร้ายสากลแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05
การปฏิบัติงานด้านการข่าวการก่อการร้ายสากลให้มีประสิทธิภาพจะต้องอาศัยความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน ร่วมกับข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ นำมาวิเคราะห์ ตั้งประเด็น และสรุปเป็นข่าวกรอง ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนมีความสำคัญและสนับสนุนซึ่งกันและกัน
จากผลการศึกษาที่ได้รับผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะให้ผู้บังคับบัญชาควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรในสังกัดให้มีความรู้และความเช้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ด้านการข่าวการก่อการร้ายสากลในทุกด้านเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การปฏิบัติหน้าที่ด้านการข่าวการก่อการร้ายสากลมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้นCurricular : GE/MBA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26610 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000592582 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-21 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000592558 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-21 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU THE-T. ความเจริญของวัดไทยในต่างแดน / ปวรุตม์ ฐิติพงศิริกุล / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2018
Collection Title: SIU THE-T Title : ความเจริญของวัดไทยในต่างแดน Original title : The Prosperity of Thai Buddhist Temples in Overseas Material Type: printed text Authors: ปวรุตม์ ฐิติพงศิริกุล, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2018 Pagination: ix, 261 p. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU THE-T: IPAG-DPA-2018-02
Thesis. [DPA [รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต.ปร.ด]] มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2018Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]พระพุทธศาสนา
[LCSH]วัดไทย
[LCSH]วัดไทย -- จีน
[LCSH]วัดไทย -- สิงคโปร์Keywords: พระพุทธศาสนา,
ต่างแดน,
ความเจริญ,
วัดไทยAbstract: การศึกษาวิจัยนี้เป็นการศึกษาวัดไทยในต่างแดนว่ามีความเจริญรุ่งเรืองดำรงอยู่ได้เพราะอะไร และศึกษาแนวทางในการพัฒนาวัดไทยในต่างแดน เป็นการวิจัยแบบผสม มีกลุ่มเป้าหมายเป็นวัดจำนวน 2 พื้นที่คือวัดไทยในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และวัดไทยประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์ เนื่องจากเป็นวัดที่มีผู้ไปเยี่ยมเยียนเป็นจำนวนมาก ประกอบกับเป็นขอบเขตที่ผู้วิจัยจะทำการศึกษาได้ไม่ไกลจนเกินไป ในการวิจัยเชิงปริมาณใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยสอบถามพุทธศาสนิกชน ผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนาในเขตชุมชน รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่มาทำบุญ หรือเข้าร่วมจัดกิจกรรมที่วัด จำนวน 214 คน และการวิจัยเชิงคุณภาพ ทำการสัมภาษณ์เชิงลึก (Indepth-Interview) เจ้าอาวาสวัด/รองเจ้าอาวาส หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ให้ข้อมูลสำคัญ
ผลการศึกษา พบว่า วัดไทยในต่างแดนมีความเจริญขึ้น ด้วยเหตุผล 3 ประการคือประการที่หนึ่งด้านความเลื่อมใสศรัทธา ตามทฤษฎีปทัสถาน ประการที่สองด้านวัตถุ ตามทฤษฎีบริหารธุรกิจ เช่น คนเข้าวัดเพราะว่าอยากบูชาวัตถุมงคล เครื่องราง นำโชค มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด และประการสุดท้ายคือด้านการปรับตัว ตามทฤษฎีการปรับตัวขององค์การ และคนไปวัดเพราะว่าวัดรู้จักปรับตัวตามทฤษฎีการปรับตัวซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีการปรับตัวของ ทัลคอร์ต พาร์สัน ผลการวิจัยครั้งนี้พบว่า การที่จะสามารถปรับตัวที่ทำให้วัดไทยในต่างแดนมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นเพราะว่าจะต้องอิงกับธุรกิจบ้างเพื่อให้สามารถสนองตอบกับความต้องการของผู้มาทำบุญในต่างแดน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ แต่เพื่อให้พระพุทธศาสนาดำรงตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าจะต้องสนับสนุนและส่งเสริมในเรื่องของปทัสถานลงไปและจะต้องปรับตัวให้ทันตามความเจริญก้าวหน้าของสังคมและตามความต้องการของสังคม และโลกในยุคดิจิทัลCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27708 SIU THE-T. ความเจริญของวัดไทยในต่างแดน = The Prosperity of Thai Buddhist Temples in Overseas [printed text] / ปวรุตม์ ฐิติพงศิริกุล, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2018 . - ix, 261 p. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00
SIU THE-T: IPAG-DPA-2018-02
Thesis. [DPA [รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต.ปร.ด]] มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2018
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]พระพุทธศาสนา
[LCSH]วัดไทย
[LCSH]วัดไทย -- จีน
[LCSH]วัดไทย -- สิงคโปร์Keywords: พระพุทธศาสนา,
ต่างแดน,
ความเจริญ,
วัดไทยAbstract: การศึกษาวิจัยนี้เป็นการศึกษาวัดไทยในต่างแดนว่ามีความเจริญรุ่งเรืองดำรงอยู่ได้เพราะอะไร และศึกษาแนวทางในการพัฒนาวัดไทยในต่างแดน เป็นการวิจัยแบบผสม มีกลุ่มเป้าหมายเป็นวัดจำนวน 2 พื้นที่คือวัดไทยในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และวัดไทยประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์ เนื่องจากเป็นวัดที่มีผู้ไปเยี่ยมเยียนเป็นจำนวนมาก ประกอบกับเป็นขอบเขตที่ผู้วิจัยจะทำการศึกษาได้ไม่ไกลจนเกินไป ในการวิจัยเชิงปริมาณใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยสอบถามพุทธศาสนิกชน ผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนาในเขตชุมชน รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่มาทำบุญ หรือเข้าร่วมจัดกิจกรรมที่วัด จำนวน 214 คน และการวิจัยเชิงคุณภาพ ทำการสัมภาษณ์เชิงลึก (Indepth-Interview) เจ้าอาวาสวัด/รองเจ้าอาวาส หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ให้ข้อมูลสำคัญ
ผลการศึกษา พบว่า วัดไทยในต่างแดนมีความเจริญขึ้น ด้วยเหตุผล 3 ประการคือประการที่หนึ่งด้านความเลื่อมใสศรัทธา ตามทฤษฎีปทัสถาน ประการที่สองด้านวัตถุ ตามทฤษฎีบริหารธุรกิจ เช่น คนเข้าวัดเพราะว่าอยากบูชาวัตถุมงคล เครื่องราง นำโชค มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด และประการสุดท้ายคือด้านการปรับตัว ตามทฤษฎีการปรับตัวขององค์การ และคนไปวัดเพราะว่าวัดรู้จักปรับตัวตามทฤษฎีการปรับตัวซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีการปรับตัวของ ทัลคอร์ต พาร์สัน ผลการวิจัยครั้งนี้พบว่า การที่จะสามารถปรับตัวที่ทำให้วัดไทยในต่างแดนมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นเพราะว่าจะต้องอิงกับธุรกิจบ้างเพื่อให้สามารถสนองตอบกับความต้องการของผู้มาทำบุญในต่างแดน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ แต่เพื่อให้พระพุทธศาสนาดำรงตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าจะต้องสนับสนุนและส่งเสริมในเรื่องของปทัสถานลงไปและจะต้องปรับตัวให้ทันตามความเจริญก้าวหน้าของสังคมและตามความต้องการของสังคม และโลกในยุคดิจิทัลCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27708 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000597375 SIU THE-T: IPAG-DPA-2018-02 c.1 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available 32002000597409 SIU THE-T: IPAG-DPA-2018-02 c.2 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available SIU THE-T. ความไว้วางใจของสาธารณชนที่มีต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง / ภัทราวดี ศรีบุญสม / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU THE-T Title : ความไว้วางใจของสาธารณชนที่มีต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง Original title : Public Trust towards the Election Commission Material Type: printed text Authors: ภัทราวดี ศรีบุญสม, Author ; จารุภัทร เรืองสุวรรณ, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: ix, 88 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU THE-T: IPAG-DPA-2016-04
Thesis. [DPA [รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต.รป.ด.]] มหาวิทยาลัยชินวัตร.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]คณะกรรมการการเลือกตั้ง -- ไทย
[LCSH]ความไว้วางใจ -- แง่การเมืองKeywords: ความไว้วางใจของสาธารณชน
คณะกรรมการการเลือกตั้งAbstract: คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระและเป็นกลาง มีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลกระบวนการเลือกตั้งทั้งหมดเพื่อให้ได้สมาชิกรัฐสภาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามาสู่ระบบการเมืองอย่างโปร่งใส ยุติธรรมเพื่อเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคงและมีเสถียรภาพ การดำเนินงานของคณะกรรมการการเลือกตั้งจะประสพความสำเร็จเพียงใดส่วนสำคัญขึ้นอยู่กับความไว้วางใจของสาธารณชน แต่เท่าที่ผ่านมายังไม่เคยมีการศึกษาอย่างลึกซึ้งถึงความไว้วางใจของสาธารณชนที่มีต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งมาก่อน งานวิจัยนี้มุ่งตอบคำถามว่า (1) คณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับความไว้วางใจจากสาธารณชนอยู่ในระดับใด (2) มีปัจจัยใดที่ส่งผลต่อระดับความไว้วางใจของสาธารณชนที่มีต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง และ(3) ผลที่ได้จากการศึกษาตาม (1) และ (2) จะนำไปสู่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและการพัฒนาองค์ความรู้ทางรัฐประศาสนศาสตร์ได้อย่างไรบ้าง Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26154 SIU THE-T. ความไว้วางใจของสาธารณชนที่มีต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง = Public Trust towards the Election Commission [printed text] / ภัทราวดี ศรีบุญสม, Author ; จารุภัทร เรืองสุวรรณ, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - ix, 88 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU THE-T: IPAG-DPA-2016-04
Thesis. [DPA [รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต.รป.ด.]] มหาวิทยาลัยชินวัตร.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]คณะกรรมการการเลือกตั้ง -- ไทย
[LCSH]ความไว้วางใจ -- แง่การเมืองKeywords: ความไว้วางใจของสาธารณชน
คณะกรรมการการเลือกตั้งAbstract: คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระและเป็นกลาง มีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลกระบวนการเลือกตั้งทั้งหมดเพื่อให้ได้สมาชิกรัฐสภาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามาสู่ระบบการเมืองอย่างโปร่งใส ยุติธรรมเพื่อเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคงและมีเสถียรภาพ การดำเนินงานของคณะกรรมการการเลือกตั้งจะประสพความสำเร็จเพียงใดส่วนสำคัญขึ้นอยู่กับความไว้วางใจของสาธารณชน แต่เท่าที่ผ่านมายังไม่เคยมีการศึกษาอย่างลึกซึ้งถึงความไว้วางใจของสาธารณชนที่มีต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งมาก่อน งานวิจัยนี้มุ่งตอบคำถามว่า (1) คณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับความไว้วางใจจากสาธารณชนอยู่ในระดับใด (2) มีปัจจัยใดที่ส่งผลต่อระดับความไว้วางใจของสาธารณชนที่มีต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง และ(3) ผลที่ได้จากการศึกษาตาม (1) และ (2) จะนำไปสู่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและการพัฒนาองค์ความรู้ทางรัฐประศาสนศาสตร์ได้อย่างไรบ้าง Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26154 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000590412 SIU THE-T: IPAG-DPA-2016-04 c.1 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available 32002000591980 SIU THE-T: IPAG-DPA-2016-04 c.2 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. คุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวนสถานีตำรวจ โพธิ์กลาง จังหวัดนครราชสีมา / วัชระ คำอำพันธ์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : คุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวนสถานีตำรวจ โพธิ์กลาง จังหวัดนครราชสีมา Original title : Quality of Work Life of the Police Commissionerfor Pho Klang Police Station Nakhon Ratchasima Material Type: printed text Authors: วัชระ คำอำพันธ์, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: viii, 87 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-20
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ข้าราชการตำรวจ -- คุณภาพชีวิต -- สถานีตำรวจโพธิ์กลาง -- นครราชสีมา
[LCSH]ตำรวจ -- การทำงานKeywords: คุณภาพชีวิต
คุณภาพการทำงาน
ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านการปฏิบัติงานAbstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาระดับคุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการตำรวจ
ชั้นประทวน สถานีตำรวจโพธิ์กลาง จังหวัดนครราชสีมา 2) เพื่อเปรียบเทียบคุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจชั้นประทวน โพธิ์กลาง จังหวัดนครราชสีมา จำแนกตาม เพศ อายุ ระดับการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน และเงินเดือน 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านการปฏิบัติงานกับคุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน สถานีตำรวจโพธิ์กลาง จังหวัดนครราชสีมา การวิจัยหลักครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้แบบสอบถามแบบปลายปิดและแบบปลายเปิดเป็นเครื่องสำคัญในการวิจัย โดยมีขนาดกลุ่มตัวอย่างประชากร จำนวน 110 คน จากการศึกษาผลการศึกษาทางด้านประชากรศาสตร์ พบว่า ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน สถานีตำรวจโพธิ์กลาง จังหวัดนครราชสีมา จำแนกตามเพศส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จำแนกตามกลุ่มอายุส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 30 -40 ปี รองลงมาคือ มีอายุระหว่าง 41 – 50 ปี ถัดมาคือ มีอายุต่ำกว่า 30 ปี และอันดับสุดท้าย ได้แก่ มีอายุ 51 ปีขึ้นไป จำแนกตามระดับการศึกษา ส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาระดับปริญาตรี รองลงมาคือ มีการศึกษาต่ำกว่า ปริญญาตรี และมีจำนวนน้อยที่สุดได้แก่ สำเร็จการศึกษาระดับปริญาตรี จำแนกตามรายได้ ส่วนใหญ่มีรายได้ต่อเดือนตั้งแต่ 20,001 บาทขึ้นไป รองลงมาคือ
มีรายได้ระหว่าง 15,000 – 20,000 บาท และมีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท จำนวนน้อยที่สุด จำแนกตามประสบการณ์การทำงาน พบว่า ส่วนใหญ่มีประสบการณ์ทำงานระหว่าง 10-15 ปี รองลงมาคือ มีประสบการณ์ทำงานระหว่าง 16-20 ปี ถัดมาคือ มีประสบการณ์ทำงานต่ำกว่า 10 ปี และมีจำนวนน้อยที่สุดได้แก่ มีประสบการณ์ทำงาน 21 ปีขึ้นไป และผลการศึกษาระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน สถานีตำรวจโพธิ์กลาง จังหวัดนครราชสีมา ปัจจัยด้านการปฏิบัติงานอยู่ในระดับมาก หากพิจารณาเป็นรายข้อ ความสำเร็จในชีวิตการงานมีค่าเฉลี่ย 3.71 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.50 รองลงมาคือ การปฏิบัติงานภายใต้นโยบายและการบริหาร มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.52 ถัดมาคือ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเป็นปัจจัยในการปฏิบัติงาน มีความสำคัญอยู่ในอันดับสามมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.51 ถัดไปได้แก่ การบังคับบัญชา มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.47 ความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ และลักษณะงาน มีค่าค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.46 และ 3.41 ตามลำดับ ส่วนทางด้านคุณภาพชีวิตของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน สถานีตำรวจโพธิ์กลาง จังหวัดนครราชสีมา
อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ส่วนใหญ่จะเป็นความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสังคม อยู่ในอันดับสูงสุด รองลงมาคือ การมีธรรมนูญในองค์การ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.60 ถัดมา คือ การบูรณาการด้านสังคม มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.49 ถัดไปคือ ด้านสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยและส่งเสริมสุขภาพ การพัฒนาความสามารถของบุคคลความก้าวหน้าและความมั่นคงในงาน ความสมดุลระหว่างชีวิตงานกับชีวิตด้านอื่น และค่าตอบแทนที่ยุติธรรมและเพียงพอ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.47, 3.46, 3.44, 3.42 และ 3.22 ตามลำดับ ข้อเสนอแนะจากการศึกษาควรมีการศึกษาแนวทางในการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตการทำงานที่ดีขึ้น ควรมีการศึกษาตัวแปรอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิต และควรมีการศึกษาเพิ่มเติมด้วยการใช้รูปแบบการวิจัยเชิงคุณภาพ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน สถานีตำรวจโพธิ์กลาง จังหวัดนครราชสี มาเพื่อจะได้พัฒนาคุณภาพชีวิตการทำงานให้มีมากยิ่งขึ้นCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26607 SIU IS-T. คุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวนสถานีตำรวจ โพธิ์กลาง จังหวัดนครราชสีมา = Quality of Work Life of the Police Commissionerfor Pho Klang Police Station Nakhon Ratchasima [printed text] / วัชระ คำอำพันธ์, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - viii, 87 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-20
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ข้าราชการตำรวจ -- คุณภาพชีวิต -- สถานีตำรวจโพธิ์กลาง -- นครราชสีมา
[LCSH]ตำรวจ -- การทำงานKeywords: คุณภาพชีวิต
คุณภาพการทำงาน
ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านการปฏิบัติงานAbstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาระดับคุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการตำรวจ
ชั้นประทวน สถานีตำรวจโพธิ์กลาง จังหวัดนครราชสีมา 2) เพื่อเปรียบเทียบคุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจชั้นประทวน โพธิ์กลาง จังหวัดนครราชสีมา จำแนกตาม เพศ อายุ ระดับการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน และเงินเดือน 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านการปฏิบัติงานกับคุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน สถานีตำรวจโพธิ์กลาง จังหวัดนครราชสีมา การวิจัยหลักครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้แบบสอบถามแบบปลายปิดและแบบปลายเปิดเป็นเครื่องสำคัญในการวิจัย โดยมีขนาดกลุ่มตัวอย่างประชากร จำนวน 110 คน จากการศึกษาผลการศึกษาทางด้านประชากรศาสตร์ พบว่า ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน สถานีตำรวจโพธิ์กลาง จังหวัดนครราชสีมา จำแนกตามเพศส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จำแนกตามกลุ่มอายุส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 30 -40 ปี รองลงมาคือ มีอายุระหว่าง 41 – 50 ปี ถัดมาคือ มีอายุต่ำกว่า 30 ปี และอันดับสุดท้าย ได้แก่ มีอายุ 51 ปีขึ้นไป จำแนกตามระดับการศึกษา ส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาระดับปริญาตรี รองลงมาคือ มีการศึกษาต่ำกว่า ปริญญาตรี และมีจำนวนน้อยที่สุดได้แก่ สำเร็จการศึกษาระดับปริญาตรี จำแนกตามรายได้ ส่วนใหญ่มีรายได้ต่อเดือนตั้งแต่ 20,001 บาทขึ้นไป รองลงมาคือ
มีรายได้ระหว่าง 15,000 – 20,000 บาท และมีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท จำนวนน้อยที่สุด จำแนกตามประสบการณ์การทำงาน พบว่า ส่วนใหญ่มีประสบการณ์ทำงานระหว่าง 10-15 ปี รองลงมาคือ มีประสบการณ์ทำงานระหว่าง 16-20 ปี ถัดมาคือ มีประสบการณ์ทำงานต่ำกว่า 10 ปี และมีจำนวนน้อยที่สุดได้แก่ มีประสบการณ์ทำงาน 21 ปีขึ้นไป และผลการศึกษาระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน สถานีตำรวจโพธิ์กลาง จังหวัดนครราชสีมา ปัจจัยด้านการปฏิบัติงานอยู่ในระดับมาก หากพิจารณาเป็นรายข้อ ความสำเร็จในชีวิตการงานมีค่าเฉลี่ย 3.71 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.50 รองลงมาคือ การปฏิบัติงานภายใต้นโยบายและการบริหาร มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.52 ถัดมาคือ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเป็นปัจจัยในการปฏิบัติงาน มีความสำคัญอยู่ในอันดับสามมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.51 ถัดไปได้แก่ การบังคับบัญชา มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.47 ความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ และลักษณะงาน มีค่าค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.46 และ 3.41 ตามลำดับ ส่วนทางด้านคุณภาพชีวิตของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน สถานีตำรวจโพธิ์กลาง จังหวัดนครราชสีมา
อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ส่วนใหญ่จะเป็นความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสังคม อยู่ในอันดับสูงสุด รองลงมาคือ การมีธรรมนูญในองค์การ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.60 ถัดมา คือ การบูรณาการด้านสังคม มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.49 ถัดไปคือ ด้านสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยและส่งเสริมสุขภาพ การพัฒนาความสามารถของบุคคลความก้าวหน้าและความมั่นคงในงาน ความสมดุลระหว่างชีวิตงานกับชีวิตด้านอื่น และค่าตอบแทนที่ยุติธรรมและเพียงพอ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.47, 3.46, 3.44, 3.42 และ 3.22 ตามลำดับ ข้อเสนอแนะจากการศึกษาควรมีการศึกษาแนวทางในการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตการทำงานที่ดีขึ้น ควรมีการศึกษาตัวแปรอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิต และควรมีการศึกษาเพิ่มเติมด้วยการใช้รูปแบบการวิจัยเชิงคุณภาพ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน สถานีตำรวจโพธิ์กลาง จังหวัดนครราชสี มาเพื่อจะได้พัฒนาคุณภาพชีวิตการทำงานให้มีมากยิ่งขึ้นCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26607 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000592533 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-20 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000592541 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-20 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU THE-T. บทบาทของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ดในการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ / รัฐชาติ ทัศนัย / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU THE-T Title : บทบาทของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ดในการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ Original title : The Role of Buriram United Football Club in the Development of Buriram Province Material Type: printed text Authors: รัฐชาติ ทัศนัย, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: ฐ, 243 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU THE-T: IPAG-DPA-2016-05
Thesis. [DPA [รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต.รป.ด.]] มหาวิทยาลัยชินวัตร.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การพัฒนาเมือง -- ไทย -- บุรีรัมย์
[LCSH]ฟุตบอล -- แง่เศรษฐกิจ
[LCSH]สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด -- การบริหารKeywords: การบริหารจัดการสโมสรฟุตบอล
การพัฒนาจังหวัดAbstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษากระบวนการบริหารจัดการทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด 2) เพื่อศึกษาผลของการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ผ่านการบริหารจัดการทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด 3) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ผ่านการบริหารจัดการทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด 4) เพื่อสร้างองค์ความรู้ทางทฤษฏีว่ามีปัจจัยภายใต้ทฤษฏีใดที่อธิบายการพัฒนาจังหวัดผ่านการบริหารจัดการทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด โดยใช้การวิจัยแบบผสานวิธี คือ การวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการวิจัยเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 390 คน ด้วยการสุ่มอย่างง่ายจากประชาชนที่เข้าชมการแข่งขันฟุตบอลที่สนามนิวไอโมบายสเตเดียม จังหวัดบุรีรัมย์ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา ได้แก่ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงแบนมาตรฐาน และสถิติอนุมาน ใช้การวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุ สำหรับวิชัยเชิงคุณภาพ ใช้วิธีการค้นคว้าผ่านเอกสาร สื่อออนไลน์ การสังเกตการณ์ และการสัมภาษณ์เชิงลึกโดยเก็บข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญจำนวน 11 คน Curricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26550 SIU THE-T. บทบาทของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ดในการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ = The Role of Buriram United Football Club in the Development of Buriram Province [printed text] / รัฐชาติ ทัศนัย, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - ฐ, 243 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU THE-T: IPAG-DPA-2016-05
Thesis. [DPA [รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต.รป.ด.]] มหาวิทยาลัยชินวัตร.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การพัฒนาเมือง -- ไทย -- บุรีรัมย์
[LCSH]ฟุตบอล -- แง่เศรษฐกิจ
[LCSH]สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด -- การบริหารKeywords: การบริหารจัดการสโมสรฟุตบอล
การพัฒนาจังหวัดAbstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษากระบวนการบริหารจัดการทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด 2) เพื่อศึกษาผลของการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ผ่านการบริหารจัดการทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด 3) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ผ่านการบริหารจัดการทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด 4) เพื่อสร้างองค์ความรู้ทางทฤษฏีว่ามีปัจจัยภายใต้ทฤษฏีใดที่อธิบายการพัฒนาจังหวัดผ่านการบริหารจัดการทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด โดยใช้การวิจัยแบบผสานวิธี คือ การวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการวิจัยเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 390 คน ด้วยการสุ่มอย่างง่ายจากประชาชนที่เข้าชมการแข่งขันฟุตบอลที่สนามนิวไอโมบายสเตเดียม จังหวัดบุรีรัมย์ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา ได้แก่ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงแบนมาตรฐาน และสถิติอนุมาน ใช้การวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุ สำหรับวิชัยเชิงคุณภาพ ใช้วิธีการค้นคว้าผ่านเอกสาร สื่อออนไลน์ การสังเกตการณ์ และการสัมภาษณ์เชิงลึกโดยเก็บข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญจำนวน 11 คน Curricular : BBA/MBA/PhDM Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26550 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000590461 SIU THE-T: IPAG-DPA-2016-05 c.1 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available 32002000591956 SIU THE-T: IPAG-DPA-2016-05 c.2 SIU Thesis and Dissertation Graduate Library Thesis Corner Available SIU IS-T. บทบาทหน้าที่สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลกับการบริหารงาน องค์การบริหารส่วนตำบลมาบยางพร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง / รัฐพล ไชยธรรม / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2014
Collection Title: SIU IS-T Title : บทบาทหน้าที่สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลกับการบริหารงาน องค์การบริหารส่วนตำบลมาบยางพร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง Original title : Roles and Duties of Sub-District Local Administrative Organization’s Member in Management of Map Yang Porn Sub-District Local Administrative Organization Administration of, Plaukdang District, Rayong Province Material Type: printed text Authors: รัฐพล ไชยธรรม, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2014 Pagination: vi, 68 น. Layout: ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-34
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล
[LCSH]องค์การบริหารส่วนตำบล -- การบริหาร
[LCSH]องค์การบริหารส่วนตำบล -- บทบาท
[LCSH]องค์การบริหารส่วนตำบล -- ระยอง -- มาบยางพรKeywords: การบริหารงาน,
บทบาท,
สมาชิก,
องค์การบริหารส่วนตำบลAbstract: การค้นคว้าอิสระงานนี้จึงศึกษาบทบาทหน้าที่ ปัญหาอุปสรรค และแนวทางการปฏิบัติงานของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลกับการบริหารงานองค์การบริหารส่วนตำบลมาบยางพร โดยเครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามในการเก็บข้อมูลจากเจ้าหน้าที่จำนวน 7 คน จากนั้นนำมาทำการวิเคราะห์ทางสถิติใช้สถิติเชิงพรรณา และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว
ผลการวิจัยพบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุระหว่าง 41 - 50 ปี จบการศึกษามัธยมศึกษา มีระยะเวลาการปฏิบัติงาน 7-10 ปี สำหรับบทบาทหน้าที่โดยภาพรวม พบว่า ให้ความเห็นชอบตามแผนพัฒนาตำบล เมื่อมีการพิจารณาร่างข้อบัญญัติตำบลยึดหลักตามสภาพปัญหาและความต้องการของประชาชน มีการทักท้วงให้ข้อเสนอแนะ ในเรื่องปัญหาอุปสรรคการปฏิบัติงานด้านแผนพัฒนาตำบล ข้อบัญญัติตำบล นอกจากนี้พบว่าการทำงานที่ล่าช้าไม่ทันความต้องการของประชาชน ในการควบคุมการปฏิบัติงานของผู้บริหาร ผู้ตอบแบบสอบถามจะคอยเสนอแนะในการประชุมของผู้บริหาร ให้ข้อเสนอแนะแนวทางการปฏิบัติงานของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล คือ ต้องประชาสัมพันธ์ พบปะประชาชน เสียสละ เสนอแผนงานโครงการตามนโยบายของการCurricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26653 SIU IS-T. บทบาทหน้าที่สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลกับการบริหารงาน องค์การบริหารส่วนตำบลมาบยางพร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง = Roles and Duties of Sub-District Local Administrative Organization’s Member in Management of Map Yang Porn Sub-District Local Administrative Organization Administration of, Plaukdang District, Rayong Province [printed text] / รัฐพล ไชยธรรม, Author ; วรเดช จันทรศร, Associated Name ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014 . - vi, 68 น. : ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-34
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2014.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล
[LCSH]องค์การบริหารส่วนตำบล -- การบริหาร
[LCSH]องค์การบริหารส่วนตำบล -- บทบาท
[LCSH]องค์การบริหารส่วนตำบล -- ระยอง -- มาบยางพรKeywords: การบริหารงาน,
บทบาท,
สมาชิก,
องค์การบริหารส่วนตำบลAbstract: การค้นคว้าอิสระงานนี้จึงศึกษาบทบาทหน้าที่ ปัญหาอุปสรรค และแนวทางการปฏิบัติงานของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลกับการบริหารงานองค์การบริหารส่วนตำบลมาบยางพร โดยเครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามในการเก็บข้อมูลจากเจ้าหน้าที่จำนวน 7 คน จากนั้นนำมาทำการวิเคราะห์ทางสถิติใช้สถิติเชิงพรรณา และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว
ผลการวิจัยพบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุระหว่าง 41 - 50 ปี จบการศึกษามัธยมศึกษา มีระยะเวลาการปฏิบัติงาน 7-10 ปี สำหรับบทบาทหน้าที่โดยภาพรวม พบว่า ให้ความเห็นชอบตามแผนพัฒนาตำบล เมื่อมีการพิจารณาร่างข้อบัญญัติตำบลยึดหลักตามสภาพปัญหาและความต้องการของประชาชน มีการทักท้วงให้ข้อเสนอแนะ ในเรื่องปัญหาอุปสรรคการปฏิบัติงานด้านแผนพัฒนาตำบล ข้อบัญญัติตำบล นอกจากนี้พบว่าการทำงานที่ล่าช้าไม่ทันความต้องการของประชาชน ในการควบคุมการปฏิบัติงานของผู้บริหาร ผู้ตอบแบบสอบถามจะคอยเสนอแนะในการประชุมของผู้บริหาร ให้ข้อเสนอแนะแนวทางการปฏิบัติงานของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล คือ ต้องประชาสัมพันธ์ พบปะประชาชน เสียสละ เสนอแผนงานโครงการตามนโยบายของการCurricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26653 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000593010 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-34 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000593028 SIU IS-T: IPAG-MPA-2014-34 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available